Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ชาติหน้า ผีสาง เปรต เทวดา มีจริงอ๊ะเป่า
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ไวษรี
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2006
ตอบ: 8
ตอบเมื่อ: 15 ม.ค. 2006, 8:24 pm
ขอถามหน่อยค่ะ ชาติหน้า ผีสาง เปรต เทวดา มีจริงหรือเปล่า
เอย
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 15 ม.ค. 2006, 9:46 pm
ใครจะบอกว่า มีหรือไม่มีคุณก็ไม่เชื่อ
ปัญหานี้ถกกันมาก่อนพุทธกาลแร้วจ้า
มาพร้อมกับกรรม
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2006, 3:13 am
ชาติหน้ามีจริงอะเปล่า?เป็นเรื่องเดียวกับ กฏแห่งกรรมมีจริงหรือไม่ กฏแห่งกรรมมีจริงหรือไม่ก็เป็นเรื่องเดียวกับกฏความสมดุลย์ทางวิทยาศาสตร์เป็นจริงหรือไม่ หากเอาลูกเหล็กกลมสองลูกมากลิ้งชนกันผลสุดท้ายลูกเหล็กจะกระเด็นจากกันเป็นไปตามกฏความสมดุลย์ของพลังงานหรือไม่ หากทดลองดูแล้วเป็นจริง กฏแห่งกรรมก็เช่นเดียวกันเพียงแต่ระยะเวลาในการเกิดความสมดุลย์ต่างกันมากเท่านั้น
การที่คนคนนึงกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอันทำให้วัตถุมวลเปลี่ยนแปลงภายนอกจนเกิดการสมดุลย์ในทางวิทยาศาสตร์จะจบแค่นั้นโดยอาศัยความสมดุลย์ของพลังงานมาอธิบายได้แต่กฏแห่งกรรมจะเริ่มตั้งแต่จิตเช่นหากไม่บริสุทธิแล้วเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความคิดกลายเป็นเจตนาเพื่อจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของวัตถุภายนอกเช่นเดียวกันนั้นยังมีสิ่งที่สัมพันธ์อื่นอีกคือเรื่องของกรรมเพื่อสร้างสมดุลย์นับตั้งแต่เริ่มคือเจตนาแม้นวัตถุจะสมดุลย์หยุดนิ่งไปแล้วแต่เจตนาของการกระทำนั้นยังคงรอกรรมเพื่อสร้างความสมดุลย์ให้เกิดขึ้นไม่ต่างจากความสมดุลย์ของวัตถุในทางธรรมชาติ
ยกตัวอย่างเช่นหากเราเจตนาเอาก้อนหินขว้างใส่หมาจนร้องเอ๋ง หมาหนีไปแล้วก้อนหินตกนิ่งแล้ววิทยาศาสตร์อธิบายจบไปแล้ว แต่กฏแห่งกรรมยังไม่จบเพราะเจตนาที่กระทำเช่นนั้นยังไม่ได้รับความสมดุลย์ทางธรรมชาติ จนอาจมีวันหนึ่งอยู่ดีดีเดินไปในสวนทุเรียนก็ตกใส่หัวจนเราร้องดังยิ่งกว่าหมาตัวนั้นอีก ถึงจุดนี้จะว่าสมดุลย์แล้วก็ยังไม่ได้ เพราะยังไม่เคยมีใครอธิบายได้ว่ากรรมด้วยเจตนาเท่าใดจะส่งผลย้อนกลับมากน้อยขนาดไหนจึงจะสมดุลย์ แต่หากใครทำไปแล้วก็ต้องได้รับผลของมันเท่านั้นเอง ดังนั้นหากชาตินี้ทำอะไรไปแล้วแม้นตายไปแล้วก็ยังไม่ได้สร้างความสมดุลย์ให้กับธรรมชาติ หากจะถูกเชิญให้มาเกิดมาเพื่อรับกรรมต่อไปจึงไม่น่าแปลกและคงไม่ได้เพื่อเพียงแค่กรรมเดียวจึงต้องมีความซับซ้อนกว่าเยอะ คราวนี้คงเห็นภาพได้บ้างว่าชาติหน้ามีจริงหรือไม่กระมัง
สำหรับผีสางเทวดาเปรต มีจริงหรือไม่ก็ยืนยันไม่ได้อีกเช่นกันแต่ลองคิดถึงสัตว์อะไรก็ได้ที่มองไม่เห็นได้อย่างเราเช่นมด มันจะรู้ไหมว่าโลกนี้มีคนอย่างเราที่ตัวสูงกว่ามันเป็นพันเท่า บางครั้งมันกำลังกัดเล็มอาหารอยู่แล้วอาหารมันก็หายวับไปเพราะเราแย่งมัน หรือเหยียบมันตายก็มีมันจะรู้ด้วยเหตผลได้หรือไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะมนุษย์สิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับมัน บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นมาแล้วเราหาเหตผลด้วยประสาทสัมผัสที่มีอยู่ไม่ได้ยังมีอีกมาก ดังนั้นการสรุปว่าอะไรไม่มีเพราะไม่เคยเห็นหรือสัมผัสได้จึงเป็นการคิดที่ผิดแม้นกระทั่งวิทยาศาสตร์ก็เช่นเดียวกัน
