ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
new
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532
|
ตอบเมื่อ:
12 ธ.ค.2005, 8:26 pm |
  |
คือ ผมมีความสงสัย เรื่องอภิญญา
คือจากที่ผมรู้ บุคคลจะสามารถมีอภิญญาได้ ต้องฝึกสมาธิ จนถึงขั้นฌาน แล้ว ฝึกวสี อีก
แต่มีไหมครับ บุคคลในชาติปัจจุบันนี้ โดยที่เขาไม่ได้ฝึกสมาธิ ในชาติปัจจุบัน แต่มีอภิญญาติดตัว อาจจะเป็นจากชาติที่แล้ว หรือ ชาติ ก่อนๆ เช่นมี เจโต( รู้ใจคน) ติดตัวมา ( โดยที่ในชาติปัจจุบัน ไม่เคยฝึกสมาธิ ฝึกฌานเลย อาจจะเป็นผลมาจาก ชาติที่แล้ว ) คือ เป็นคำถามที่ผมมีความสงสัย
ขอผู้รู้เรื่องอภิญญา ช่วยตอบเพื่อความกระจ่างด้วย
ปล เคยได้ยินมาว่า มีหลายต่อ หลายคน ที่สามารถ ระลึกชาติได้ โดยที่ไม่ได้ฝึกสมาธิ ( ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นความรู้ติดมา จากการปฏิบัติ จากชาติ ก่อน ๆ ) เช่นเคยได้ยินว่ามีเด็กน้อย สามารถ ระลึกชาติ หรือ บางคน มีความสามารถ เห็น วิญญาณ เห็น สิ่งที่เป็นทิพย์ได้
ที่สงสัยคือ จะมีได้ไหม ถ้าผู้นั้นไม่ได้ฝึกสมาธิ ในชาติปัจจุบันนี้ แล้วก็เกิดติดตัวมาเลย |
|
|
|
  |
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
12 ธ.ค.2005, 8:45 pm |
  |
เป็นไปไม่ได้ครับ เด็ดขาดด้วยประการทั้งปวง มีเหตุผล แต่อธิบายไม่ได้ครับ |
|
|
|
    |
 |
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
12 ธ.ค.2005, 10:43 pm |
  |
แฟนผมเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก
จริงเหรอ เธอรูปร่างหน้าตาอย่างงัยอ่ะ? สวยเท่าน้องแมป่ะ?
ผมอธิบายไม่ได้ แต่คุณเชื่อผมเหอะ แฟนผมเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก
ทำไมอธิบายไม่ได้ คุณไม่เคยเห็นแฟนคุณเหรอ
ถึงผมจะไม่เคยเห็นเธอ
.............แต่ผมรู้ว่าแฟนผมเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก
......  |
|
|
|
  |
 |
วรากร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 ธ.ค.2005, 10:22 am |
  |
เป็นไปได้ แต่ส่วนมากจะไม่ถาวร เป็นบางครั้งบางเวลา
หากไม่ฝึกฝนไม่นานก็หายไป |
|
|
|
|
 |
I am
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 ธ.ค.2005, 11:39 am |
  |
ท่านผู้บำเพ็ญบารมีมามากมายหลายร้อยหลายพันชาติ มาในชาติปัจจุบันเพียงแค่มองเห็นน้ำ ฌานสมาบัติก็บังเกิด
....พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ถึงพระองค์จะทรงชนะสงครามตั้งร้อย ครั้งตั้งพันครั้ง แม้ตั้งแสนครั้ง ก็ยังชื่อว่าชนะไม่เด็ดขาดอยู่นั่นเอง เพราะยังเอาชนะกิเลสทั้งหลายไม่ได้ แต่ข้าพระองค ์ข่มกิเลสในภายในไว้ได้ เอาชนะกิเลสทั้งหลายได้ กราบทูลไป มองดูแม่น้ำไป ยังฌานมีอาโปกสิณเป็นอารมณ์ ให้เกิดขึ้นแล้ว นั่งในอากาศด้วยอำนาจของฌานและสมาบัติ ....
