Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ความเป็นอรหันต์ของคนเดินดิน อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
P
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 ธ.ค.2005, 9:56 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โมทนาสาธุ ในความดีของท่านทั้งหลาย



ขอเสนอความคิดเห็นจากคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า



ธรรมที่เอาไว้วัดผลในการปฏิบัติ หรือ แว่นส่องใจคือสังโยชน์ 10

1. สักกายทิฏฐิ

2. วิจิกิจฉา

3. สีลัพพตปรามาส

4. กามราคะ

5. ปฏิฆะ

6. รูปราคะ

7.อรูปราคะ

8.มานะ

9.อุทธัจจะ

10.อวิชชา



ผู้ที่ละสังโยชน์ได้ 3 ข้อแรก บรรลุ พระโสดาบัน

ผู้ที่ละสังโยชน์ได้ 3 ข้อแรก และทำให้เบาบางมากกว่าพระโสดาบัน

ผู้ที่ละสังโยชน์ได้ 5 ข้อแรก บรรลุเป็นพระอนาคามี

ผู้ที่ละสังโยชน์ได้ทั้งหมด 10 ข้อ บรรลุธรรมสูงสุดในพระพุทธศาสนา



ขอความเมตตาคุณ tanawat30 ช่วยอธิบายความหมายของสังโยชนืทั้ง 10 ข้อด้วย



สาธุในความดีของท่าน
 
ผ่านพบ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 ธ.ค.2005, 3:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าสอนผิดทำให้เข้าใจผิด คลาดจากพระนิพพานได้ใช่หรือไม่



ถ้าสอนผิดทำให้ปรารถนาผิด พลาดจากนิพพานได้ใช่ไหม



ถ้าสอนผิดทำให้อธิษฐานผิด พลาดจากพระนิพพานได้ใช่ไหม



ถ้าสอนผิดผู้อื่นทักท้วงด้วยธรรม ไปจาบจ้วงธรรมอันถูกของเขา ล่วงเกินพระธรรมใช่ไหม



ถ้าสอนผิดเอาธรรมที่ตำกว่าว่าเป็นธรรมที่สูง เป็นการลบหลู่พระธรรมหรือไม่



ถ้าสอนผิดไม่เคารพธรรมของบุคคลอื่นนำมาแสดง ย่อมเป็นผู้ไม่มีความเคารพตามมงคล 38 ใช่หรือไม่



การสอนผิดที่ทำให้สัตว์ไปไม่พ้นโลก สัตว์นั้นอาจตกนรกในชาติต่อไป เพราะเข้าใจธรรมตามสอนผิดใช่หรือไม่



การสอนผิดนี่เป็นโทษด้วยเหตุนี้ ก็เป็นโทษหนักแล้วใช่หรือไม่?
 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 14 ธ.ค.2005, 9:12 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความเห็นที่ 61 ผู้เจริญ คุณต้องเจอสัมมาทิฏฐิ และอวิชชา ด้วยการปฏิบัติด้วยตนเอง จะได้รู้ซึ้งถึง อวิชชาเป็นอย่างไร สัมมาทิฏฐิ เป็นอย่างไร เหมือนผู้ที่ทำกับข้าวเป็น ต้องลองทำผิด ทำถูกมาก่อน ถ้าไม่มีคนสอน เมื่อทำแล้ว จึงรู้ความผิดหรือถูกได้ด้วยตนเองครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
นัสรูดิน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 ธ.ค.2005, 3:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

tanawat3 มันต้องพิจรณาที่อัตตาครับ ตามนัยของท่านพุทธทาสนะครับ อัตตาที่เป็นสันดานชั่ว เอาออกให้หมดสิ้นไปจากอัตตาก่อน

Dec 14, 14:53 นัสรูดิน ทิฏฐิวิปลาส เห็นทุกข์ว่าสุข เห็น ความไม่เที่ยงว่าเที่ยง เห็นความไม่มีตัวตนมีว่ามีตัวตน เห็นสิ่งไม่งามว่างาม

Dec 14, 14:53 jj

Dec 14, 14:53 นัสรูดิน เมื่อยังเห็นเช่นนี้ก็ละสังโยชน์สามไม่ได้

Dec 14, 14:53 ปุ๋ย สาธุค่ะ คุณนัสรูดิน

Dec 14, 14:54 นัสรูดิน สิ่งใดเกิดพิจารณาสิ่งนั้น

Dec 14, 14:54 .38 ทำไมละไม่ได้

Dec 14, 14:54 tanawat3 คนเรายึดมั่นถือมั่นหมด โดยแท้ แม้แต่ความชั่วของตนยังเป็นอัตตา ไม่เอาออก

Dec 14, 14:54 พันสิงห์ คุณนัสรูดิน กล่าวได้แจ่มแจ้ง ลึกซึ้ง

Dec 14, 14:54 .38 อ่อ

Dec 14, 14:54 นัสรูดิน แม้ทิฏฐิมานะเกิด ให้รู้ว่าทิฏฐิมานะเกิดขึ้นแล้ว ณ ที่นั่น

Dec 14, 14:55 นัสรูดิน สิ่งที่ไปจับได้ คือสติสัมปชัญญะ

Dec 14, 14:55 นัสรูดิน สิ่งอื่นเอาไปจับไม่ได้ สติอย่างเดียวก็จับไม่ได้

Dec 14, 14:55 tanawat3 ทิฏฐิมานะจะเกิดได้ เมื่อสิ่งนั้นนำไปปฏิบัติแล้วไม่เป็นสัจธรรม

Dec 14, 14:55 นัสรูดิน ต้องสติคู่กับสัมปชัญญะ

 
นัสรูดิน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 ธ.ค.2005, 3:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

38 สติก็มีการเกิดดับ

Dec 14, 14:56 นัสรูดิน คำว่าปฏิบัติได้ผล เป็นตามลำดับ

Dec 14, 14:56 นัสรูดิน การได้ผลขั้นต้นนั้น ต้องทำความเข้าใจธรรมทั้งหลาย

Dec 14, 14:57 นัสรูดิน จะทนงถือตนว่าปฏิบัติได้เหนือผู้อื่น แม้จะจริง แต่ความรู้ในธรรมต้องมีประกอบด้วย

Dec 14, 14:57 tanawat3 สรรพสิงล้วนเป็นตามความเป็นจริงของบัญญัติโลก อะไรมีพึงรู้ว่ามี แต่ถ้าอะไรที่มีแล้วบอกว่าไม่มี มันฝืนบัญญัติโลกไม่ได้ แต่ที่รู้ว่ามีควรมีสติว่าจะจัดการกับสิ่งที่มีอย่างไร

Dec 14, 14:57 พันสิงห์ สาธุ

Dec 14, 14:57 นัสรูดิน ทดลองไหม ว่าเอาผู้หญิงแก้ผ้ามาให้กอดแล้วจะเป็นอย่างไรกับกิเลส

Dec 14, 14:58 พันสิงห์

Dec 14, 14:58 tanawat3 แล้วไม่ทดลองเหรอว่า ถ้าเอาต้นเหตุแห่งกิเลสออกแล้วเราจะพ้นทุกข์

Dec 14, 14:58 ปุ๋ย

Dec 14, 14:58 .38

Dec 14, 14:59 พันสิงห์

Dec 14, 14:59 jj

Dec 14, 14:59 .38 ขอฟังเฉยๆครับ

 
นัสรูดิน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 ธ.ค.2005, 3:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พันสิงห์ ฟังเฉยๆ

Dec 14, 15:00 .38 ครับ ฟังเฉยๆ

Dec 14, 15:00 tanawat3 ที่จริงอย่างคุณ .38 ปฏิบัติมาบ้างแล้ว ผมจะอธิบายในพระอภิธรรมให้ฟัง จะได้รู้กลไกการทำงานของจิต

Dec 14, 15:00 .38

Dec 14, 15:00 พันสิงห์ ฟังเฉยๆ

Dec 14, 15:00 jj ฟังด้วย

Dec 14, 15:00 นัสรูดิน คนอื่นไม่พูดเรื่องฌานโลกีย์เพราะเขาไม่อวดอุตริ

Dec 14, 15:01 tanawat3 จะเป็นการอธิบายครั้งแรก

Dec 14, 15:01 ปุ๋ย แต่ถ้าทดลองกลับกัน เอาผู้ชายแก้ผ้ามาให้กอด กิเลสปุ๋ยเกิดแน่ๆ โดดเตะเลยค่ะ

Dec 14, 15:01 jj ทามมายคุณ tanawatไม่บวชอะฮับ

Dec 14, 15:01 ปุ๋ย

Dec 14, 15:01 แป้ง

Dec 14, 15:01 jj 55+

Dec 14, 15:01 พันสิงห์

Dec 14, 15:01 นัสรูดิน ใครจะอวดอุตรก็พูดไปซี

Dec 14, 15:01 tanawat3 ผมต้องการพิสูจน์ว่า ฆราวาสก็ปฏิบัติได้ ผมไม่อยากมีมะนะ ความถือตัวงครับ

Dec 14, 15:02 .38

Dec 14, 15:02 พันสิงห์ โดดเตะ

Dec 14, 15:02 เสก

Dec 14, 15:02 .38

Dec 14, 15:02 พันสิงห์ ผู้ชายแก้ผ้า

Dec 14, 15:02 tanawat3 เรื่องของจิตนั้นอธิบายยาก ผมยังไม่รู้ว่าจะอธิบายได้ลึกแค่ไหน

Dec 14, 15:02 .38 มีงานต้องทำขอฟังเฉยๆนะครับ

Dec 14, 15:02 jj แต่ถ้าเปงพระ ก็มีศีล 227 ข้อเพิ่ม น่าจะยากกว่านะ

Dec 14, 15:02 พันสิงห์ โดดเตะ

 
นัสรูดิน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 ธ.ค.2005, 3:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เสก ก็ยังมีปฏิกิริยาอยู่

Dec 14, 15:02 นัสรูดิน แล้ว 2500ปี มานี้ ไม่มีใครรู้ว่าฆราวาสปฏิบัติได้ เพิ่งมารู้จากคุณเหรอ

Dec 14, 15:03 jj ถ้าเป็นฆราวาสเราว่าน่าจะเข้าใจธรรม แต่ไม่บรรลุ(มั้ง)

Dec 14, 15:04 tanawat3 เริ่มจาก สันดานที่มี = กรรมทั้งหมดที่มี นั่นคือ 2 สิ่งนี้เป็นงบดุลย์ทางบัญชี นั่นคือเรามีเจตนาชั่วเท่าไหร่ = สิ่งที่เราได้รับจากการทำชั่วจะได้เท่านั้น

Dec 14, 15:04 นัสรูดิน ฆราวาสปฏิบัติได้ เป็นอรหันต์ก็ได้ แต่อยู่ไม่เกิน 7 วันสักราย

Dec 14, 15:04 ปุ๋ย คืออาการตกใจจะเป็นอัตโนมัติทำให้ร่างกายเกิดการชักกระตุกที่ขาและเหวี่ยงออกไปโดยอัตโนมัติ....ป๊าบบบ

Dec 14, 15:05 พันสิงห์

Dec 14, 15:05 นัสรูดิน และเป็นอรหันต์แล้ว ไม่เอาบุญไปอุทิศเจ้ากรรมนายเวร

Dec 14, 15:05 jj อ่อ

Dec 14, 15:05 นัสรูดิน เพราะไม่ปรารถนา บุญ บาป

Dec 14, 15:05 พันสิงห์ ป๊าบบบบ

Dec 14, 15:05 jj ฮับๆ

Dec 14, 15:06 tanawat3 พระสมัยนี้ ปฏิบัติยากกว่าฆราวาส เพราะ พระเป็นที่จับตาของฆราวาส ทำอะไรผิดนิดไม่ได้ จะโดนจับตามอง

Dec 14, 15:06 นัสรูดิน แต่ฌานโลกีย์นั้นมี ต้องการบุญ

Dec 14, 15:06 หลงกิเลส

Dec 14, 15:06 tanawat3 ถ้ามองมุมนี้นะครับ

Dec 14, 15:06 นัสรูดิน ผมอยากให้ศึกษาสติปัฏฐานสี่ แล้วเจริญดู คิดว่าไม่นานน่าจะได้ผลดีแก่ท่าน

Dec 14, 15:06 เสก น่าจะเอาคุณทวดดิ๊วดิ่ว มาลองนะ

Dec 14, 15:06 นัสรูดิน ถ้าท่านหยุดเสีย ทำทางผิด ก็เสียโอกาส

Dec 14, 15:07 หลงกิเลส คุณ tanawat3 คิดว่าตนเป็นอรหันต์เหรอ งงจัง

Dec 14, 15:07 มณีดิน ออ รอ หัน ปวดคอๆๆจัง

Dec 14, 15:07 หลงกิเลส เพิ่งเข้ามาอ่าน

Dec 14, 15:07 jj แต่พระก็มีศีล 227 ข้อ ไงก็ยากกว่าฆราวาส

Dec 14, 15:07 ปุ๋ย

Dec 14, 15:07 tanawat3 ถ้ามองอีกมุม ฆราวาสก็ปฏิบัติยากกว่าพระ เพราะไม่มีคนมาคุมให้ปฏิบัติ ฆราวาสต้องดิ้นรนเพื่อความเป็นอยู่ จะปฏิบัติธรรมยากกว่าพระ

Dec 14, 15:07 พันสิงห์ คุณทวดดิ้วดิ่ว

Dec 14, 15:07 jj นัสรูดิน หมายถึงคายรือ?