ปุ๋ย
บัวเงิน
เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
ตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2006, 10:08 pm
กราบสวัสดี คุณ ไวษรี
หากคุณฝึกปฏิบัติทางสมถะกรรมฐานมา ก็พอจะเข้าไปรับรู้เรื่องต่างมิติทางจิตวิญญาณเหล่านี้ได้โดยไม่ยากนัก ซึ่งมันก็เกิดจากการก่อกรรมทั้งดี และชั่วในขณะที่ดำรงชีวิตเป็นมนุษย์อยู่นั่นเอง ทีนี้เข้าไปรับรู้นี่ มันได้ประโยชน์อะไร ต้องแยกให้เป็น น้อมให้เป็น เรื่องเหล่านี้มันก็จะสอนเรื่องกรรมซึ่งเป็นการกระทำได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่ไปยึดหรือไปหลงกับมัน
ปฏิบัติตามพุทธศาสนานี่ถูกทางตรงที่เราพิสูจน์แล้วมันคลี่คลายความทุกข์ให้เราได้ เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญ เรื่องภพชาติ นรก สวรรค์มีจริงไม่จริงไม่สำคัญ ไม่ต้องไปรู้ก็ได้ ถึงจะรู้ก็ไม่ใช่ดับทุกข์ได้ จะรู้ว่าตัวเองเกิดกี่ชาติ ๆ ก็ดับทุกข์ไม่ได้ จะรู้ว่ามีนรกสวรรค์นางฟ้าเทวดาอยู่กันอย่างไร นรกอยู่กันกี่ขุมอย่างไร ๆ ถึงจะนั่งไปเห็นก็ใช่ว่าจะดับทุกข์ได้ ไม่ต้องเห็นอย่างนั้นแต่เห็นในตัวเอง
เห็นความปรุงแต่งในจิตใจ เห็นกายเห็นใจเห็นความรู้สึกในกายในจิตใจอยู่เสมอ ๆ นี่แหละ คือการที่จะดับทุกข์ได้ ปัญหาทั้งหลายแหล่มันอยู่ที่การดับทุกข์ อะไรก็ไม่สำคัญ ขอให้จิตสะอาดบริสุทธิ์ ดับเหตุแห่งทุกข์ได้ก็เพียงพอ
เจริญในธรรม
มณี ปัทมะ ตารา
อัศวิน
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2006, 10:01 am
"ขอถามหน่อยค่ะ ชาติหน้า ผีสาง เปรต เทวดา มีจริงหรือเปล่า"
เป็นคำถามทางอภิปรัชญา เป็นสิ่งหนือธรรมชาติ ยังไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ แต่ก็มีคนที่ศึกษาเครื่องมือนี้อยู่
จากการอ่านหนังสือนิยายธรรม ตำนานพระพุทธศาสนา บางเรื่องก็ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า มีชาติหน้า ผีสาง เทวดา เปรต
ถึงแม้ว่าจะมีหรือไม่ ก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องยึดเป็นสรณะ (พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ) และสนับสนุนความคิดเห็นของคุณปุ๋ยครับ
O_O
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 17 ม.ค. 2006
ตอบ: 3
ตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2006, 4:26 pm
จงระงับความโกรธ ด้วยความไม่โกรธ
ไวษรี
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2006
ตอบ: 8
ตอบเมื่อ: 20 ม.ค. 2006, 2:17 pm
ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำตอบ
น้อย
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 20 ม.ค. 2006, 5:14 pm
แผ่นเสียงตกร่องน่าเบื่อ
เขม
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 20 ม.ค. 2006, 10:04 pm
เนื้อความ : (ไวษรี)
อ้างอิง |
ถ้าเราคิดว่า ผี เเละสิ่งที่เรามองไ่ม่เห็นทั้งหลายไม่มีจริง เพราะทุกอย่างไม่มีตัวตนอันเเท้จริง ที่คิดอย่างนี้ก็เหมือนว่าเเค่สิ่งที่เรามองไม่เห็นยังคิดว่ามีตัวตน เเล้วนับประสาอะไรกับสิ่งที่มองเห็นอยู่ ก็ต้องคิดว่ามันมีตัวตนอยู่เเล้ว อย่างนี้ผิดไหมคะ ขอถามผู้รู้หน่อย เพราะว่าตอนนี้ก็ยังเด็กอยู่ ( อายุ 12 ย่าง 13 เเล้วล่ะค่ะ ^^ ) ก็ไม่อยากเป็นคนที่มีมิจฉาทิฏฐิซะด้วยซิคะ ก็ยังไงก็ช่วยชี้เเนะทางที่ถูกต้องด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
_/|\_
กระทู้นี้นำมาจากเว็บอื่น (ชื่อเดียวกัน) การถามดูสับสนไปหน่อยแต่ก็พอเดา ๆ เอาได้ เหตุผู้ถามอายุยังน้อยเป็นเด็ก แต่มีความสงสัยเรื่องที่ผู้ใหญ่เองก็สงสัยเหมือนกัน
จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร ก็สิ่งที่ถามมองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ แม้มองไม่เห็นด้วยตา แต่จะทึกทักเอาว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่มีก็ไม่ได้ เพราะสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น แต่สิ่งนั้นมีอยู่ก็มี เช่นค้างคาวมองเห็นสิ่งที่อยู่ในที่มืด แต่เรามองไม่เห็น หรือสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ใช้กล้องส่องดูก็มองเห็นเป็นต้น....
เรื่องผีที่หนูสงสัยก็เช่นกันอาจมีก็ได้ แต่เรามองไม่เห็นด้วยจักขุประสาท เราเข้าใจกันมาว่า คนตายแล้วเกิดเป็นผี ซึ่งเคยได้ยินได้ฟังกันมาแต่อ้อนแต่ออกแล้ว
การหลอกกันให้กลัวผีใช่ว่าจะมีในปัจจุบันเท่านั้นก็หาไม่ ในสมัยพุทธกาลก็มีการเล่าการหลอกให้กลัวกันมาแล้ว ในพระวินัยมีอยู่ข้อหนึ่งที่ว่า ภิกษุหลอนภิกษุให้กลัวผีต้องอาบัติปาจิตตีย์....
เมื่อโดนหลอกกันอย่างนี้จึงฝังหัวฝังความรู้สึกเรื่อยมา คนที่เคยโดนหลอกก็เล่าเป็นตุเป็นตะว่ามี ยืนยันว่าผีมีฉันโดนหลอกมาแล้ว ฯลฯ
ส่วนคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ก็คลางแคลงใจ ไม่ค่อยเชื่อ สมมุติว่า ให้คน 2 คน2 ทัศนะ นั่งโต้กันก็คุยกันก็ไม่รู้เรื่อง เถียงกันทะเลาะกันเหมือนเต่ากับปลาเถียงกันเรื่องบกยังไงยังงั้น
เรื่องอย่างนี้นะ ต่อให้เรา (ปุถุชน) ถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็คงไม่บอกเช่นกันว่ามีหรือไม่มี จะบอกว่ามีเราก็ไม่เชื่อ เพราะเราไม่เคยเห็น จะบอกว่าไม่มี เราก็เชื่อไม่สนิท เพราะเราเคยโดนผีอำโดนผีหลอกมาแล้ว
จะยกตัวอย่างเรื่องเปรตที่เชิงเขาคิฌกูฏเป็นตัวอย่าง พระพุทธเจ้าเคยเห็น แต่พระองค์ไม่พูดไม่บอกกับใคร ถึงบอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ พระองค์จึงนิ่งไม่พูดไม่บอกกับใคร
วันหนึ่งพระโคลคัลนะเห็นเปรตตนนั้นด้วย จึงเล่าให้พระพุทธเจ้าฟัง พระองค์จึงรับรองการเห็นของโมคคัลลานะ ว่าพระองค์ก็เคยเห็น (ตามตำรากล่าวไว้อย่างนี้)
ข้อนี้เป็นตัวอย่างประเด็นผีมีไม่มีเป็นต้น สมมุติว่าให้คน 2 คน คนหนึ่งเคยเห็นผีหรือเชื่อว่าผีมี คนหนึ่งไม่เคยเห็นผีหรือไม่เชื่อว่าผีมี นั่งคุยกันเรื่องผีมีไม่มี รับรองทะเลาะกันเถียงกันหน้าดำหน้าแดงแน่ ๆ ......
ประเด็นอื่นก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นวันหน้าหนูสงสัยอะไรหรือคุยเรื่องอะไรกับใคร ๆ ประเด็นคล้าย ๆ นี้ จงหลีกเลี่ยงวิวาทเสีย ฯลฯ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th