กุททาลชาดก |
|
|
|
|
 |
new
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532
|
ตอบเมื่อ:
13 ธ.ค.2005, 3:20 pm |
  |
คุณบัวเบลอ เล่นมุขอีกแล้ว 555
ขอบคุณที่ตอบนะ ครับ ทุกท่าน
ผมก็คิดว่า ถ้าบางคน จะเกิดอภิญญาขึ้น โดยที่ชาติปัจจุบัน ไม่ได้ฝึกสมาธิ มาเลย ก็อาจจะเป็น ผลจากการปฏิบัติ มาจากชาติก่อน ๆ แล้วถ้าจิตเป็นสมาธิ( ผมเข้าใจว่าจิตจะเกิดสมาธิได้ง่าย เพราะเคยฝึกมา) ก็อาจจะเกิดอภิญญาขึ้นได้
การที่ จะเกิดอภิญญานั้นจิตต้องเป็นสมาธิ และอยู่ในฌานเท่านั้น หรือ เปล่า หรือ ว่า ต้องออกจากฌาน ครับ |
|
|
|
  |
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 ธ.ค.2005, 4:39 pm |
  |
อภิญญา เกิดขึ้นด้วย เหตุ 2 อย่างคือ
1. อิทธิฤทธิ์ หรือ
2. บุญฤทธิ์
บางครั้ง ผู้มีบุญเพียงพอ ก็สามารถมีฤทธิ์บางอย่างได้โดยที่ชาติปัจจุบันไม่ได้เจริญภาวนา เช่น พระโพธิสัตว์ เกิดเป็นพระเตมียใบ้ เมื่อแรกเกิดก็ระลึกชาติได้ ว่าเคยเป็นกษัตริย์ ตกนรกมาหลายชาติ ชาตินี้จึงไม่อยากเป็นกษัตริย์ เลยแกล้งทำเป็นใบ้
หรือ ท่านเมณกเศรษฐี เพียงแค่ แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็จะมีข้าวสาลีแดงตกลงมาจนเต็มยุ้งฉาง ภรรยาของท่านเศรษฐี มีหม้อข้าวอยู่ 1 ใบ ตักแจกผู้คนเท่าไหร่ก็ไม่พร่องเลย เป็นต้น
|
|
|
|
|
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
14 ธ.ค.2005, 8:35 am |
  |
ขึ้นชื่อว่าการระลึกชาติแล้ว ต้องทำในสมาธิเท่านั้น ไม่สามารถระลึกด้วยวิธีการอื่นได้ ยกเว้นตอนเกิดพญายมไม่ได้ล้างสัญญาในชาติเดิมให้ ซึ่งมีน้อยมาก
ส่วนผู้มีบุญก็ไม่ได้หมายความว่ามีอภิญญา เพียงแต่เป็นผู้ที่มีลักษณะพิเศษบางประการทีร่ต่างไปจากบุคคลปกติเท่านั้น
1. อิทธิฤทธิ์ อธิบายไม่ได้เพราะไม่มี
2. บุญฤทฑธิ์ คือกำลังความปรารถนาดีที่มีให้ต่อสรรจิต สรรพชีวิตทุกดวง มีมากเท่าไหร่ก็ทำงานให้เห็นผลเท่านั้น แล้วจะมีมากขึ้น ตามความขยัน หมั่นเพียร และอดทน เรียกว่า ภาวนาบารมี |
|
|
|
    |
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
14 ธ.ค.2005, 8:58 am |
  |
-แสดงฤทธิ์ได้ทุกอย่าง เพราะอำนาจกสิณ
- มีหูทิพย์ เพราะอำนาจกสิณ
- มีทิพยจักขุญาณ
- มีปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้
- รู้ความรู้สึกนึกคิดของคนและสัตว์ได้
- ทำกิเลสให้สิ้นไป
1. แสดงฤทธิ์ได้ทุกอย่าง เพราะอำนาจกสิณ ใช้จิตคิดอะไร สิ่งนั้นก็เกิดดังที่จิตคิด
2. หูทิพย์ คือได้ยินเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน
3. ทิพย์จักขุ รู้หรือเห็นในสิ่งทมี่คนอื่นไม่รู้ไม่เห็นในสมาธิ
4. บุเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติทั้งของตนและของผู้อื่น เพื่อหา. สาเหตุปัจจัยที่ทำให้เขามีสภาพตามจริงในปัจจุบันว่ามาจากกรรมที่ไปทำไว้กับใคร เมื่อชาติไหน
5. รู้ความรู้สึกของคนและสัตว์ได้ ที่จริงรวมทั้งจิตวิญญาณด้วย รู้ว่าเขามีเจตนาอย่างไร
6. ทำกิเลสให้สิ้นไป ด้วยการใช้พลังอำนาจแห่งอาสวะขยะญาณ กำจัด อาสวะให้หมดสิ้นไปจากจิตได้โดยเร็ว
อย่างไร ผู้ที่จะเข้าใจเรื่องของอภิญญาได้ดี ต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติจนชำนาญแล้วเท่านั้น นอกจากนี้แล้วยังมีวิชชาที่สูงกว่าอภิญญาทั้ง 6 ประการที่ว่านี้อีก ซึ่งเป็นวิชาเฉพาะเทพชั้นสูงเท่านั้น ซึ่งพระอรหันต์ธรรมดาใช้ไม่ได้
|
|
|
|
    |
 |
ดินสอ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
14 ธ.ค.2005, 9:53 am |
  |
"ซึ่งเป็นวิชาเฉพาะเทพชั้นสูงเท่านั้น ซึ่งพระอรหันต์ธรรมดาใช้ไม่ได้ "
ใครหนอ? |
|
|
|
|
 |
ปูคุง
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
14 ธ.ค.2005, 10:07 pm |
  |
ในวัฏสงสารอันยาวนานนี้ บางคนก็เคยให้ทาน รักษาศีล ฝึกฝนสติ เจริญสมาธิ กระทั่งได้ได้ฌานสมาบัติ
บางคนทำบุญ ทาน ศีล ภาวนาพร้อม แล้วตายขณะไม่อยู่ในฌานสมาบัติ ก็ไปเกิดเป็นเทพตั้งแต่ชั้น 1-6 ในสวรรคโลกบ้าง มนุษย์โลกบ้าง ฯลฯ
บางคนทานศีลภาวนาพร้อม ก็ตายขณะอยู่ในรูปฌานสมาบัติ ก็ไปเกิดในรูปโลกและอรูปโลกบ้าง เช่น พรหมโลก ชั้น 1-10 คือ ๑.พรหมปาริสัชชา ๒.พรหมปุโรหิตา ๓.มหาพรหมา ๔.ปริตตาภา ๕.อัปปมาณาภา ๖.อาภัสสรา ๗.ปริตตสุภา ๘.อัปปมาณสุภา ๙.สุภกิณหา ๑๐.อสัญญีสัตตา
บางคนทานศีลภาวนาพร้อม ก็ตายขณะอยู่ในอรูปฌานสมาบัติ ก็ไปเกิดเป็นพระพรหมที่เรียกว่า อรูปพรหม คือ ๑.อากาสานัญจายตนะ ๒.วิญญาณัญจายตนะ ๓.อากิญจัญญายตนะ ๔.เนวสัญญานาสัญญายตนะ พรหมโลกนี้ มีขันธ์ ๔ คือ มีแต่นามขันธ์เท่านั้นเอง
เมื่อทานศีลภาวนาพร้อม และศีล สมาธิ ปัญญาพร้อม ถึงกระแสพระนิพพาน คือ อนาคามิมรรค อนาคามีผล ก็เกิดในพรหมโลก ชั้น 11-16 คือ พรหม ๕ ชั้นที่สูงสุดในขั้นรูปาวจร คืออวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี อกนิฏฐา หรือที่เรียกรวมๆกันไปว่า ชั้นสุทธาวาส นั่นเอง
เฉพาะพรหมโลกชั้น 10 เท่านั้น เป็นที่อยู่ พระอสัญญีพรหม เพราะมีแต่รูป ไม่มีนาม จึงเรียกว่า พระพรหมลูกฟัก เพราะมีหนึ่งขันธ์เท่านั้น
...
ผู้มาเกิดในโลกนี้ คนที่เคยได้ ฌานสมาบัติมาก็มี เสื่อมแล้วก็มี ยังติดอยู่ในจิตก็มี รอการกระตุ้นให้กลับมาอีกก็มี แล้วแต่บารมีของแต่ละคน
ดังนั้น หากบางคนสามารถรู้เห็นเหตุการล่วงหน้าได้ เห็นอดีตชาติได้ ฯลฯ ใน อภิญญา ๖ (แต่เว้น อาสวักขยญาณ-เป็นโลกุตตรญาณ) ก็เป็นเรื่องสามัญที่จะมีได้
เหมือนการเจริญสมาธิ บางคนก็ฝึกนิด ก็ไปเร็ว ไปไกล เพราะของเดิม ทุนเก่า บุญเก่ามีมากแล้ว รอทำเพิ่ม ทำให้แจ้งยิ่งๆขึ้นไป ก็เหมือนเสือติดปีก ก็ปานนั้น
อนึ่ง ฌานสมาบัติขั้น จตุตถฌาน คือมีองค์ อุเบกขา กับ เอกัคคตา เป็นระดับที่ใช้การได้ในการแสดงอภิญญา
ฯลฯ
 |
|
|
|
|
 |
ปูคุง
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
14 ธ.ค.2005, 10:17 pm |
  |
...
อภิญญา ความรู้ยิ่ง, ความรู้เจาะตรงยวดยิ่ง, ความรู้ชั้นสูง มี ๖ อย่างคือ ๑) อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ ๒) ทิพพโสต หูทิพย์ ๓) เจโตปริยญาณ ญาณที่ให้ทายใจคนอื่นได้ ๔) ปุพเพนิวาสานุสติ ญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้ ๕) ทิพพจักขุ ตาทิพย์ ๖) อาสวักขยญาณ ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป, ๕ อย่างแรกเป็นโลกียอภิญญา ข้อสุดท้ายเป็นโลกุตตรอภิญญา
...
วิชชา ความรู้แจ้ง, ความรู้วิเศษ; วิชชา ๓ คือ ๑.ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ความรู้ที่ได้ระลึกชาติได้ ๒.จุตูปปาตญาณ ความรู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย ๓.อาสวักขยญาณ ความรู้ที่ทำอาสวะให้สิ้น; วิชชา ๘ คือ ๑.วิปัสสนาญาณ ญาณในวิปัสสนา ๒.มโนมยิทธิ ฤทธิ์ทางใจ ๓.อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ ๔.ทิพพโสต หูทิพย์ ๕.เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดใจผู้อื่นได้ ๖.ปุพเพนิวาสานุสติ ๗.ทิพพจักขุ ตาทิพย์ (=จุตูปปาตญาณ) ๘.อาสวักขยญาณ
...
พรหมโลก ที่อยู่ของพรหม ตามปกติหมายถึงรูปพรหม ซึ่งมี ๑๖ ชั้น เรียกว่า รูปโลก ตามลำดับดังนี้
๑.พรหมปาริสัชชา ๒.พรหมปุโรหิตา ๓.มหาพรหมา ๔.ปริตตาภา ๕.อัปปมาณาภา ๖.อาภัสสรา ๗.ปริตตสุภา ๘.อัปปมาณสุภา ๙.สุภกิณหา ๑๐.อสัญญีสัตตา ๑๑.เวหัปผลา ๑๒.อวิหา ๑๓.อตัปปา ๑๔.สุทัสสา ๑๕.สุทัสสี ๑๖.อกนิฏฐา
อรูปพรหม ซึ่งแบ่งเป็น ๔ ชั้น เรียกว่า อรูปโลก คือ ๑.อากาสานัญจายตนะ ๒.วิญญาณัญจายตนะ ๓.อากิญจัญญายตนะ ๔.เนวสัญญานาสัญญายตนะ
...
ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างสามัญ ไปเกิดที่ไหน
ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างสามัญ ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นพรหมปาริสัชชา
อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร
มีประมาณเท่าส่วนที่ ๓ ที่ ๔ แห่งกัปป์ [คือ ๑ ใน ๓ หรือ ๑ ใน ๔แห่งกัปป์]
ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างกลาง ไปเกิดที่ไหน
ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างกลาง ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นพรหมปุโรหิตา
อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร
มีประมาณกึ่งกัปป์
ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างประณีต ไปเกิดที่ไหน
ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างประณีต ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นมหาพรหมา
อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร
มีประมาณ ๑ กัปป์
...
ผู้เจริญจตุตถฌาน บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาเหล่าอสัญญสัตว์ บางคนไปเกิดเป็นพวก
เทวดาชั้นเวหัปผลา บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นอวิหา บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้น
อตัปปา บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นสุทัสสา บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นสุทัสสี บาง
คนไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นอกนิฏฐะ บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาผู้เข้าถึงอากาสานัญจายตนภพ
บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาผู้เข้าถึงวิญญาณัญจายตนภพ บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาผู้เข้าถึง
อากิญจัญญายตนภพ บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาผู้เข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนภพ เพราะ
อารมณ์ต่างกัน เพราะมนสิการต่างกัน เพราะฉันทะต่างกัน เพราะปณิธิต่างกันเพราะอธิโมกข์
ต่างกัน เพราะอภินิหารต่างกัน เพราะปัญญาต่างกัน
...
เหล่าสัตว์ที่มีอำนาจแห่งบุญส่งเสริม ไปแล้วสู่กามภพ และรูปภพ หรือแม้ไปสู่ภวัคค
พรหม ย่อมกลับไปสู่ทุคติอีกได้ เหล่าสัตว์มีอายุยืนถึงเพียงนั้นก็ยังจุติเพราะสิ้นอายุ ภพ
ไหนๆ ชื่อว่า เที่ยง ไม่มี สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ได้ตรัสไว้อย่างนี้
เพราะฉะนั้นแล เหล่านักปราชญ์ผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดรอบคอบ คำนึงถึงความจริงข้อนี้ จึง
เจริญมรรคอันอุดมเพื่อพ้นจากชรามรณะ ครั้นเจริญมรรคอันบริสุทธิ์สะอาด ซึ่งมีปกติยังสัตว์
ให้หยั่งถึงพระนิพพานแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่มีอาสวะปรินิพพาน เพราะกำหนดรู้อาสวะทั้งปวง
ฉะนี้แล
...
 |
|
|
|
|
 |
|