Dec 14, 15:08 นัสรูดิน มองไปอีก มุม คิดๆ ปรุงแต่งๆๆไปทำไม ฉงนสงสัยอะไร

Dec 14, 15:08 นัสรูดิน วิจิกิจฉา ยังมากเหรอ จึงมีมุมมองขึ้นมา

Dec 14, 15:09 ปุ๋ย หมายถึงท่านธนวัฒน์คะ คุณjj

Dec 14, 15:09 jj อ่อ

Dec 14, 15:09 พันสิงห์ หมายถึง พันสิงห์

Dec 14, 15:09 นัสรูดิน จ้องดูให้รู้ซี ความคิดที่สะกิดใจ ว่าให้มีมุมมอง เกิดจากอะไร อะไรคือสาเหตุ แห่งมุมมอง

Dec 14, 15:09 jj เอางงเลย ว่าตกลงเปงพระหรือฆราวาส ดีกว่าเนี้ย

 
นัสรูดิน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 ธ.ค.2005, 3:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

tanawat3 คุณ tanawat3 คิดว่าตนเป็นอรหันต์เหรอ งงจัง --- ผู้ปฏิบัติสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นแก่ตนโดยชอบ และเข้าใจความรู้สึกที่ตนเป็น และสามารถอธิบายสิ่งที่ตนเป็นให้ผู้อื่นฟังได้โดยชอบด้วยเหตุผล

Dec 14, 15:10 นัสรูดิน อะไรทำให้คิดไปในทางไม่ปกติเช่นนี้

Dec 14, 15:10 jj งะ เป็นอรหันต์??

Dec 14, 15:11 พันสิงห์ พันสิงห์ อ้างว่าตนเป็นอรหันต์ อีกแล้วซิ

Dec 14, 15:11 tanawat3 คุณ tanawat3 คิดว่าตนเป็นอรหันต์เหรอ งงจัง --- ทุกอย่างเป็นปัจจัตตัง รู้เองเห็นเองได้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

Dec 14, 15:12 นัสรูดิน ถามหน่อย อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ พระพุทธเจ้ายังตรัสรู้อยู่ ยังตรัสรู้ไม่เสร็จอีกเหรอครับ

Dec 14, 15:12 พันสิงห์ ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อยๆ...คนจะสับสนนะ...พันสิงห์

Dec 14, 15:13 พันสิงห์ พันสิงห์รู้ไหม ว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงทรงห้าม

Dec 14, 15:13 มณีดิน โย่วๆๆๆๆ เจอของดีสิแล้วหนอเรา

Dec 14, 15:13 jj คุณปุ๋ยคับ

Dec 14, 15:13 tanawat3 นัยของการบรรลุอรหันต์ ไม่ใช่ผู้หมดจดจากกิเลส แต่เป็นผู้ที่รู้เท่าและรู้ทันกิเลส แล้วจึงตัดออกไปได้แต่โดยเร็ว จนกิเลสนั้นไม่สร้างความเดือดร้อนต่อตนเองและผู้อื่น

Dec 14, 15:13 พันสิงห์ เพราะจะก่อให้เกิดการสับสน...พันสิงห์อย่าทำอีกนะ

Dec 14, 15:14 นัสรูดิน ในที่สุดก็มากล่าวธรรมใหม่ ว่าพระอรหันต์ยังมีกิเลส

Dec 14, 15:14 พันสิงห์ ครับ ไม่ทำแล้ว

Dec 14, 15:14 tanawat3 พันสิงห์ พันสิงห์รู้ไหม ว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงทรงห้าม --- เพราะเราอธิบายในสิ่งที่เรารู้และเห็น ให้ผู้ที่ไม่รู้ไม่เห็น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

Dec 14, 15:14 พันสิงห์ น่ารัก....กินซะ

Dec 14, 15:15 นัสรูดิน อันนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ว่าคุณบรรลุอรหันต์แบบนั้นจริง

Dec 14, 15:15 tanawat3 มันมีครับ แต่มันมีไม่ถึง 1 วินาทีครับ

Dec 14, 15:15 พันสิงห์ เราหวังดีต่อพันสิงห์นะ

Dec 14, 15:15 พันสิงห์ ครับ

Dec 14, 15:16 tanawat3 ในที่สุดก็มากล่าวธรรมใหม่ ว่าพระอรหันต์ยังมีกิเลส --- พึงพิจารณาธรรมมะ ตามเหตุผลจะเข้าใจสัจธรรมเอง

Dec 14, 15:16 นัสรูดิน อันว่าพระอรหันต์มีกิเลสได้ไม่ถึงวินาที เป็นความรู้จากประสบการณ์ อันนี้เองที่ทำให้คุณไม่เชื่อพระไตรปิฎก

Dec 14, 15:16 พันสิงห์ ทุกคนสบายใจได้ครับ พันสิงห์ว่าง่าย เขาคงฟังคำเตือน

Dec 14, 15:17 มณีดิน

 
นัสรูดิน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 ธ.ค.2005, 3:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เสก ถูกปูนเข้าหน่อย ถึงกับเพ้อเลยเหรอ

Dec 14, 15:17 พันสิงห์ แนะนำ ในสิ่งที่เป็น ทาน ศีล ภาวนา นะ....แค่นี้ก็พอแล้ว รู้รึเปล่า

Dec 14, 15:17 tanawat3 ก็เพราะ พระพุทธองค์ท่านให้ปฏิบัติก่อนเชื่อ เมื่อปฏิบัติแล้วจึงค่อยเชื่อ และเชื่ออย่างมีเหตุผล

Dec 14, 15:17 พันสิงห์ ครับ

Dec 14, 15:18 พันสิงห์ ปูน

Dec 14, 15:19 tanawat3 แต่ที่พระไตรปิฎกก่อโทษให้เรา เพราะเชื่อก่อนปฏิบัติ พอเชื่อแล้วจะไปปฏิบัติให้ได้ตามที่เชื่อ มันก็ไม่ได้สักที

Dec 14, 15:19 นัสรูดิน 1 วินาที ไม่ร้กี่ล้านขณะจิต

Dec 14, 15:19 tanawat3 เช่น ความหิวเป็นกิเลส ถ้าไม่มีความหิวก็ไม่มีกิเลส ใครทำได้บ้าง

Dec 14, 15:19 พันสิงห์ รู้ไหม พันสิงห์ ถ้าวันใด มีคนที่เขาไม่บริสุทธิ์ใจ มาอ้างอย่างนี้อีก อาจไม่จริงใจเหมือนคุณ....มิแย่หรือ

Dec 14, 15:20 พันสิงห์ ครับ พี่พัน

Dec 14, 15:20 tanawat3 ถ้าร้อนเหงื่อแตก ตัวเหนียว อยากอาบน้ำ ไม่มีกิเลส ไม่ต้องอาบน้ำ ใครทำได้บ้าง

Dec 14, 15:20 พันสิงห์ กินนี่ซะ

Dec 14, 15:20 พันสิงห์ ครับ

Dec 14, 15:21 tanawat3 http://www.dhammajak.net/webboard/show.php?Category=dhammajak&No=3742-- ดูนี่ครับ สัมมาทิฏฐิ ภาคปฏิบัติ

Dec 14, 15:21 นัสรูดิน เมื่อไม่ศึกษาก็เข้าใจผิดไปเรื่อยๆ

Dec 14, 15:21 นัสรูดิน พูดออกจากหลักธรรมไปเรื่อยๆ

Dec 14, 15:21 พันสิงห์ แค่นี้...พันสิงห์ก็เป็นลูกเหมี๊ยวเชื่องๆแล้ว

Dec 14, 15:22 tanawat3 พึงพิจารณาด้วยเหตุผล ใช้ปัญญา แล้วคุณจะรู้เองว่าใครพูดจริง ใครพูดโกหก

Dec 14, 15:22 พันสิงห์ เก่งป่ะ

Dec 14, 15:22 นัสรูดิน คอยให้พรพุทธเจ้าเกิดขึ้นใหม่ มาอบรมก็แล้วกัน

Dec 14, 15:23 tanawat3 หลักธรรมอยู่ตรงไหนครับ คุณนัสรูดิน

Dec 14, 15:23 พันสิงห์ ลาทำกิจ

Dec 14, 15:23 หลงกิเลส ใครพูดจริง ใครพูดโกหก

Dec 14, 15:23 tanawat3 1. ทำให้คนพ้นทุกข์ทั้งมวลด้วยการปฏิบัติ หรือ 2. ยึดตามตำราแต่ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของพุทธศาสนา

Dec 14, 15:23 jj พระอรหันต์ไม่มีกิเลส คุณtanawat มีกิเลสไหมอะฮับ

Dec 14, 15:24 นัสรูดิน ขอร้องว่าอย่านำคำว่า พระอรหันต์ยังมีกิเลสได้ไม่เกิน 1 นาที ไปสอนชาวพุทธ

Dec 14, 15:24 ปุ๋ย มาแล้วค่ะ

Dec 14, 15:25 jj หลุดหรอคับ

Dec 14, 15:25 jj งะ พระอรหันต์ไม่มีกิเลสแล้วไม่ใช่หรอ?

Dec 14, 15:25 ปุ๋ย เปล่าค่ะ ส่งเมล์ค่ะ

Dec 14, 15:25 tanawat3 ถ้าอรหันต์ต้องกินข้าว ต้องอาบน้ำ ต้องนอน ต้องหายใจ คือมีกิเลสครับ แต่ถ้าไม่ทำสิ่งเหล่านี้ผมเชื่อว่าไม่มีกิเลสครับ แต่ถ้ายังทำสิ่งเหล่านี้ไม่ว่าใคร ผมไม่เชื่อว่าหมดจากกิเลส

Dec 14, 15:26 jj งงเลย แต่หลวงพ่อพุทธทาส เท่าที่อ่าน ท่านบอกว่า พระอรหันต์ไม่มีกิเลศ

Dec 14, 15:26 ปุ๋ย ทุกข์และสุขดับไป ไม่ปรีดา อยู่ไปธรรมดา ธรรมดา เท่านั้นเอง

Dec 14, 15:26 นัสรูดิน ผมไม่รู้จะว่ายังไง ขอยอมแพ้ ขออำลาดีกว่า

Dec 14, 15:27 ปุ๋ย การดำรงอยู่ซึ่งความเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่ทุกข์ไปกับโลก

Dec 14, 15:28 jj คุณปุ๋ยพูดถูกนะ

Dec 14, 15:28 tanawat3 คือที่ท่านพุทธทาสว่า คือกิเลสที่ไปทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อนโดยเจตนาครับ

Dec 14, 15:28 ปุ๋ย คือเอากิเลสตัวเองที่คิดว่าเป็น ไปตัดสินใช่มั้ยคุณธนวัฒน์

Dec 14, 15:28 jj หือ...

Dec 14, 15:29 ปุ๋ย คุณเป็นอะไรไม่ได้หรอก ธรรมขั้นต้นยังไม่เข้าใจเลย

 
มุจลินทร์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 ธ.ค.2005, 9:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

tanawat3 เห็นผลทันตา เลยนะครับ

Dec 15, 19:38 สู้ ครับ คงต้องลาไปก่อนแล้วครับ

Dec 15, 19:38 ดิ้วดิ่ว ดิ้วดิ่วไปก่อนนะ...มีไรอีกป่ะ

Dec 15, 19:39 tanawat3 อ้าวเหรอครับ โชคดีครับ

Dec 15, 19:39 สู้ ครับ ไว้มาใหม่ครับ

Dec 15, 19:39 tanawat3 สงสัยจะมาพร้อมกัน

Dec 15, 19:40 สู้ ครับ ครับ ไปแล้วครับ ลาไปก่อนครับ

Dec 15, 19:41 tanawat3

Dec 15, 19:43 [j] เรามาคุยกันเรื่องอวดอุตริกันเถอะ

Dec 15, 19:44 tanawat3 อุตริ ตรงไหนครับ

Dec 15, 19:44 tanawat3 สวัสดีครับ คุณ นิน ดาว

Dec 15, 19:44 ดาว สวัสดีคะทุกๆท่าน

Dec 15, 19:45 นิน อุตริมนุสธรรม แปลว่า ธรรมอันยอดยิ่งของมนุษย์ เช่น เป็นอรหันต์ เป็นต้น

Dec 15, 19:45 นิน หวัดดีครับ คุณธนวัฒน์

Dec 15, 19:46 tanawat3 ดูก่อน คุณนิน ถ้าสิ่งนั้นมีอยู่ในตน ไมได้เป็นเรื่องอุตริ

Dec 15, 19:46 tanawat3 แล้วถึงผมพูด ผมก็ไม่ได้ให้เชื่อ

Dec 15, 19:46 [j] อุตริแปลว่าอารายคะ

Dec 15, 19:46 ดาว สวัสดีคะ คุณธนวัฒน์

Dec 15, 19:47 [j] และมีกี่แบบ

 
มุจลินทร์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 ธ.ค.2005, 9:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

tanawat3 คุณอยากรู้ คุณต้องพิสูจน์เองด้วยการปฏิบัติ

Dec 15, 19:47 [j]

Dec 15, 19:47 นิน แปลตามศัพท์ ครับ อุตริ แปลว่า อย่างยิ่ง

Dec 15, 19:47 tanawat3 อุตริ คืออวดของที่ไม่มีอยู่ในตนให้ผู้อื่นดูหรือรู้ครับ

Dec 15, 19:48 tanawat3 แปลจาก พจนานุกรม บาลี ไทยซิ

Dec 15, 19:48 [j] อวดอุตร ก็แปลว่าอวดอย่างยิ่งใช่ไหมคะ

Dec 15, 19:48 tanawat3 ถึงผมพูด ก็ไม่ได้ให้เชื่อ

Dec 15, 19:48 [j] อวดนี่ก็ไม่ดีซิคะ

Dec 15, 19:49 นิน คำว่า อุตริมนุสสธรรม ใช้สำหรับ คนที่ได้ฌาน เป็นพระอริยเจ้า ในพระไตรปีฎกท่านห้าม ไม่ให้แสดงอุตริมนุสสธรรม

Dec 15, 19:49 tanawat3 แต่ถ้าไม่ได้แสดง คนอื่รู้เองล่ะ

Dec 15, 19:49 นิน อวดอุตริ หมายถึง แม้เราจะได้มรรคผล ท่านก็ไม่ให้แสดงครับ

Dec 15, 19:50 [j] เรื่องของเรื่องก็คือมีผู้ใหญ่คนนึงมาอวดนะคะ

Dec 15, 19:50 tanawat3 แล้วที่ท่านไม่ให้แสดง เพราะเป็นปัจจัตตัง ยกเว้นเป็นการสอน

Dec 15, 19:50 [j] เราก็รู้สึกแปลกๆ

Dec 15, 19:50 tanawat3 คือรู้เองเห็นเอง ไม่สามารถบอกใครได้ ท่านถึงห้ามบอก

Dec 15, 19:50 [j] เอ คนเก่งเค้าไม่อวดนะ แบบเราอย่างพูดอยากถามอะไร ก็ว่าเราอย่าหมิ่น

Dec 15, 19:51 tanawat3 คุณนินจะดักคอผมนี่ ยากครับ

Dec 15, 19:51 [j] อวดว่าได้งั้นงี้ เก่งถึงนั่นนี้

Dec 15, 19:51 [j] เราก็เอ

Dec 15, 19:51 [j] สงสัยต้องคบคนใหม่อ่ะ

Dec 15, 19:52 [j] แบบคุยกันงี้ไม่เจริญแน่

Dec 15, 19:52 [j] ก็เลยไปโสกะคนอื่นดีก่า

Dec 15, 19:52 นิน ผมไม่ได้ดักหรอก คุณธนวัฒน์ เป็นฆราวาส ไม่ผิดเหมือนพระ

Dec 15, 19:52 [j] โส=คุย

Dec 15, 19:52 tanawat3 ผมต้องการให้พิสูจน์ ไม่ได้ให้เชื่อหรือมาจับผิด นะครับ

Dec 15, 19:53 นิน พระภิกษุรูปได้ แสดงอุตริสนุสสธรรม ที่ไม่มีจริง ต้องอาบัติปาราชิก แต่ชาวบ้านไม่เกี่ยว

Dec 15, 19:53 [j] รู้สึกว่าจาทะเลาะกันอีกแหละ ทำไมต้องแควะเค้าด้วยอ่ะ

Dec 15, 19:53 tanawat3 เพราะการจับผิดผู้อื่น ไม่ใช่วิถีทางในพุทธศาสนา เป้าหมายคือให้สำรวจตนเอง

Dec 15, 19:54 [j] เห็นคุณธนวัฒน์จับผิดคนอื่นก่อนทุกทีอ่ะ

Dec 15, 19:54 [j] ไม่ถูกกันหรอ

Dec 15, 19:54 tanawat3 แล้วถ้าจะรู้ว่าจริงไม่จริง คุณต้องพิสูจน์ แล้วในนี้ก็มีคนพิสูจน์สิ่งที่ผมพูดแล้ว หลายคน

Dec 15, 19:55 [j] ไปดีก่า...

Dec 15, 19:55 tanawat3 ผมไม่ได้จับผิดใครครับ แต่อยู่ดี ๆ คุณนินก็พูดเรื่องผมบรรลุอรหัตผลขึ้นมา

Dec 15, 19:56 tanawat3 เมื่อวานคุณปุ๋ยก็พูดขึ้นมาก่อน

Dec 15, 20:00 นิน ผมไม่ได้ว่าคุณธนวัฒน์นะครับ ผมแปลคำว่าอุตริ มาจากนี่คลิกดูhttp://www.sitluangpor.com/ovat/ovat_4/page02.htm

Dec 15, 20:01 tanawat3 แต่คุณพูดเรื่องอรหันต์ขึ้นมาก่อน ทั้ง ๆ ที่ผมหยุดพูดนานแล้ว

Dec 15, 20:01 tanawat3 แล้วผมให้คนพิสูจน์กันเอง

Dec 15, 20:02 tanawat3 แล้วคนที่จะรู้ก็ต้องปฏิบัติ

Dec 15, 20:02 tanawat3 ประเด็นนั้นต่างหาก

Dec 15, 20:02 นิน ไม่หรอก ผมอธิบายคำว่า อุตริครับ อ่านหรือยังhttp://www.sitluangpor.com/ovat/ovat_4/page02.htm

Dec 15, 20:03 tanawat3 ผมไม่สนใจ ที่คุณเอามา แต่ผมสนใจว่าคุณพูดคำนั้นทำไม ทั้ง ๆ ที่ผมหยุดพูดไปแล้ว

Dec 15, 20:03 tanawat3 แล้วพอพูดขึ้นมามันก็เป็นผลเสีย

Dec 15, 20:03 นิน ผมไม่ได้ว่าคุณนะ ผมตอบคำถามผู้หญิงคนนั้น

Dec 15, 20:03 tanawat3 คนปฏิบัติเขารู้เองเห็นเองของเขา

Dec 15, 20:04 นิน http://www.thairath.co.th/thairath1/2547/educat/mar/11/edu1.php

Dec 15, 20:04 tanawat3 แต่ก่อนหน้านั้น คุณต้องดูด้วยว่าคุณทำอะไรมา

Dec 15, 20:05 tanawat3 แล้วกระทบใครเขาบ้าง

Dec 15, 20:05 นิน ขอโทษด้วยหากทำให้ไม่สบายใจ แต่ผมไม่ได้โต้กับคุณ ผมอธิบายศัพท์เท่านั้น

Dec 15, 20:06 tanawat3 ถ้าผมพูดเอง ไม่มีปัญหา

Dec 15, 20:06 นิน http://rdd.mcot.net/np/43/09/23/56.htm

Dec 15, 20:07 tanawat3 ผมน่ะ ไม่ว่าอะไรคุณหรอก เพราะผมทำอย่างที่ผมพูดได้จริง ๆ แต่ผมต้องชี้แจงเหตุผลเท่านั้น

Dec 15, 20:08 นิน ถ้าผมจะจับผิดคุณธนวัฒน์ ผมต้องถามแล้วว่า พระอริยชั้นไหน ละสังโยชนไดได้บ้าง แบบนี้ถือว่า ดูถูกพูดxxxดัน

Dec 15, 20:09 tanawat3 แล้วใครไปยึดติดคำนี้ก็เป็นทุกข์ ผมอธิบายของผม ผมไม่ได้ยึดติด อธิบายเหมือนอธิบายลักษณะของโต๊ะ แล้วก็แล้วกันไป

Dec 15, 20:09 ยาย สวัสดีคะทุกคน เชิญสนทนาตามสบายนะคะ ยายแวะมาเยี่ยม มาฟัง

Dec 15, 20:10 tanawat3 ผมไม่พูดแล้ว คุณไปสำรวจตัวคุณเองแล้วกัน ไม่ผมก็คุณนั่นแหล่ะ ตองมี ผมสำรวจตัวผมแล้ว

Dec 15, 20:10 tanawat3 สวัสดีครับ

Dec 15, 20:11 นิน มาอธิบายคำว่า อุตริครับ คุณยาย ช่วยอ่านแล้วอธิบายให้ฟังหน่อยhttp://larntum.in.th/cgi-bin/kratoo.pl/010561.htm

Dec 15, 20:12 tanawat3 ผมจบของผมแล้วครับ

Dec 15, 20:12 tanawat3 พูดเสร็จผมก็กองอยู่ตรงที่พูดนั่นแหล่ะ

Dec 15, 20:18 tanawat3 สวัสดีครับ

Dec 15, 20:20 tanawat3 เงียบกันจัง

Dec 15, 20:21 ดาวกระดา สวัสดีคะทุกๆท่าน

Dec 15, 20:21 tanawat3 สวัสดีครับ

Dec 15, 20:22 ยาย

Dec 15, 20:22 ดาวกระดา มาขอแอบฟังด้วยคนนะคะ

Dec 15, 20:23 tanawat3 ไม่มีอะไรจะพูดเลยครับ นอกจากวิธีปฏิบัติธรรม

Dec 15, 20:25 ดาวกระดา คะ

Dec 15, 20:25 ยาย คุณธนวัฒน์ ปฏิบัติยังไงคะบอกยายหน่อยคะ

Dec 15, 20:26 tanawat3 ใครสนใจ ใครปฏิบัติ ก็ปฏิบัติกันครับ

Dec 15, 20:26 tanawat3 อันดับแรก ติดตามลมหายใจเข้าออก ให้จิตมีสมาธิ ครับ ติดตามไปเหมือนดูทีวี

Dec 15, 20:26 ยาย นั่นซิคะ วิธีละคะ

Dec 15, 20:27 ดาวกระดา คะ ขอรับฟังก่อนนะคะ

Dec 15, 20:27 ยาย คะ ตามลม สักพักง่วง

Dec 15, 20:27 tanawat3 จากนั้น ให้เราเอาจิตที่เป็นสมาธิ มาสำรวจสิ่งที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นความโลภ ความโกรธ ความหลงตนและการถือตัว และสันดานอื่น ๆ ที่ไม่ดี ที่เรารู้หรือไม่รู้ก็ตาม

Dec 15, 20:28 tanawat3 จากนั้น จิตที่เราเคยหงุดหง

Dec 15, 20:29 tanawat3 ด ฟุ้งซ่าน จะค่อย ๆ สงบเยือกเย็นขึ้นเรื่อย จนเข้าสู่สภาวะว่างสงบที่สุด ข้อสำคัญ อย่าเข้าข้างตนเองนะครับ

Dec 15, 20:29 ยาย ใส่เจตนาหรือเปล่าคะ

Dec 15, 20:29 tanawat3 เอาเท่านี้ก่อนนะครับ ลองวัดผลกันดู

Dec 15, 20:30 tanawat3 สำรวจสิ่งที่เราคิดชั่ว ทำชั่วต่าง ๆ ทั้งที่เรารู้หรือไม่รู้ก็ตามครับ

Dec 15, 20:31 ยาย ใส่เจตนาหรือเปล่าคะ?

Dec 15, 20:32 tanawat3 เจตนาที่ใส่ คือ ทำให้สิ่งเหล่านี้ ค่อย ๆ หมดไปด้วยกำลังสมาธิของเราครับ

Dec 15, 20:32 ยาย มันจะเป็นความคิดบนความคิดอีกชั้นหนึ่งหรือเปล่าคะ

Dec 15, 20:33 ดาวกระดา สำรวจตอนไหนคะ

Dec 15, 20:33 tanawat3 ใช่ครับ มันจะค่อย ๆ ขุดออกมาจากจิตลึก ๆ อีกที

Dec 15, 20:34 tanawat3 สำรวจ สิ่งที่เราคิดชั่วทำชั่ว ด้วยสันดานชั่วต่าง ๆ เช่นความโลภ ความโกรธ ความหลงตนและการถือตัว ฯลฯ โดยไม่เข้าข้างตนเอง

Dec 15, 20:34 ยาย มันแยบยลนะคะ

Dec 15, 20:35 ดาวกระดา หมายถึงให้สำรวจทุกขณะจิตที่เกิดหรือคะ

Dec 15, 20:36 tanawat3 นั่นล่ะ มันเยอะครับ มันจะค่อยน้อยลง ทีละนิด ทีละหน่อย จนหมด จิตเราก็จะสงบว่าง

Dec 15, 20:37 ยาย ความคิดบนความคิคมันป็นการทำงานของสมองนะคะ ไม่ใช่ จิต ไม่ใช่ปัญญา ต้องระวัง ถ้าจะพูดอย่างเราๆ คงแค่ฝึกสติให้รู้ตื่น

Dec 15, 20:37 ดาวกระดา หมายถึงจิตที่ไม่ดีเหรอคะ ที่ว่าน้อยลงๆนะคะ

Dec 15, 20:38 tanawat3 ล้างออกจากสมองไปด้วยครับ ผมใช้คำว่าตัว แทนในบางครั้ง

Dec 15, 20:38 tanawat3 คือทั้งจิต และตัว ครับ แต่สำคัญที่จิต

Dec 15, 20:39 ดาวกระดา คะ

Dec 15, 20:40 ยาย เมื่อมีสติ รู้ทันสังขารปรุงแต่ง มันก็จะตัดอาการปรุงแต่งที่จะต่อเนื่องให้ขาดลง..มันจึงสงบ

Dec 15, 20:41 tanawat3 เมื่อสงบทั้งจิตและตัวเราแล้ว ก็ให้แผ่เมตตา

Dec 15, 20:41 ยาย สงบจากการปรุง

Dec 15, 20:42 ยาย รักษาศีลสำคัญมากที่สุดด้วย

Dec 15, 20:42 tanawat3 เวลาแผ่เมตตา ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอแผ่เมตตาให้สรรพจิต สรรพวิญญาณให้ขึ้นสู่สุคติ และแผ่เมตตาให้มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอให้มีความสุขความเจริญ กุศลที่ได้ อุทิศให้สรรพจิต สรรพชีวิต ครับ

Dec 15, 20:42 ดาวกระดา แต่การที่เราเป็นผู้ปฏิบัตินั้นเราจำเป็นต้องรู้ทั้งจิตดีและไม่ดีหรือป่าวคะ

Dec 15, 20:42 tanawat3 ถูกต้องครับ

Dec 15, 20:42 tanawat3 การปรุงแต่งก็มาจากสันดานชั่วนั่นเอง

Dec 15, 20:43 ดาวกระดา แล้วการปรุงแต่งที่มาจากสันดานดีไม่มีหรือคะ

Dec 15, 20:44 tanawat3 เมื่อเราแผ่เมตตาไปสักพัก เริ่มหงุดหงิดฟุ้งซ่านขึ้นมาอีก ก็ให้ไปสำรวจ สันดาน แล้วใช้กำลังสมาธิขจัดออกอีกรอบ พอสงบลงก็แผ่เมตตา

Dec 15, 20:44 tanawat3 ทำเช่นนี้ สลับไปสลับมาเรื่อย ๆ

Dec 15, 20:44 tanawat3 ครับคุณ ดาวกระดา

Dec 15, 20:44 ยาย การปรุงแต่งเป็นขันธ์ ปรุงได้ทั้งดีและชั่ว กุศล และ อกุศล

Dec 15, 20:46 ดาวกระดา แล้วสันดานที่ดีคือแบบไหนคะ

Dec 15, 20:46 tanawat3 แล้วทั้งจิตและสมอง จะค่อย ๆ สงบขึ้นและอยู่ได้นานขึ้นตามความขยันหมันเพียรและอดทน ซึ่งพิสูจน์ได้จากระยะเวลา จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี หรือหลาย ๆ ปี ในที่สุดทั้งจิตและสมองจะสงบนิ่ง ตลอดตราบเท่านานเท่านาน หรือตามแต่ที่เราต้องการ

Dec 15, 20:47 tanawat3 คือ สันดานที่ก่อโทษให้ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น โดยเจตนาครับ

Dec 15, 20:47 ยาย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

Dec 15, 20:47 tanawat3 แล้วกุศล อกุศล ก็เกิดจากสันดาน อีกที

Dec 15, 20:49 tanawat3 อีกประการ โรคภัยไข้เจ็บ จะค่อย ๆ หายลงไปทีละเล็กทีละน้อยจนหมดสิ้น ปัญหาชีวิตที่มีจะทุเลาลง ด้วยการปฏิบัติของเรา จนดีขึ้นในที่สุด สติปัญญาก็จะดีขึ้นด้วย

Dec 15, 20:50 ยาย ปรุงแต่งอาจอยู่ในมโน ยังไม่เป็นกายกรรม

Dec 15, 20:50 tanawat3 ตอนนี้ก็ปฏิบัติดูได้ เมื่อมีเวลาว่างก็ปิดตา ดูนิมิตที่เกิดขึ้นในสมาธิ แต่ไม่ต้องนึกไปอยากเห็นนะครับ เดี๋ยวมันจะปรุงแต่งอย่างที่ว่า แล้วถ้าให้ดี ทำก่อนนอน แล้วตัวหลับไป แต่จิตยังทำสมาธิอยู่ ตื่นมาตอนเช้ารุ่งขึ้น จะสดชื่นแจ่มใสครับ

Dec 15, 20:51 ดาวกระดา แต่สันดานมีแต่ไม่ดีแล้วจิตจะเป็นกุศลได้อย่างไรคะ

Dec 15, 20:51 tanawat3 ของผมจบแล้ว ทำแล้ววัดผลได้เลย ถ้าตั้งใจปฏิบัตินะครับ

Dec 15, 20:51 tanawat3 กุศลไม่ต้องเอาออก เอาแต่อกุศลครับ ที่จะเอาออก

Dec 15, 20:52 tanawat3 ความเมตตาเป็นกุศล ความยุติธรรม ความขยัน เป็นกุศล เก็บไว้ครับ

Dec 15, 20:53 ดาวกระดา แสดงว่าเราจะเก็บไว้แต่จิตที่เป็นกุศล แต่จะขจัดจิตที่เป็นอกุศลออกไปจากเราใช่ไม่คะ

Dec 15, 20:54 ยาย กุศลก็เก็บไว้แต่อย่ายึดมั่น เดี๋ยวเป็นตัวเป็นตนไปกันใหญ่นะคะ

Dec 15, 20:54 ปูคุง สวัสดีทุกท่านครับ

Dec 15, 20:55 ดาวกระดา คะ แบบว่าข้าดีกว่าใครๆใช่ไม่คะ ยาย

Dec 15, 20:55 ดาวกระดา สวัสดีคะ คุณปูคง

Dec 15, 20:56 tanawat3 ไม่ได้ให้ยึดครับ สิ่งที่ยึดอย่างเดียว คือผลที่จะตามมาดีขึ้นมั้ย โดยทำในปัจจุบันให้ดีที่สุดครับ

Dec 15, 20:56 tanawat3 ดีครับคุณปูคุง

Dec 15, 20:56 ยาย คะ

Dec 15, 20:56 ยาย คุณปูคุง



 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 17 ธ.ค.2005, 8:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความเห็นที่ 60 ผู้เจริญ




http://members.thai.net/tmchote/Thumma/Wipassan/wp008.htm



ส่วนนี้ไปดูว่า ผมบอกให้ล้างสันดานทั้ง 7 อย่างหรือไม่



อุทธัจจะ = ควางกังวล หงุดฟุ้งซ่าน =



มานะ ตนและการถือตัว เป็นทุกข์ถาวรของมนุษย์ยุคปัจจุบัน



รูปราคะ ไม่มีในสิ่งที่ผมบอก แต่ความพอใจในสมาธิ คนปัจจุบันที่ไม่ทำสมาธิจะมีได้อย่างไร



อรูปราคะ เช่นเดียวกันกับรูปราคะ



กามฉันทะ คือความพอใจในกาม นี่คือหลักฐานที่บอกว่า ผิดศีลข้อ 3 ไม่ใช่แค่ผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน กามฉันทะคือการยึดติดในกาม ม่สามารถนำตนเองออกจากกามได้ ส่วนนี้คือผมบอกให้ละสันดานแห่งความโลภ คือต้นเหตุของกามฉันทะ



สีลพตปรามาส ---- ส่วนนี้ผมก็บอกแล้ว มัวแต่มานั่งท่องนั่งเถียงผมเรื่องพระไตรปิฎก ว่าถูกหรือไม่ ทำไมม่ปฏิบัติ ทำตนเองให้พ้นทุกข์ ไปดูได้ ไปดูให้ชัด ๆ ว่าเขียนไว้อย่างไร



สักยทิฏฐิ ผมบอกให้ละความริษยาและเหก็นแกตัว



วิจิกิจฉา ผมได้รับผลที่ทำให้ผมพ้นทุกข์แล้ว ผมไม่สงสัยในหลักสูตรของท่าน



ปฏิฆะ --- หลักสูตรของผมบอกให้ละความโกรธ เป็นหนึ่งในอนุสัย 7 อย่าง



อวิชชา --- ผมอธิบายแล้วว่าทุกข์ของคนยุคปัจจุบันเป็นอย่างไร ทุกข์ถาวรคนไม่รู้ไม่เห็น แล้วผมก็อธิบายตามความเป็นจริงในปัจจุบันด้วย สรรพสิ่งผมก็อธิบายตามความเป็นจริงที่มนุษย์รับได้จริง ๆ



ทั้งรูปราคะ และอรูปราคะ เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยใฝ่ฝันมาก่อน อยากจะเอามา ผมก็จะเอาหลักสูตรของผมออกมายันให้ แล้วไม่มีใครอยากได้ด้วย เพราะคนเดี๋ยวนี้ไม่ปฏิบัติสมาธิ



ต่อไปนี้คือหลักสูตรปัจจุบันของผม



อนุสัย 7 อย่าง 1. กังวล (อุทธัจจะ) 2. ถือตัว (มะนะ) 3. โลภ (กามฉันทะ) 4. ความขี้เกียจ

5. ควาริษยาและเห็นแก่ตัว (สักยะทิฏฐิ) 6 ความโกรธ (ปฏิฆะ) 7. ความพยาบาท



จะพิสูจน์กันอีกก็ได้ครับ ผมไม่มีในตัวผมแน่นอน แม้แต่อย่างเดียว และมันจะฟ้องออกมาเองว่าใครเป็นอย่างไร ผมเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่นานแล้ว มีอะไรก็หยิบมาให้หมด ผมจะชี้ให้เห็นทีละอัน ๆ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 17 ธ.ค.2005, 8:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเพิ่มอีกหน่อย ผมบอกอยู่เสมอว่าอย่าเข้าข้างตนเอง ให้มีความจริงใจ หลักสูตรของผม ส่วนหนึ่งก็คือให้ละสัญโยชน์ 10 ตามที่ผมเทียบให้ดู แต่ผมต้องปรับหลักสูตรให้เหมาะกับสภาวะปัจจุบัน บางอย่างที่มนุษย์ยุคปัจจุบันไม่อยากได้ผมก็ไม่เอามาใส่
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
เพียงพบเห็น
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2005, 3:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เย็น กิเลสหนาหรือกิเลสน้อยก็เป็นธรรม

Dec 18, 14:56 tanawat3 เขาเรียกว่าเป็นสัจธรรม อะไรก็ตามที่สามารถทำให้เห็นจริงตามนั้นด้วยเหตุที่เกิดและผลที่ได้รับ สอดคล้องตามทางเดียวกัน เป็นสัจธรรมทั้งหมด

Dec 18, 14:56 เปรียว

Dec 18, 14:57 tanawat3 กิเลสนี่แหล่ะสำคัญ ระหว่างผู้ปฏิบัติ กับผู้ไม่ปฏิบัติธรรม ต่างกัน ผู้ไม่ปฏิบัติธรรมจะได้เปรียบผู้ที่ปฏิบัติธรรมแล้วในแง่ของความยากง่ายในการแก้ไขกิเลส

Dec 18, 14:58 ชีน้อย คุณธนวัตรช้อธรรมที่ว่าสัทธธรรมให้ชีแจ้งที่ค่ะ

Dec 18, 14:59 เย็น กิเลสนื่แหละที่ทุกคนมีเหมือนกัน

Dec 18, 15:00 tanawat3 ข้อธรรมที่ทำให้แจ้งที่สุด คือต้องถามว่าทำไมในพระไตรปิฎก จึงมีแต่คำว่าอนุสัย

Dec 18, 15:00 ชีน้อย ดูซิใครมาอีก

Dec 18, 15:00 ปุ๋ย ธรรมชาติของการบรรลุธรรมก็คือการฝึกจิตให้ปล่อยวาง ปล่อยวางหมายความว่า ให้ไปพ้นการคิดในเชิงแบ่งแยกเป็นขั้วตรงข้าม ไปพ้นการติดยึดในรูปแบบต่างๆ

Dec 18, 15:00 ชีน้อย ทำไมหละ

Dec 18, 15:01 tanawat3 อันนี้ ถภ้าคิดด้วยปัญญา ก็จะเข้าใจ

Dec 18, 15:01 tanawat3 ทุกอย่างต้องมาจากประสบการณ์ในการปฏิบัติ

Dec 18, 15:01 ชีน้อย ชีต้องการทราบถึงสิ่งที่คุณพูดถึง xxxธรรม ไม่ใช่อนุสัย

Dec 18, 15:01 nin ดูรุปฟรั่งบวชเป็นภิกษุณี รับบาตได้ด้วยhttp://www.ngthai.com/ngm/0512/feature.asp?featureno=3

Dec 18, 15:03 tanawat3 สิ่งที่ผมพูด เพราะอนุสัยเป็นบ่อเกิดแห่งพฤติกรรมทั้งมวลที่มนุษย์พึงมี

Dec 18, 15:03 nin เท่ห์ไหมครับ คุณปุ๋ย แม่ชัน้อย แม่ชีรับบิณฑบาตhttp://www.ngthai.com/ngm/0512/feature.asp?featureno=3

Dec 18, 15:04 tanawat3 ถ้าจะทำให้เราบริสุทธิ์ได้จริง ต้องกำจัดอนุสัยที่ไม่ดีให้สิ้นไปจากตัวเรา

Dec 18, 15:04 ปุ๋ย ค่ะ ประเทศอะไรค่ะ คุณนิน

Dec 18, 15:04 เย็น สัจธรรม อนุสัย หรือสิ่ที่อยู่ในพระไตรปิฎก ดูได้ที่ตัวเรา

Dec 18, 15:05 nin ไม่ร้เหมือนกัน มีหิมะตกด้วย อ่านข้อความหน่อยสิ ว่าที่ไหน

Dec 18, 15:05 สรว

Dec 18, 15:05 tanawat3 ถูกครับคุณเย็น ตัวเราเท่านั้น ไม่ใช่ตัวคนอื่น

Dec 18, 15:06 ชีน้อย ประทานอภัย อนุสัยแปลว่าอะไรก็บ่ทราาาบ

Dec 18, 15:06 tanawat3 ดูเฉย ๆ ได้แต่ดู แต่ต้องดูในขณะที่เรามีสมาธิ ดูแล้วจึงถอนอนุสัยนั้นได้

Dec 18, 15:06 อาคันตุก อวิชชานั่นเองที่ทำให้เราไม่รู้

Dec 18, 15:07 อาคันตุก เราไม่รู้ในอะไรบ้าง

Dec 18, 15:07 ปุ๋ย อือม ไม่ทราบว่าประเทศอะไรค่ะ

Dec 18, 15:07 tanawat3 อนุสัย แปลว่า สิ่งที่เนืองแน่น เกาะแน่นทับถมอยู่ในจิต ข้ามภพข้ามชาติมาจนมาถึงปัจจุบันครับ

Dec 18, 15:07 อาคันตุก ไม่รู้ว่านั่นทุกข์ นั่นไม่เที่ยง นั่งไม่มีตัวตน นั่งไม่งาม

Dec 18, 15:08 อาคันตุก ไม่รู้สี่อย่างนี้ จึงไม่เห็นตามความเป็นจริง

Dec 18, 15:08 tanawat3 อวิชชา มีอยู่ในสัญโยชน์ 10 ครับคุณอาคันตุก

Dec 18, 15:08 อาคันตุก เมื่อจะให้เห็นตามความเป็นจริง

Dec 18, 15:09 อาคันตุก จึงต้องใช้ปัญญาอบรมจิต

Dec 18, 15:09 ปุ๋ย ขุดกันข้ามภพข้ามชาติ ขุดไม่ถูก มาชาตินี้ก็นั่งขุดต่อ ก็ยังขุดอยู่นั่นแหละ

Dec 18, 15:09 tanawat3 ถ้าประเมินตามหลักธรรมของพระพุทธองค์ คือความอยูยงคงกระพัน เป็นอวิชชา

Dec 18, 15:09 อาคันตุก เมื่อจิตเห็นตามความเป็นจริงเมื่อใดแล้ว จิตก็พ้นจากทุกข์

Dec 18, 15:09 nin วันนี้ ธรรมสภา แห่งนี้ คนมากจัง ใครว่างฟังเพลงพาหุงหน่อยก็จะดีhttp://www.geocities.com/chanin44/page09.htm

Dec 18, 15:09 อิชยา อนุสัย กิเลสที่แฝงตัวนอนเนื่องอยู่ในสันดาน มี ๗ คือ ๑) กามราคะ ความกำหนัดในกาม ๒) ปฏิฆะ ความหงุดหงิด ๓) ทิฏฐิ ความเห็นผิด ๔) วิจิกิจฉา ความลังเลสัยสัย ๕) มานะ ความถือตัว ๖) ภวราคะ ความกำหนดในภพ ๗) อวิชชา ความไม่รู้จริง

Dec 18, 15:09 อาคันตุก อวิชชาคือการไม่รู้ความจริง

Dec 18, 15:10 อาคันตุก การไม่รู้ความจริงนี้จึงวิปลาสอยู่

Dec 18, 15:10 tanawat3 ขุดถูกหรือไม่ถูก ผมบอกแล้วว่าอยู่ที่ผลที่ได้รับนะครับคุณปุ๋ย ผมบอกแล้วว่าสำรวจตนเอง ไม่ใช่สำรวจคนอื่น คนอื่นสำหรับคุณปุ๋ย คือผมด้วย

Dec 18, 15:10 เปรียว บ้านเปรียวมีแผ่นเพลงพระคาถาชินบัญชร เพลงพาหุง เพราะนะคุณนิน

Dec 18, 15:11 ดาว สวัสดีคะทุกๆท่าน

Dec 18, 15:11 ชีน้อย สวัสดีค่ะคุณ ดาว

Dec 18, 15:11 tanawat3 สวัสดีครับคุณดาว

Dec 18, 15:11 อาคันตุก เพราะมีอวิชชาจึงมีเหตุมีปัจจัย ให้ดูเหตุปัจจัยในปฏิจจสมุปบาท

Dec 18, 15:11 ปุ๋ย เย็นค่ะ คุณนิน กำลังฟังค่ะ

Dec 18, 15:11 nin เหรอครับ คุณเปรียว ได้มาจากไหนครับ

Dec 18, 15:11 อาคันตุก มีอวิชชาเป็นต้นราก

Dec 18, 15:11 อิชยา

Dec 18, 15:12 เย็น ขอให้ดำเนินตามโพธิปักขิยธรรมจะถูกไม่ต้องสงสัย

Dec 18, 15:12 ปุ๋ย คือการปฏิบัติของคุณธนวัฒน์ กับสิ่งที่คุณโพสนี่ มันขัดแย้งกันหนะ

Dec 18, 15:12 nin คุณปุ๋ย ถ้าจะบวชเป็นภิกกษุณี คิดว่าอีกกี่ปีครับ

Dec 18, 15:12 อาคันตุก การจะอบรมจิตให้หลุดพ้นนั้น ต้องอบรมไปตามลำดับ

Dec 18, 15:12 tanawat3 อันนั้นสำคัญครับคุณอาคันตุก อวิชชาคือสิ่งที่ไม่ได้ทำตามวัตถุประสงค์ของพุทธศาสนา

Dec 18, 15:12 อาคันตุก ได้แก่ ศีลอบรมสมาธิ สมาธิอบรมปัญญา ปัญญาอบรมจิต

Dec 18, 15:13 โดนัท บอกข่าวค่ะ ท่านใดสนใจฟังพระธรรมเทศนาของหลวงปู่เหรียญ ท่านเทศน์ไว้ปี 2532

Dec 18, 15:13 โดนัท นัทจะอัดเป็นซีดีเอ็มพีสามแจกเป็นของขวัญปีใหม่

Dec 18, 15:13 tanawat3 ปุ๋ย คือการปฏิบัติของคุณธนวัฒน์ กับสิ่งที่คุณโพสนี่ มันขัดแย้งกันหนะ --- คุณยังไม่เลิกสำรวจผมอีกเรอะ ผมบอกให้สำรวจตนเอง

Dec 18, 15:13 อาคันตุก แต่เมื่อพุดถึงปัญญา ไม่ได้หมายความจะมีแต่สมาธิเท่านั้นที่จะอบรมปัญญา

Dec 18, 15:13 ปุ๋ย อือม ไม่สามารถกำหนดได้ค่ะคุณนิน คงต้องถึงเวลาของมันเองค่ะ

Dec 18, 15:13 อาคันตุก ปัญญาที่เรียกว่าปัญญา 3 นั้นมีทางอบรมได้สามทาง

Dec 18, 15:13 โดนัท ท่านใดสนใจส่งที่อยู่มาให้นัทที่ donutja55@hotmail.com

Dec 18, 15:14 tanawat3 คุณจะรู้ได้อย่างไร ครับคุณปุ๋ย ผมยังไม่รุ้เลยว่าคุณเป็นอย่างไร

Dec 18, 15:14 เย็น แต่อย่างไรก็ตามแต่ต้องปลูกความพอใจก่อน

Dec 18, 15:14 อาคันตุก สมาธิอบรมปัญญาเป็นเพียงหนทางหนึ่งเท่านั้น

Dec 18, 15:14 โดนัท หลังปีใหม่นัทกลับมาจากปฏิบัติธรรมที่วัดหลวงพ่อจรัญแล้วจะส่งไปให้ทางไปรษณีย์ค่ะ

Dec 18, 15:14 ปุ๋ย เมื่อปฏิบัติไม่ถึงสภาวะนั้นๆ สิ่งที่โพสออกมาก็สับสนอลเวงอลหม่าน คุณธนวัฒน์

Dec 18, 15:14 tanawat3 ก็ อิทธิบารท ฉันทะวิริยะ ครับคุณเย็น

Dec 18, 15:15 อาคันตุก ยกตัวอย่างว่าปัญญาอบรม ให้ละอุปาทานขันธ์ห้า ที่อบรมสามทางอบรมอย่างไร

Dec 18, 15:15 ชีน้อย แต่ปัญยาอบรมใจ

Dec 18, 15:16 tanawat3 ถ้าสับสนอย่างที่คุณปุ๋ยว่า ผมจะเอาประสบการณ์ที่มีมาบอกได้อย่างไร ผมไม่เคยโกหกใครอยู่แล้ว ผมทำอย่างไร ผมได้อย่างนั้น

Dec 18, 15:16 ปุ๋ย ทีนี้ให้ทำความเข้าใจในสภาวะที่คุณกำลังดำเนินอยู่ จะเป็นการดีด้วยประการทั้งปวงค่ะ คุณธนวัฒน์

Dec 18, 15:16 อาคันตุก เมื่อผู้ปฏิบัติตามสติปัฏฐานสี่ เจริญขันธบรรพ ในสติปัฏฐานสี่ นั่นเป็นการอบรมปัญญา ด้วยสมาธิ

Dec 18, 15:16 tanawat3 แล้วก็เสนอสิ่งที่ผมได้ออกไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริงจากผลที่ได้จากการปฏิบัติ

Dec 18, 15:16 เย็น เข้าใจแล้วในคำบาลีจะพูดให้ยากทำไม

Dec 18, 15:16 ปุ๋ย ตรงไหนที่เรายังปฏิบัติไม่เข้าใจ ก็อย่าเพิ่งไปเม้าท์

Dec 18, 15:17 อาคันตุก เมื่อปัญจวัคคีย์ฟังธรรม "อนัตตลักขณะสูตร"(อันเป็นเรื่องเดียวกับขันธบรรพ) นั่นเป็น ปัญญาที่เกิดจากการอบรมด้วยการฟัง

Dec 18, 15:17 อาคันตุก เรียกว่าสุตมยปัญญา

Dec 18, 15:17 tanawat3 ผมเข้าใจหมดแล้วครับคุณปุ๋ย เพราะผมรู้จักตนเอง รู้จักสรวจแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองอยู่ตลอดเวลา ผมไม่สนว่าใครเป็นอย่างไร

Dec 18, 15:17 อาคันตุก ในสมัยหนึ่งมีผู้ว่ายน้ำในสระบัว 500 คน

Dec 18, 15:18 nin แดจังกึมครับ คุณเปรียวhttp://www.aromdee.net/picture/view.php?topic_id=1700&topic_poster_name=i%20moonoi&topic_forward=152&topic_views=5383&topic_time=16/Dec/05&topic_size=10&topic_reply=12&topic_title=%B9%D5%E8%A1%E7%E1%B4%A8%D1%A7%A1%D6%C1%21i%21

Dec 18, 15:18 โดนัท ตนรู้ตนดีที่สุดกว่าใครรู้

Dec 18, 15:18 tanawat3 ใครเป็นอย่างไร เข้าใจสภาวะธรรมหรือไม่ ก็เรื่องของคนนั้น แต่ผมต้องเข้าใจของผมก่อน

Dec 18, 15:18 อาคันตุก เห้นต้นบัวเกิดตายก็โน้มเข้าสู่ใจสลดในความไม่เที่ยงนั้น ด้วยการคิด

Dec 18, 15:18 ปุ๋ย สังโยชน์นี่จะละได้แต่ละข้อ ก็ต้องมาจากการปฏิบัติ ถ้ายังไม่ผ่านก็ยังละไม่ได้ คุณธนวัฒน์

Dec 18, 15:18 อาคันตุก เรียกว่า จิตมยปัญญา

Dec 18, 15:19 เย็น แต่ถ้ารูแล้วอย่าหลงตนนะโดนัท

Dec 18, 15:19 อาคันตุก ก็สามารถอบรมจิตให้พ้น สำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้

Dec 18, 15:19 โดนัท เห็นด้วยกับคุณปุ๋ยค่ะ

Dec 18, 15:19 tanawat3 ผมได้หมดแล้วครับ ทุกข้อครับคุณปุ๋ย

Dec 18, 15:20 tanawat3 คนที่จะรู้จักคนอื่น ต้องรู้จักตนเอง เข้าใจตนเองก่อน

Dec 18, 15:20 โดนัท อนุโมทนาบุญกับคุณtanawat3ค่ะ

Dec 18, 15:20 สรว

Dec 18, 15:20 tanawat3 ถ้าเราไม่เข้าใจตนเอง เราไม่รู้จักตนเอง จะไม่มีทางรู้จักคนอื่นและโลก ตามความเป็นจริงได้เลย

Dec 18, 15:20 ชีน้อย แต่คุณไม่รู้จักแม้ตนเอง แล้วจะรู้จักคนอื่นได้ไง

Dec 18, 15:21 ปุ๋ย อือม ไม่ใช่อ่านแล้วตัดออกไปง่ายๆนะคะ ต้องผ่านสภาวะและเข้าใจ ถ้ายังทำไม่ได้ ก็ยังละไม่ได้ค่ะคุณธนวัฒน์

Dec 18, 15:21 ชีน้อย คุณยังมีสิ่งที่ละเอียดปิดคุณอยู่

Dec 18, 15:21 ชีน้อย ซึ่งคุณมองไม่เห็ฯ

Dec 18, 15:21 tanawat3 ตามหลักสูตรที่ผมบอก คือทำให้ทุกคนรู้จักตนเอง รู้จักความทุกข์ของตนเองก่อน เมื่อรู้เท่าทันแล้ว จึงจะแก้ไขสภาวะนั้นได้

Dec 18, 15:21 โดนัท คุณเย็นคะ คงไม่หลงตนเองค่ะ เพราะนัทแค่เริ่มก้าว ได้แค่ขั้นต้นเท่านั้นเองค่ะ

Dec 18, 15:22 เย็น ผมเข้าใจคุณเสมอธนวัฒน์ ว่ามีอะไรบ้าง

Dec 18, 15:22 ชีน้อย ซึ่งคุณมองไม่เห็น

Dec 18, 15:22 tanawat3 งั้นว่ามา ว่าผมไม่เห็นอะไรบ้างครับ

Dec 18, 15:22 เย็น ผมสนใจซีดีครับโดนัท

Dec 18, 15:23 tanawat3 แต่คนที่จะสำรวจ ต้องแน่ใจว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่ในตนนะครับ

Dec 18, 15:23 ปุ๋ย คุณมองไม่เห็น กายใน จิตใน เวทนาใน ธรรมใน ค่ะคุณธนวัฒน์

Dec 18, 15:23 ชีน้อย อัตตา

Dec 18, 15:23 tanawat3 เพราะถ้าเรามี เราไปบอกคนอื่นว่ามี ผลที่ได้ไม่ใช่ผลของผู้ที่เราไปบอก แต่จะเป็นผลของเรา เรียกว่าอุปปาทาน

Dec 18, 15:23 โดนัท คุณเย็นคะ ส่งเมลมาบอกที่อยู่นัทที่ donutja55@hotmail.com

Dec 18, 15:23 nin ลูกไม่หล่นไกลต้นhttp://www.aromdee.net/picture/view.php?topic_id=1699&topic_poster_name=@^_^@&topic_forward=428&topic_views=5343&topic_time=16/Dec/05&topic_size=4&topic_reply=14&topic_title=%BE%E8+%CD+%C5%D9+%A1++%A4%D9%E8+%CB%D9++%A4%D9%E8+%CE+%D2

Dec 18, 15:24 ชีน้อย มันอยู่คสตาของตุณคุณจึงมองมันไม่เห็น

Dec 18, 15:24 โดนัท จะจัดส่งไปให้ทางไปรษณีย์หลังปีใหม่ค่ะ

Dec 18, 15:24 เย็น ก็พูดเสียตั้งนานก็แพ้กิเลสเหมือนเก่า

Dec 18, 15:24 tanawat3 ครับ อัตตา คือตัวผมของผม ผมต้องมองเห็นข้อบกพร่องของตนเอง อันนี้ผมยอมรับว่ามี อัตตาตัวนี้ไม่สามารถเอาออกได้ ถ้าเอาออกอันตราย

Dec 18, 15:24 โดนัท มีพระธรรมเทศนาของหลวงปู่ชา ฉบับภาษาอีสานด้วยค่ะ ถ้าใครฟังภาษาอีสานออก ต้องการฟัง นัทจะให้พี่เขาอัดมาให้ค่ะ

Dec 18, 15:25 ชีน้อย เขาทดสอบคุณและในที่สุกคุณก็แพ้กัยมัน คาตา

Dec 18, 15:25 nin แจกปฏิทนปีใหม่เหรอ คุณโดนัท

Dec 18, 15:25 tanawat3 แต่อัตตาตัวนี้ ต้องทำให้เป็นอนัตตา ครับ ผมก็ทำให้เป็นอนัตตาตลอด เพราะมันจะเป็นอัตตาอยู่เรื่อย

Dec 18, 15:25 tanawat3 นอกนั้น อัตตาตัวอื่นจะหายไปเองทั้งสิ้น

Dec 18, 15:25 โดนัท แจกซีดีพระธรรมเทศนาของหลวงปู่เหรียญค่ะ เป็นซีดีเอ็มพีสาม

Dec 18, 15:26 ชีน้อย นี้ไงสติ

Dec 18, 15:26 ปุ๋ย ทำอย่างไรจึงจะเป็นอนัตตา อธิบายวิธีปฏิบัติค่ะ คุณธนวัฒน์

Dec 18, 15:26 tanawat3 อ่านให้ดี ๆ ครับแม่ชีน้อย

Dec 18, 15:26 ชีน้อย อัตตาต้องชำระด้วยอัตตาแต่มันแรงสำหรับผู้ที่มีกำลังไม่พอค่ะ

Dec 18, 15:27 ชีน้อย ชีไม่สามารถทราบได้ว่าใครมีกำลังเท่าไรหรือใครบรรลุ ทะลุอะไรแต่

Dec 18, 15:27 โดนัท หรือถ้าไม่สะดวกส่งที่อยู่มาก็โทรมาก็ได้ค่ะ 01-4550832 และ 06-5473894

Dec 18, 15:27 ชีน้อย ไม่หละ ไม่พูดแล้ว

Dec 18, 15:27 สรว

Dec 18, 15:27 tanawat3 ผมอธิบายคุณปุ๋ยเป็น 10 รอบแล้วครับ แต่ว่าผมทำอยู่ทุกวัน ผมถึงตอบได้โดยแทบไม่ต้องคิดไงครับว่าจะตอบอย่างไร

Dec 18, 15:28 tanawat3 ทุกอย่างผมไม่ต้องมานั่งนึกว่าผมจะพิมพ์อย่างไร มันออกมาเอง เพียงแต่ที่ช้าคือผมพิมพ์ช้า ไม่ทันสมองคิด

Dec 18, 15:28 ปุ๋ย ค่ะ ตอบอย่างไรก็ได้ แต่ให้อธิบายสภาวะธรรม กลับอธิบายไม่ได้เลยคุณธนวัฒน์

Dec 18, 15:29 ชีน้อย คุณทำอย่างนั้นไม่ถูกนะพี่ปุ๋ยท่านก็มีแนวของท่าน

Dec 18, 15:29 เย็น ขอเวลาสักครู่มีแขกครับ

Dec 18, 15:29 ชีน้อย สตขาด

Dec 18, 15:30 tanawat3 ผมก็ไม่คุยกับคุณปุ๋ยเรื่องแนวทางแล้ว เพราะแนวทางของใครของมันครับแม่ชี

Dec 18, 15:30 ปุ๋ย ถามคุณอยู่เมื่อคืนว่า รูปราคะที่ว่าละได้ รูปราคะพิจารณาจากอะไร คุณตอบว่า หลอดไฟ

Dec 18, 15:30 โดนัท แต่ละท่านก็มีแนวปฏิบัติตามจริตของแต่ละคน



 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2005, 6:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเอามานั่งน๊า อันนี้ผมสำรองข้อมูลแล้ว



โดนัท คุณเชนกำลังสัมภาษณ์คุณแล้วคุณ tanawat

Dec 18, 16:40 tanawat3 เริ่มกันเลยแล้วกัน

Dec 18, 16:41 tanawat3 ติดตามลมหายใจเข้าออกให้จิตเป็นสมาธิ ดูเหมือนดูทีวีครับ อาณาปานสติ

Dec 18, 16:42 tanawat3 จากนั้นใช้สมาธิ ที่พอมี อาณาปานสติจะดึงให้เราเข้าสู่สมถะ แล้วให้เราใช้สมาธินั้นสำรวจข้อบกพร่องของตนเอง

Dec 18, 16:42 โดนัท นัทไม่สามารถพิสูจน์สิ่งที่คุณtanawat พูดได้หรอกค่ะ เพราะนัทปฏิบัติสมาธิได้แค่ขั้นเริ่มต้นเท่านั้น จิตนัทจะรับได้เท่าที่นัทปฏิบัติได้เท่านั้น ถ้าเกินนั้นสูงไป จิตนัทรับไม่ได้ค่ะ

Dec 18, 16:43 tanawat3 ดูว่า เรามีความ โลภ ความโกรธ ความหลงตนและการถือตัว หรือสันดานอื่น ๆ ที่ไม่ดีอยู่หรือไม่ ให้นึกสำรวจแล้วใช้กำลังสมาธิกำจัดออกไปให้ค่อย ๆ หมดสิ้น

Dec 18, 16:43 tanawat3 ทำตามที่ผมบอกครับ เดี๋ยวรู้เอง ตั้งใจทำครับ

Dec 18, 16:44 โดนัท คุณtanawat คุณเชนเขาผ่านจุดนั้นมาแล้วค่ะ

Dec 18, 16:44 tanawat3 สังเกตว่า จิตของเราจะค่อย ๆ เข้าสู่สภาวะสงบขึ้นทีละเล็กทีละน้อย (คำว่าจิตรวมถึงความคิดในสมองด้วยนะครับ) จนสงบนิ่งที่สุด อย่าเข้าข้างตนเองนะครับ

Dec 18, 16:45 tanawat3 ลองทำดู แล้วประเมินผลด้วยตนเอง

Dec 18, 16:45 tanawat3 เสร็จแล้วมาบอกผม

Dec 18, 16:46 tanawat3 มันจะกำจัดสัญโยชน์ได้หมดสิ้น

Dec 18, 16:49 นิน คุณนัท นั่งสมาธิได้ ปฐมฌาน หรือยังครับ

Dec 18, 16:49 jj ดีฮับ

Dec 18, 16:50 โดนัท ขอไม่บอกค่ะคุณนิน ขอรู้เฉพาะตน แต่มีพี่ที่เกษตรธรรมคนนึงที่รู้สภาวะจิตนัท

Dec 18, 16:50 tanawat3 จากนั้นให้ใช้กำลังสมาธิ ที่บริสุทธิ์ในรอบนี้ ทำการแผ่เมตตา ครับ เพราะมันจะหมดเป็นรอบ

Dec 18, 16:50 jj อารายคือปฐมฌาณหรอ??

Dec 18, 16:52 tanawat3 เวลาแผ่เมตตา ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอแผ่เมตตาให้สรรพจิต สรรพวิญญาณให้ขึ้นสู่สุคติ และแผ่เมตตาให้มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้มีความสุข ความเจริญ กุศลที่ได้ อุศให้สรรพจิต สรรพชีวิต

Dec 18, 16:52 tanawat3 ฌาณ 1 ครับ คุณ jj

Dec 18, 16:52 โดนัท และเขาจะเมตตากับนัทมาก จะคอยตามดูนัทตลอดเลยว่าจิตนัทเป็นอย่างไร แล้วเขาจะโทรมาบอก หรือ sms มาบอกวิธีที่ทำจิตให้ขึ้นมาได้ เมื่อนัทจิตตกหรือไม่ก้าวหน้าในการปฏิบัติ

Dec 18, 16:52 นิน นั่งนั่งสมาธิ จะได้ฌาน 4 ระดับด้วยกัน

Dec 18, 16:53 jj หือ เปงยังไงฮับคุณ นิน

Dec 18, 16:53 tanawat3 แผ่เมตตาไปสักพัก จะมีอนุสัย บ่อเกิดแห่งสัญโยชน์ขึ้นมาอีก ให้เราไปสำรวจสันดานแล้วขจัดออกอีกรอบ จนจิตของเรานิ่งสนิท

Dec 18, 16:54 tanawat3 เมื่อจิตนิ่งสนิท ให้เราแผ่เมตตา แล้วที่ทำเช่นนี้ เพราะการแผ่เมตตาจะไปขุดสันดาน บ่อเกิดแห่งตัณหาที่เรามี ทยอย โผล่ขึ้นมา

Dec 18, 16:54 tanawat3 จึงต้องทำสลับไป สลับมาตลอด

Dec 18, 16:55 โดนัท ขอบคุณคุณtanawat ค่ะที่แนะนำ

Dec 18, 16:56 tanawat3 ผลที่ได้อย่างแรก คือ จิตของเราจะนิ่งสงบและตั้งอยู่ได้นานขึ้น ตามกาลเวลา ตามความขยันหมันเพียร จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนนิ่งสงบจริง ๆ แทบเป็นอารมณ์เดียวทั้งวันทั้งคืน

Dec 18, 16:57 tanawat3 อีกอย่าง โรคภัยไข้เจ็บก็ดี ปัญหาชีวิตรูปแบบต่าง ๆ ก็ดี จะค่อย ๆ บรรเทาจนหายไปได้เอง ตามเวลา และความขยัน

Dec 18, 16:57 tanawat3 นี่ไง ทุกข์ของพวกเราที่เกิดขึ้นจริงใช่มั้ย

Dec 18, 16:58 tanawat3 ปัญญาของเราจะดีขึ้น เพราะจิตเรานิ่ง สมองว่าง ความรู้ใหม่ ๆ จะเข้ามาสู่เราได้โดยง่าย และดดยไม่มีอุปปาทาน

Dec 18, 16:58 นิน ลองอ่าน ฌาน4 ดูนะครับที่ คุณjjjhttp://larndham.net/index.php?s=0fede0c963c9f080014982e69ccf7882&showtopic=12585&st=

Dec 18, 16:58 tanawat3 โดยไม่มีอุปปาทาน

Dec 18, 16:59 jj ขอบคุณฮับ

Dec 18, 16:59 นิน ฌาน1 จะมีวิตก วิจารณ์ ปิติ เอกัคคตา

Dec 18, 16:59 tanawat3 ผมไม่ค่อยเน้นเรื่องฌาณเท่าไหร่ อันนั้นจะมาทีหลัง สิ่งที่ต้องมาก่อน คือการพ้นทุกข์

Dec 18, 17:00 tanawat3 ทีนี้ ยังมีอีกนิด ครับคุณโดนัท

Dec 18, 17:00 นิน เมื่อเข้าสู่ฌาน2 จะมี ปิติ สุข เอกัคคตา

Dec 18, 17:01 โดนัท นัทไม่เน้นทั้งญาณและนิมิตค่ะ เน้นทางพ้นทุกข์เท่านั้น

Dec 18, 17:01 tanawat3 ตอนที่เนาว่าง ให้เราหลับตาดูนิมิต สิ่งที่สำคัญคือปฏิภาคนิมิต คือภาพสะท้อนแห่งจิต ดูความสะอาดบริสุทธิ์ว่าเป็นอย่างไร และอุคหะนิมิต คือสิ่งที่เป็นข้อธรรมที่จะมาสอนเรา ทำให้เราเกิดปัญญาขึ้นในสมาธิครับ

Dec 18, 17:02 tanawat3 แล้วถ้าให้ดี ทำตอนก่อนนอนแล้วหลับไปเลย ตื่นมาตอนเช้าจะสดชื่นขึ้น

Dec 18, 17:02 jj ขอบคุณฮับ

Dec 18, 17:02 tanawat3 ดีแล้วครับคุณนัท นิมิต ดูที่ผมบอกพอแล้ว ไม่งั้นจะยึดติด ทำให้ไม่เกิดปัญญา

Dec 18, 17:03 jj ทำเปง แค่ พุทโธๆ เองT T

Dec 18, 17:03 tanawat3 อุคหะนิมิต สำคัญ เช่นเห็นอะไรก็แล้วแต่ เราต้องตั้งคำถามว่า สิ่งนั้นสอนอะไรเรา ให้ข้อคิดอะไรบ้าง แล้วเราจะรู้คำตอบเองด้วยปัญญา

Dec 18, 17:04 โดนัท เข้าใจค่ะ นิมิตสองอย่างที่คุณtanawatบอก

Dec 18, 17:04 tanawat3 หมดแล้วครับ ถ้าทำ ก็ทำตลอดครับ จะประเมินผลได้เร็วมาก

Dec 18, 17:04 โดนัท แต่ไม่เคยเห็นภาพเลยค่ะ เช่นนั่งสมาธิเห็นหน้าใคร

Dec 18, 17:05 tanawat3 นิมิตอื่นไม่ก่อให้เกิดปัญญา เช่นภาพเหตุการณ์สถานที่ที่เราเคยไป ศุภนิมิต ภาพของสวยงาม ภาพสวรรค์ จะเป็นอันตรายกับผู้อยากเห็น

Dec 18, 17:06 tanawat3 ดังนั้น นิมิต เราไม่ต้องไปอยากเห็นนะครับ

Dec 18, 17:07 tanawat3 แต่จะไม่เป็นตรายต่อผู้ที่บรรลุธรรมโดยแท้แล้วเท่านั้น

Dec 18, 17:09 นิน คุณ jj เอามาให้ใหม่ครับ อันนี้เข้าใจง่ายกว่า ฌานhttp://www.palungjit.com/smati/k40/smabat.htm

Dec 18, 17:09 tanawat3 ความยากอย่างสุดท้าย คือเราต้องแก้ไขข้อบกพร่องของตนให้ได้ แล้วใช้ปัญญาคิดให้มากว่าวิธีการปฏิบัติแบบใดที่ให้ผลตามที่พระพุทธองค์ต้องการ คือพ้นทุกข์

Dec 18, 17:12 tanawat3 ศตรูของเรนา คือข้อบกพร่องของเรา ประหารข้อบกพร่องของเราให้ได้ ศตรูไม่ใช่คนอื่นใด หรือแม้แต่ว่าผมจะเป็นอย่างไร ผมเป็นคือตัวผมเป็น อย่างที่ผมบอก ทำข้อบกพร่องที่เป็นอัตตาของเรา เป็นอนัตตาให้ได้

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
เพียงแรกเริ่ม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2005, 7:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Dec 16, 0:18 tanawat3 ซึ่งปกติจะเป็นสีเหลือง

Dec 16, 0:18 ปุ๋ย แล้วมันตรงมั้ยหละ

Dec 16, 0:18 ปุ๋ย มันสลับสับสนตาลปัตรหนะ

Dec 16, 0:19 tanawat3 ตรงครับ ตรงทุกเรื่อง ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

Dec 16, 0:20 ปุ๋ย ถ้าชัดเจนคงไม่เกิดความขัดแย้ง

Dec 16, 0:20 tanawat3 ยึดสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นหลัก มีอะไรแก้ตามนั้น

Dec 16, 0:21 tanawat3 ที่มันขัดแย้งนี่ ประการแรก ที่มาของคนสมัยนี้ มีกามราคะ เป็นกิเลส

Dec 16, 0:21 ปุ๋ย พิจารณาอย่างไรค่ะ ที่ว่าปัจจุบันเป็นหลัก

Dec 16, 0:22 tanawat3 แต่คนสมัยพุทธกาล มีคุณวิเศษของฌาณ อยากมีอิทธฤทธิ์ เป็นกิเลส

Dec 16, 0:22 tanawat3 พิจารณาว่า คนเดี๋ยวนี้ ส่วนใหญ่เป็นอย่างไร

Dec 16, 0:24 tanawat3 ซึ่ง คนที่ทำสมาธิแล้ว ใช้สิ่งที่มีตามเดิมก็ปฏิบัติสมาธิได้ แต่พวกที่ไม่ปฏิบัติสมาธิ ต้องเริ่มจากสิ่งที่ทำให้เขาเกิดกามราคะ

Dec 16, 0:24 ปุ๋ย เราจะพิมพ์อย่างไรก็ได้ แต่สภาวะคุณไม่ได้ ข้อมูลก็สับสน

Dec 16, 0:24 tanawat3 เช่นความเห็นแก่ตัว ความโลภ ความพยาบาท ความกังวล

Dec 16, 0:25 tanawat3 แล้วสภาวะของผมอยู่ตรงไหน ผมก็งง

Dec 16, 0:25 ปุ๋ย อ้าว ก็คุณว่าคุณเป็นอะไรหละ

Dec 16, 0:25 tanawat3 ทั้ง ๆ ที่ผมให้คนทั่วไป ปฏิบัติได้ปฏิบัติดี

Dec 16, 0:26 ปุ๋ย คุณว่าคุณเป็นนั่นนี่ บรรลุแล้ว เค้าก็ซักแหลกซิ

Dec 16, 0:27 ปุ๋ย บรรลุแล้ว ยังไปติดพระศิวะ มันก็ขัดแย้งกันแล้วคุณ

Dec 16, 0:27 tanawat3 อ๋อ สภาวะนั้น คือความว่างทั้งวันทั้งคืน ที่ผมเป็นอยู่ โดยที่ไม่มีอารมณ์เกิดขึ้นก็แล้วกันครับ

Dec 16, 0:28 tanawat3 เอาว่าเป็นงี้แล้วกัน พอคนไปยึดติดกับคำมันก็เลย เป็นแบบคุณปุ๋ย

Dec 16, 0:28 tanawat3 ผมก็งงอยู่นาน

Dec 16, 0:28 ปุ๋ย ไหลไปเรื่อยหนะ คุณธนวัฒน์

Dec 16, 0:29 tanawat3 อ้าว เพราะผมล้างสันดานชั่ว ตัวที่ทำให้เกิดกิเลส ออกจากตัวผม ตั้งแต่ที่มีรมาก ๆ จนค่อย ๆ น้อยลง จนแทบจะไม่เหลือ ไงครับ

Dec 16, 0:30 tanawat3 ผมใช้สมาธิล้างออก ซึ่งผมทำสิ่งนี้ก่อนการแผ่เมตตา แล้วผมก็ประเมินตนเอง ตั้งแต่ปีแรก - ปีที่ 3 ผมก็นิ่งสนิท

Dec 16, 0:30 ปุ๋ย ที่คุณปฏิบัติอยู่มันไม่ได้เข้าไปล้างอนุสัยเลยค่ะ

Dec 16, 0:31 ปุ๋ย หลายคนก็เตือน คุณก็ไม่ฟังเอง

Dec 16, 0:32 tanawat3 คุณก็ลองทำตามที่ผมบอกซิครับ ถ้าคุณไม่ทำ มันจะพิสูจน์ไม่ได้ว่าสิ่งที่ผมพูดคือเป็นอย่างไร แล้วสมมุติว่าไม่ได้ผลคุณก็ไม่ต้องเชื่อ

Dec 16, 0:33 tanawat3 เพราะผมเปิดดู มันก็มีความโลภ ควาโกรธ นี่ล่ะ อยู่ใน web

Dec 16, 0:33 ปุ๋ย ต้องเจริญวิปัสสนาต่อ ถึงจะทำลายอนุสัยกิเลสได้ค่ะ ตรงสมาธินี่ทำลายไมได้ค่ะ

Dec 16, 0:33 tanawat3 9hvme9vogdbnfl,kTb

Dec 16, 0:33 tanawat3 ต้องทำตอนเกิดสมาธิครับ

Dec 16, 0:34 tanawat3 งั้นคุณลองเจริญสติที่คุณว่า แล้วทำลายอนุสัยก็แล้วกัน ถ้าคุณทำได้ จิตคุณจะนิ่ง

Dec 16, 0:35 ปุ๋ย ถึงได้บอกให้คุณฝึกเจริญสติไงค่ะ และต้องฝึกให้ถูกด้วย คุณถึงจะแยกออกระหว่างสมถะ กับ วิปัสสนา

Dec 16, 0:36 tanawat3 แล้วฝึกยังไงครับ

Dec 16, 0:37 ปุ๋ย คุณลองทำเดี๋ยวนี้นะ

Dec 16, 0:38 tanawat3 ลองดู ทำไปคฝู่กัน

Dec 16, 0:38 ปุ๋ย ขณะที่นิ้วมือพิมพ์ตามแป้นตัวอักษรที่แป้นพิมพ์คอมพ์

Dec 16, 0:38 tanawat3 ยังไงต่อครับ

Dec 16, 0:38 ปุ๋ย ให้รู้อยู่ตรงแค่อิริยาบทแต่ละนิ้วที่ขยับเคลื่อนไหวเปลี่ยนไปตามแป้นตัวอักษรนั้นเท่านั้น

Dec 16, 0:39 tanawat3 ครับ

Dec 16, 0:39 ปุ๋ย รู้แค่อิริยาบทที่นิ้วเคลื่อนไหวไปมาเท่านั้น

Dec 16, 0:39 ปุ๋ย แค่นี้แหละค่ะ ฝึกบ่อยๆ

Dec 16, 0:40 tanawat3 คิดว่ามีอะไรมากไปกว่านี้

Dec 16, 0:40 ปุ๋ย จำไว้นะคะ รู้แค่อิริยาบททีนิ้วเคลื่อนไหวไปมาตามตัวอักษรบนแป้นเท่านั้น

Dec 16, 0:40 ปุ๋ย ไม่คิด ไม่ตรึก ไม่นึก

Dec 16, 0:40 ปุ๋ย จบค่ะ

Dec 16, 0:41 tanawat3 ผมก็งง งั้นของผมทำที่ลมหายใจมานานแล้วครับ ปัญหาคือของผมไม่เข้าใจคำว่าเจริญสติที่คุณว่าคืออะไร

Dec 16, 0:41 tanawat3 คือกายานุสติปัฏฐานนั่นเอง

Dec 16, 0:41 ปุ๋ย ทีนี้ สังเกตุการเปลี่ยนแปลงจากตัวคุณเอง

Dec 16, 0:42 tanawat3 ผมทำได้ทั้งมือ ทั้งเท้า ข้อศอก

Dec 16, 0:42 ปุ๋ย ค่ะ

Dec 16, 0:43 tanawat3 แต่เวลาผมบอกคน ผมให้ทำที่ลมหายใจ คืออาณาปานสติอย่างเดียว

Dec 16, 0:43 ปุ๋ย ที่บอกอิริยาบทนี้ เพราะคุณใช้คอมพ์บ่อยๆ

Dec 16, 0:43 tanawat3 นี่ถ้าผมไม่มาคุยเรื่องเจริญสติกับคุณ ผมก็งงตาแตกเลยว่าผมติดตรงไหน

Dec 16, 0:44 tanawat3 มันไม่ได้ต่างกัน เพราะฝึกโยคะ ก็แบบนี้แหละ มันจะไปของมันเอง

Dec 16, 0:44 ปุ๋ย ทีนี้สังเกตการเปลี่ยนแปลงได้เลย ปัญญามันจะแสดง

Dec 16, 0:45 ปุ๋ย ใช่ค่ะ ไม่ต่างกัน แต่โยคะยังเคลื่อนไหวช้าอยู่ และกำหนดท่าทาง

Dec 16, 0:45 tanawat3 แต่ผมทำได้มากกว่านี้ คือผมทำที่มือผม เวลาล้างอนุสัย ผมจะใช้มือซ้ายชูขึ้น พอหมดรอบ มือจะตกเอง เวลาแผ่เมตตาก็เป็นมือขวา ทำอยู่ ๆ

Dec 16, 0:46 ปุ๋ย ทีนี้อีกอย่าง อย่างคุณคุยในห้องแชทนี่

Dec 16, 0:46 ปุ๋ย ไปฝึกมาจากไหนค่ะ ที่ว่าชูมือล้างอนุสัย

Dec 16, 0:47 ปุ๋ย

Dec 16, 0:47 tanawat3 ก็ได้จากประสบการณ์ เพราะผมเข้าใจคำว่าเจริญสติของคุณแล้ว ผมก็รู้ว่า คืออะไร

Dec 16, 0:47 tanawat3 แล้วแต่ละคนทำไม่เหมือนกันด้วย

Dec 16, 0:48 ปุ๋ย คืออะไรค่ะ

Dec 16, 0:48 tanawat3 สำคัญมาก ในขณะที่ผมนั่งพิมพ์คอม ก็เกิดสิ่งนี้ด้วย

Dec 16, 0:48 ปุ๋ย ทุกอิริยาบทนะคะ นี่แค่อิริยาบทเดียวเพราะเห็นว่าคุณใช้คอมพ์

Dec 16, 0:49 ปุ๋ย อย่าแผลงเข้าใจเอาเองนะคะ ให้มันรู้ผลด้วยการปฏิบัติจริงนะคะ

Dec 16, 0:49 tanawat3 ทีคุณว่า มันเป็นเทคนิคของแต่ละคน ที่ไม่เหมือนกัน เทคนิคของใครก็ของคนนั้น

Dec 16, 0:49 ปุ๋ย และผลที่แสดงออกมา มันจะไม่ขัดแย้ง

Dec 16, 0:49 tanawat3 ผมทำจริงมานานมากแล้วครับ 8 ปีแล้ว วิธีนี้ครับ

Dec 16, 0:50 ปุ๋ย มันไม่ใช่เทคนิคหรอกค่ะ อยู่ที่ว่าสติมันต่อเนื่องกันตลอดในทุกอิริยาบท ณ ปัจจุบันขณะหรือเปล่า

Dec 16, 0:50 ปุ๋ย ปัญญาที่คุณแสดงออกมา มันสับสนมันตาลปัตหนะ มันยังไม่ใช่

Dec 16, 0:51 tanawat3 ต่อเนื่องแน่นอน การแผ่เมตตา การล้างอนุสัยมีเป็นรอบ ๆ สลับกันไป สลับกันมา

Dec 16, 0:51 tanawat3 จนเกลี้ยงสนิท มือมันก็ลงของมันเอง

Dec 16, 0:51 tanawat3 แล้วสมาธิก็ไม่หลุด แต่ถ้าเมื่อก่อนหลุดครับ

Dec 16, 0:51 ปุ๋ย อ่อ มันง่ายแบบล้างมือก็ดีนะคะ ไม่ต้องมานั่งสมาธิให้เมื่อย

Dec 16, 0:52 tanawat3 มันไม่ง่ายครับคุณปุ๋ย ตอนแรกผมต้องรบกับอนุสัยของตัวเอง หมดยากมาก สำคัญตรงนี้แหล่ะ

Dec 16, 0:53 ปุ๋ย ติดอยู่ตรงนี่แหละ

Dec 16, 0:53 ปุ๋ย ไม่ปายหนายซักที

Dec 16, 0:53 ปุ๋ย ถ้ายังติดอยู่ตรงนี้ คุณก็แยกไม่ออก

Dec 16, 0:53 tanawat3 ผมถึงรู้ข้อแตกต่างของผมเองก่อนทำสมาธิ แล้วทำสมาธิในช่วง 2 ปีแรก กับ 6 ปีหลัง มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

Dec 16, 0:54 tanawat3 แล้วต่อมาล่ะ

Dec 16, 0:54 ปุ๋ย ก็ยังติดอยู่

Dec 16, 0:55 tanawat3 ผมถึงว่าทำไมเจริญสติทำแค่นี้

Dec 16, 0:55 tanawat3 ว่ามาต่อครับ

Dec 16, 0:55 ปุ๋ย นี่เดวคุณจะก็อปไว้โพสหรือเปล่าที่คุยกันนี่

Dec 16, 0:55 ปุ๋ย จะได้ช่วย

Dec 16, 0:56 tanawat3 คงไม่ครับ

Dec 16, 0:56 ปุ๋ย อือม แล้วไป

Dec 16, 0:56 tanawat3 ผมก็อยากรู้ว่าผมติดตรงไหน

Dec 16, 0:56 tanawat3 แนยั dHwfh

Dec 16, 0:56 tanawat3 copy ก็ได้

Dec 16, 0:57 ปุ๋ย ก็ติดตรงสมถะค่ะ

Dec 16, 0:57 ปุ๋ย จะโพสไว้กระทู้ไหนหละ

Dec 16, 0:57 tanawat3 สมถะ คืออย่างไรครับ

Dec 16, 0:57 tanawat3 ก็แล้วแต่ครับ

Dec 16, 0:58 ปุ๋ย http://www.dhammajak.net/webboard/show.php?Category=dhammajak&No=3710

Dec 16, 0:58 ปุ๋ย กระทู้นี้นะ หรือคุณว่าอย่างไรค่ะ

Dec 16, 0:59 tanawat3 ผมไม่ขัดข้อง

Dec 16, 0:59 ปุ๋ย ถ้าก็อปก็ก็อปไปให้หมดที่คุณกับปุ๋ยคุยกัน

Dec 16, 0:59 tanawat3 ก็เอาไปครับ

Dec 16, 1:00 ปุ๋ย แต่ขี้เกียจหนะ ไม่รู้จะก็อปไปทำไม

Dec 16, 1:00 tanawat3 อธิบายมาเลยครับ

Dec 16, 1:01 ปุ๋ย ก็จบแล้ว แค่นั้นแหละ แต่คุณเดินไม่ได้ไม่ใช่หรือค่ะ

Dec 16, 1:01 ปุ๋ย เพราะมันมีหลายอิริยาบท

Dec 16, 1:02 tanawat3 ก็ว่ามาซิครับ

Dec 16, 1:02 tanawat3 ผมยังไม่เข้าใจคำว่าสมถะที่คุณว่ามา

Dec 16, 1:03 ปุ๋ย ก็ทุกอิริยาบทที่คุณดำเนินอยุ่ในชีวิตประจำวันนั่นแหละคะ

Dec 16, 1:03 tanawat3 ผมเดินได้ครับ

Dec 16, 1:03 ปุ๋ย วันนั้นที่ส่งลิ้งค์ให้คุณอ่านแล้วนี่นา

Dec 16, 1:03 tanawat3 แล้วมันสมถะอย่างไร

Dec 16, 1:03 ปุ๋ย อ้าว ไหนคุณว่าคุณพิการไง

Dec 16, 1:03 tanawat3 ผมไม่ได้อ่านครับ

Dec 16, 1:04 tanawat3 อ๋อ พิการ สายตาครับ พิการขาด้วย แต่ตอนนี้ดีขึ้นจนเดินได้แล้วครับ

Dec 16, 1:06 ปุ๋ย การเจริญสมถะ ก็คือการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงซึ่งความสงบ

Dec 16, 1:06 ปุ๋ย วิปปัสสนานั้นปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงซึ่งปัญญา

Dec 16, 1:07 ปุ๋ย ความสงบนั้นคนละอย่างกันแต่ก็เป็นธรรมชาติเป็นของจริงเหมือนกัน ความสงบก็เป็นลักษณะที่จิตมีสมาธิเข้าถึงความสงบ คือจิตนั้นตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว นิ่งแนบแน่นอยู่ในอารมณ์เดียว ก็เป็นสมาธิ

Dec 16, 1:08 tanawat3 ปัญหาของผม มีอย่างเดียว คือไม่เข้าใจศัพท์บาลีครับ สิ่งที่คุณว่า ผมีอยู่ในตัวผมหมดครับ

Dec 16, 1:08 ปุ๋ย อือม

Dec 16, 1:09 ปุ๋ย ยังค่ะ ปัญญายังไม่แสดงค่ะ

Dec 16, 1:10 tanawat3 ปัญญาว่ามา

Dec 16, 1:11 ปุ๋ย http://www.mahaeyong.org/Dharma/Compare.htm

Dec 16, 1:11 ปุ๋ย เนี่ย คุณอ่านและทำความเข้าใจกับตัวคุณซิค่ะ

Dec 16, 1:12 ปุ๋ย ทีนี้ถ้ามันติดอยู่ จะอ่านไม่เข้าใจ จะเข้าใจผิด

Dec 16, 1:13 ปุ๋ย สำคัญเลยคือ การฝึกให้ถูกต้อง ถึงจะแยกได้ออกค่ะ

Dec 16, 1:14 ปุ๋ย คุณไปวัดมเหยงค์เป็นหรือเปล่า อยู่อยุธยา

Dec 16, 1:14 tanawat3 ๔. ปุพเพนิวาสานุสติญาณระลึกชาติได้ --- ผมใช้ส่วนนี้ทุกำวันครับ

Dec 16, 1:15 tanawat3 มันมีมากกว่าที่คุณให้มา

Dec 16, 1:15 ปุ๋ย อธิบายมาค่ะ

Dec 16, 1:16 tanawat3 ผมอธิบายให้ฟัง บุพเพนิวาสนุสติญาณ คือการระลึกในชาติที่ผมเป็นพ่อค้าปลา ทุบหัวปลา จนต้องทำให้ตาพิการในปัจจุบัน

Dec 16, 1:17 tanawat3 ๕. ปรจิตวิชานนอภิญญา รูวาระจิตของผู้อื่นได้ ---- ผมปรับเปลี่ยนวิธีการคุย ตามความสนใจของแต่ละคนได้

Dec 16, 1:17 ปุ๋ย ระลึกได้ตอนไหนค่ะว่าทุบหัวปลา

Dec 16, 1:18 tanawat3 5 ปีมาแล้วครับ

Dec 16, 1:18 tanawat3 ที่จริงผมทำมากกว่านั้น บางทีผมก็ลืม แต่มันจะออกมาเองตอนที่มีคนถามครับ

Dec 16, 1:19 ปุ๋ย ปฏิบัติแล้ว ระลึกได้ น้อมได้ ใช้กรรมแล้ว ต้องสลายหายไป ไม่พิการ

Dec 16, 1:19 tanawat3 เพราะงานที่ผมทำ ต้องใช้วิชาพวกนี้ทั้งหมด แล้วก็มีวิชาที่สูงกว่าวิชาพวกนี้ด้วย

Dec 16, 1:20 ปุ๋ย นั่นแหละค่ะ ไม่ว่าวิชาจะสูงขนาดไหน อยู่ตรงสมถะหมด

Dec 16, 1:20 tanawat3 ไม่งั้นผมทำงานไม่ได้

Dec 16, 1:21 ปุ๋ย ทีนี้ถึงแม้คุณขึ้นวิปัสสนา หน้าที่คุณก็จะชัดเจนและทำได้ละเอียดขึ้น

Dec 16, 1:21 tanawat3 เช่น คนสติไม่ดีมา ผมต้องเข้าทรงเขาให้ได้ คุณไม่เชื่อว่าเทพมีจริง คุณจะมองเลยวิชาที่สูงกว่าอภิญญาไม่ได้

Dec 16, 1:22 ปุ๋ย ว่าแล้ว เนี่ยคุณติดแหง็กเลย

Dec 16, 1:23 ปุ๋ย สูงขนาดไหนก็อยู่ตรงสมถะ

Dec 16, 1:23 tanawat3 หรือบางคนมา กรรมเขามาก เราต้องดึงจิตเขาออกจากร่าง มาทำกันนอกร่าง ตัวก็นอนสงบ ๆ

Dec 16, 1:23 tanawat3 คุณไม่เชื่อ แต่วิชาพวกนี้ผมใช้มาหมดแล้ว

Dec 16, 1:24 tanawat3 คนจุดธูปเรียก ผมยังรู้เลย ผมเป็นเจ้าที่บ้านอยู่หลายที

Dec 16, 1:24 ปุ๋ย ทำไมจะไม่เชื่อ แต่ถึงเหตุหรือเปล่า

Dec 16, 1:24 tanawat3 ที่ นะครับ ไม่ใช่ที

Dec 16, 1:25 ปุ๋ย ไม่ถึงเหตุแต่ทำตามๆกันมา

Dec 16, 1:25 tanawat3 แล้วทุกคนที่เรียก ไม่ว่าจะเรียกทั้งจิต หรือเรียกตัวผมด้วย ผมทำที่เขาขอได้หมด

Dec 16, 1:25 ปุ๋ย บอกแล้วตั้งแต่กลางวันว่าต้องมีเรื่องประทับทรงแน่นอน

Dec 16, 1:26 tanawat3 แต่ผม เป็นคนไปประทับเขานะ เช่นผมไปประทับปุ๋ย ไม่ใช่เทพอื่นมาทำ ผมจับมา คนที่โดนผมลงทรงก็นั่งแข็งไปเลย

Dec 16, 1:27 ปุ๋ย เรื่องธรรมดาเลยคุณ ปัญญายังตีเรื่องเทพไม่ออก

Dec 16, 1:27 ปุ๋ย เรื่องธรรมดาคุณ ไม่แปลก

Dec 16, 1:28 tanawat3 มันเป็นกรรมของคุณที่ทำให้คุณเข้าใจเรื่องเทพผิดไป

Dec 16, 1:28 ปุ๋ย อือม

Dec 16, 1:28 ปุ๋ย กรรมแล้วหละคุณ

Dec 16, 1:29 ปุ๋ย คุณก่อกรรมด้วยความไม่รู้แล้วหละ

Dec 16, 1:30 tanawat3 ไม่รู้ใครมีกรรม ระหว่างคุณกับผม แต่ที่ผมรู้ คืองานที่ผมใช้วิชาที่ผมมีทั้งหมดทำสำเร็จทุกงาน

Dec 16, 1:31 tanawat3 ทำมาแล้ว 4 ปี

Dec 16, 1:31 tanawat3 บางเรื่องก็นาน บางเรื่องก็แป๊บเดียวเสร็จ

Dec 16, 1:32 tanawat3 ผมไม่รู้จะโกหกคุณไปทำไม แล้วผมก็ไม่โกหกด้วย



Dec 16, 1:35 tanawat3 ปัญญาของคุณไม่เกิด เพราะคุณไม่เชื่อว่าเทพมีจริง คุณก็มองไม่เห็นปัญญาส่วนสำคัญที่ทำให้ผมมองเห็นอริยสัจ 4 ในโลกปัจจุบันได้ Dec

16, 1:37 tanawat3 ไปล้างอนุสัยให้ดี แล้วคุณจะรู้ว่าตัวคุณเป็นอย่างไร อันที่ว่านิ่ง นิ่งจริงหรือเปล่า อย่างอื่นคุณทำดีหมดแล้ว

Dec 16, 1:38 ปุ๋ย ขอตัวก่อนนะค่ะ ไว้มาสนทนากันใหม่ค่ะ

 
สงกะสัย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 ธ.ค.2005, 4:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทำไมพวกเค้าต้องเถียงกันในเรื่องการเป็นพระอรหันต์
 
เง็งๆๆๆๆ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 ธ.ค.2005, 5:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แล้ว ปัญญาๆๆๆ



อะไรคือปัญญา



ล้างๆๆๆ ปัญญาอย่างไร
 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 22 ธ.ค.2005, 8:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดูก่อนความเห็นที่ 78 ผู้เจริญ



ปัญญา คือความสามารถในการแก้ไข บรรเทา ปัญหาที่มีในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับที่ตนรู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
Pat (ความเห็นที่ 60)
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 ธ.ค.2005, 10:35 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอโมทนาสาธุในความดีของคุณ tanawat30



สักกายทิฏฐิ คือความเห็นผิดในกาย คิดว่าร่ายกายนี้คงทนถาวร ไม่ตาย ไม่อยากให้ตัวเองตาย ตานี้ก็ของเรา หูนี้ก้ของเรา หน้าตาอย่างนี้ก้ของเรา ร่างกายนี้ของเรา เราไม่ต้องการให้ร่ายการนี้ตาย เราไม่ต้องการให้ร่างกายนี้เจ็บ เราอยากหนุ่มสาวไปตลาด ทั้งๆที่ไม่ใช่เลย มันเป้นไปตามกฏพระไตรลักษณ์ ร่ายหการนี้เป้นการประชุมกันของธาตุ 4 เมื่อมีประชุมกันก็ต้องเลิกประชุมกัน ก็ต้องแตกไป ก็ต้องตายไป ไม่มีใครที่ไม่ตาย ไม่มีใครที่มีร่างกายเป็นอมตะตลอดไป ทุกคนต้องตาย



อวิชชาคือความไม่รูปตามความเป็นจริงมีความหมาย รวมไปถึง มิจฉาทิฏฐิ(เห็นผิดจากธรรมชาติ) โมหะ (ไม่รู้ว่าที่ถูกเป็นอย่างไร ยังหลงอยู่) ความเป็นจริงของธรรมชาตินั้น ก็มีกฎของธรรมชาติทั้ง 4

1. กฏแห่งการเปลี่ยนแปลง กฎพระไตรลักษณ์

2. กฎแห่งการสะท้อน กฏแห่งกรรม

3. กฎแห่งเหตุผล อริยสัจ 4

4. ความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน ปฏิจสมุปบาท หรือ ปัจจยการ



เมื่อเข้าใจผิดในกฏธรรมชาติ ไม่รู้ตามความเป็นจริง ก็เข้าใจผิดในขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ก็ต้องการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เกิดก็ทุกข์ แก่ก็ทุกข์ เจ็บก็ทุกข์ ตายก็ทุกข์ เกิดใหม่ก็ทุกข์ เจ้บอีกก็ทุกข์ แก่อีกก็ทุกข์ ตายอีกก็ทุกข์



อย่าทุกข์อีกต่อไปเลย พอละ



โมทนาสาธุ โมทนาสาธุ โมทนาสาธุ

 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง