Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราได้ดื่มกินพระนิพพานโดยไม่รู้สึกตัว อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
คนโง่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 ม.ค. 2006, 11:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณค่ะ
 
เด็กฉลาดชาติเจริญ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 30 ม.ค. 2006, 8:46 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นิพพานคืออะไร สภาพที่ไม่เกิดดับ......... เป็นความสงบอย่างที่สุด .......การดับทุกข์ทั้งมวล.....การสิ้นสุดการเป็นอย่างนี้ ไม่มีการเกิดอีกหลังจากปรินิพพาน จึงไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีการรับรู้สี กลิ่น รส สัมผัส และความนึกคิด ไม่มีทั้งกุศลและอกุศล มีแต่ความสงบสูงสุด

 
วรากร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 30 ม.ค. 2006, 1:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นิพพานคืออะไร ตามที่ท่านพุทธทาสสอน

เป็นความสงบอย่างที่สุด เป็นการดับธรรม ทั้งมวล



นิพพพานนี้ ไม่ได้เกิดจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

มีการรับรู้สี กลิ่น รส สัมผัส และความนึกคิด มีทั้งกุศลและอกุศล

แต่ว่า ไม่มีการปรุงแต่งธรรม ไม่ยึดติดธรรมนั้น

เห็น ก็สักแต่ว่าเห็น สิ่งที่เห็นเป็นอะไร หรือ สวย ไม่สวย ท่านไม่ปรุ่งแต่งมัน

ไม่นำมากระทบจิต ให้เป็นสุขหรือทุกข์ ท่านจะเรียกว่า จิตว่าง



ท่านพุทธทาสสอนให้รักษาจิตให้ว่างไว้ ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่มากจากพระอาจารย์เว่ยหล่าง

หากท่านได้เคยอ่านจะเข้าใจท่านที่ว่า จิตว่าง หรือจิตเดิมแท้ คือจิตเดียวกัน



นิพพาน มีความหมายมากมาย เรียกกันมากมาย เพราะว่านิพพานไม่สามารถระบุชี้ชัดลงไปได้ ด้วยเหตุว่านิพพานนี้ก็ไม่มีตัวตนที่แท้จริง หาอะไรมาเทียบไม่ได้ ก็ต้องสมมุติชื่อเอามาเรียกก่อน แต่เมื่อเราพบแล้วก็จะเขาใจในทางเดียวกัน



ขอให้ท่านอ่านข้อความด้านบนด้วยจิตว่าง เป็นกลาง







 
คำถาม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 30 ม.ค. 2006, 4:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รู้ได้อย่างไร รู้ได้อย่างไร รู้ได้อย่างไร นั่นน่ะซี รูได้อย่างไร
 
นิพพานทุกวัน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 ม.ค. 2006, 9:21 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอนนอนหลับไง



ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เพราะไม่มีสติ... หรือหลับแบบมีสติ?

ไม่มีสติ ก็ไม่รู้ตัว จึงเรียกว่า นิพพานไม่รู้ตัว



ทุกคนนิพพานได้ทั้งนั้น สัตว์ก็นิพพานได้
 
นิพพานทุกวัน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 ม.ค. 2006, 10:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รู้ตอนตื่น และมีสติไง

เพราะจำได้ว่าหลับไป และนิพพาน ไม่รู้สึกตัว แล้วมีความสุข
 
dd
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.พ.2006, 10:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ต้องตีความว่า นิพพานของใคร สู้ สู้ ของคนอินเดียที่เขาพูดกันหรือของพุทธะ
ถ้าเป็นนิพพานของชาวอินเดียในสมัยพุทธกาลเค้าใช้พูดกัน ดังที่ชอบยกตัวอย่างกันว่า ข้าวร้อนๆ ก็ว่า ข้าวยังไม่นิพพาน ถ้ามันเย็นแล้วก็ข้าวนิพพานแล้ว

ถ้าอย่างงี้ก็พูดกันไป ปวดท้องส้วมตัวร้อน ผู้นั้นก็ยังไม่นิพพาน ถ้าเข้าส้วมถ่ายออก เบาโล่งสบายตัวเย็นก็นิพพาน แล้ว
ดีใจจังได้นิพพานทุกวัน
ได้นอนหลับทุกคืน ดีจัยจังได้ไปนิพพานทุกคืน อายหน้าแดง
 
sanitdew
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 04 ก.พ. 2006
ตอบ: 11

ตอบตอบเมื่อ: 04 ก.พ.2006, 8:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ต้องมีสติ

สติจะทำให้รู้สึกตัว
 

_________________
วันนี้ไม่รุ้ เมื่อวานนี้ไม่รู้ พรุ่งนี้รู้ไปใย
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
sanitdew
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 04 ก.พ. 2006
ตอบ: 11

ตอบตอบเมื่อ: 04 ก.พ.2006, 8:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นิพานในที่นี่ย่อมไม่มี
 

_________________
วันนี้ไม่รุ้ เมื่อวานนี้ไม่รู้ พรุ่งนี้รู้ไปใย
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
kunying
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 ก.พ. 2006
ตอบ: 13

ตอบตอบเมื่อ: 13 ก.พ.2006, 6:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากนิพพาน พยายามอยู่
 

_________________
ทำดีเพื่อดีแก่โลก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวYahoo MessengerMSN Messenger
ต้น
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 ก.พ.2006, 9:04 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ภิกษุทั้งหลาย รอยนิ้วมือย่อมปรากฏที่ด้ามมีดของนายช่างไม้ แต่นายช่างหารู้ไม่ว่าวันนี้ด้ามมีดของเราสึกไปประมาณเท่านี้ วานนี้สึกไปประมาณเท่านี้ วันก่อนๆสึกไปประมาณเท่านี้
นายช่างไม้มีความรู้สึกแต่ว่า สึกไปแล้ว สึกไปแล้ว โดยแท้แล แม้ฉันใด
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุปกิบัติธรรมอยู่ ก็หารู้ไม่ว่าวันนี้กิเลสและอาสวะทั้งหลายของเรา หมดไปแล้วประมาณเท่านี้ เมื่อวานหมดไปประมาณเท่านี้ วันก่อนๆหมดไปประมาณเท่านี้ ก็จริงอยู่
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อกิเลสและอาสวะสิ้นหรือหมดไปแล้ว เธอก็มีความรู้สึกหมดไปแล้ว สิ้นไปแล้ว ฉันนั้นเหมือนกันแล
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง