บุพเพสันนิวาสเป็นอย่างไรครับ

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 8:40 pm

ใครมีความเข้าใจเกี่ยวกับบุพเพสันนิวาส ช่วยตอบที คือผมคิดว่าถ้าจะอยู่กะใครสักคน จะต้องเกิดจากความรัก ทั้งสองฝ่ายเราถึงจะมีความสุข ถ้าไม่เจอคนที่ใช่ สู้อยู่คนเดียว ดีกว่าจะอยู่กะคนที่ไม่ได้รัก แล้วมีไหมครับ ที่มีบุพเพสันนิวาสต่อกันต้องมาอยู่ด้วยกัน แต่ไม่ได้รักกัน หรือ ทะเลาะกันตลอด คำว่าบุพเพสันนิวาส หมายความว่าอย่างไร เฉพาะ ที่รักกันอย่างมีความสุขหรือเปล่า ตามที่ได้อ่านมานะครับ บอกว่า การที่คน 2 คนมาอยู่ร่วมกัน เพราะทำกรรมร่วมกันมา มีวิบากกรรมต่อกัน มีกรรมที่ใกล้เคียงเสมอกัน ใช่หรือเปล่าครับ และมีทีอ่านมาบอกว่า บางคู่ สามีเป็นเทวดาทำกรรมดีมา แต่ภรรยาเป็นยักษ์ทำกรรมชั่วมา อย่างนี้แล้ว ผมว่ามันก็เป็นกรรมไม่เหมือนกันเลย แต่ทำไมทำให้บางคู่มาอยู่ด้วยกัน เป็นเพราะว่าเขาไม่ใช่บุพเพสันนิวาสกันใช่ไหม ไม่ใช่เนื้อคู่กันใช่ไหมครับ ใครมีความเข้าใจช่วยๆ ตอบทีครับ

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 9:01 pm

คู่ครอง

สมชีวิสูตรที่ ๑ เล่มที่ ๒๑

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ เภสกฬามฤคทายวัน ใกล้บ้านสุงสุมารคีระ แคว้นภัคคะ ครั้งนั้นแล เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของนกุลบิดาคฤหบดีแล้ว ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้

ครั้งนั้นแล คฤหบดีผู้นกุลบิดาและคฤหปตานี ผู้นกุลมารดา เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว คฤหบดีผู้นกุลบิดาได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นับแต่เวลาที่ตระกูลนำคฤหปตานีผู้นกุลมารดาซึ่งยังเป็นสาวมา เพื่อข้าพระองค์ผู้ยังเป็นหนุ่ม ข้าพระองค์มิได้รู้สึกจะประพฤตินอกใจ คฤหปตานีผู้นกุลมารดาแม้ด้วยใจเลย ที่ไหนจะประพฤตินอกใจด้วยกายเล่า ข้าพระองค์ทั้งสองปรารถนาพบกันและกันทั้งในปัจจุบันทั้งในสัมปรายภพ แม้คฤหปตานีผู้นกุลมารดา ก็ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นับแต่เวลาที่ตระกูลนำหม่อมฉันซึ่งยังเป็นสาวมา เพื่อคฤหบดีผู้นกุลบิดาซึ่งยังเป็นหนุ่ม หม่อมฉันมิได้รู้สึกจะประพฤตินอกใจคฤหบดีผู้นกุลบิดาแม้ด้วยใจเลย ที่ไหนจะประพฤตินอกใจด้วยกายเล่า หม่อมฉันทั้งสองปรารถนาพบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรคฤหบดีและคฤหปตานี ถ้าภรรยาและสามีทั้งสองหวังจะพบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพไซร้ ทั้งสองเทียวพึงเป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน ภรรยาและสามีทั้งสองนั้นย่อมได้พบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ ภรรยาและสามีทั้งสองเป็นผู้มีศรัทธา รู้ความประสงค์ของผู้ขอ มีความสำรวม เป็นอยู่โดยธรรม เจรจาคำที่น่ารักแก่กันและกัน ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีความผาสุก ทั้งสองฝ่ายมีศีลเสมอกัน รักใคร่กันมาก ไม่มีใจร้ายต่อกัน ประพฤติธรรมในโลกนี้แล้ว ทั้งสองเป็นผู้มีศีลและวัตรเสมอกัน ย่อมเป็นผู้เสวยกามารมณ์ เพลิดเพลินบันเทิงใจอยู่ในเทวโลก ฯ

....................................................................................................................................

ไม่ใช่ผู้ชำนาญการเรื่องบุพเพอาละวาดนะคะ

แต่หัวเรื่องน่าสนุก ขอมีส่วนร่วมขุดข้อมูลมาเสนอค่ะ

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 9:09 pm

สังวาสสูตรที่ ๒ เล่มที่ ๒๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย การอยู่ร่วม ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ

ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผี ๑

ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงเทวดา ๑

ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงผี ๑

ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงเทวดา ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผีอย่างไร

สามีในโลกนี้เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบพูดเพ้อเจ้อ มีความละโมบ มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด เป็นคนทุศีล มีบาปธรรม มีใจอันมลทิน คือ ความตระหนี่ครอบงำ ด่าและบริภาษสมณพราหมณ์ อยู่ครองเรือน แม้ภรรยาของเขา ก็เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผีอย่างนี้แล ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงเทวดาอย่างไร

สามีในโลกนี้เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน ส่วนภรรยาของเขาเป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ จากการลักทรัพย์ จากการประพฤติผิดในกาม จากการพูดเท็จ จากการพูดส่อเสียด จากการพูดคำหยาบ จากการพูดเพ้อเจ้อ ไม่มีความละโมบ ไม่มีพยาบาท มีความเห็นชอบ มีศีล มีกัลยาณธรรม มีใจปราศจากมลทินคือความตระหนี่ ไม่ด่าไม่บริภาษสมณพราหมณ์ อยู่ครองเรือน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงเทวดาอย่างนี้แล ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงผีอย่างไร

สามีในโลกนี้เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน ส่วนภรรยาของเขาเป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงผี อย่างนี้แล ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงเทวดาอย่างไร

สามีในโลกนี้เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน แม้ภรรยาของเขาก็เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชายเทวดาอยู่ ร่วมกับหญิงเทวดาอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย การอยู่ร่วม ๔ ประการนี้แล ฯ

ภรรยาและสามีทั้งสองเป็นผู้ทุศีล เป็นคนตระหนี่ มักด่าว่าสมณพราหมณ์ ชื่อว่าเป็นผีมาอยู่ร่วมกัน

สามีเป็นผู้ทุศีล มีความตระหนี่ มักด่าว่าสมณพราหมณ์ ส่วนภรรยาเป็นผู้มีศีล รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่ ภรรยานั้นชื่อว่าเทวดาอยู่ร่วมกับสามีผี

สามีเป็นผู้มีศีล รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่ ส่วนภรรยาเป็นผู้ทุศีล มีความตระหนี่ มักด่าว่าสมณพราหมณ์ ชื่อว่าหญิงผีอยู่ร่วมกับสามีเทวดา

ทั้งสองเป็นผู้มีศรัทธารู้ความประสงค์ของผู้ขอ มีความสำรวม เป็นอยู่โดยธรรม ภรรยาและสามีทั้งสองนั้น เจรจาถ้อยคำที่น่ารักแก่กันและกัน ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีความผาสุก ทั้งสองฝ่ายมีศีลเสมอกัน รักใคร่กันมาก ไม่มีใจร้ายต่อกัน ครั้นประพฤติธรรมในโลกนี้แล้ว เป็นผู้มีศีลและวัตรเสมอกัน ย่อมเป็นผู้เสวยกามารมณ์เพลิดเพลินบันเทิงใจอยู่ในเทวโลก ฯ

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 9:14 pm

เจ๋งจริง คุณบัวเบลอ หาข้อมูลไวจังครับเพียบเลย

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 9:20 pm

คืองี้นะครับ ถ้าใครคนนึง กำลังตามหาความรัก แม้เมื่อไม่เจอรักแท้ ก็คิดว่าอยู่คนเดียวดีกว่า จะรอจนกว่าจะเจอรักแท้ 555 ( เริ่มน้ำเน่าแล้วผม) แล้วทำไงในปัจจุบันชาติครับจะได้เจอรักแท้ เนื้อคู่แท้

( คำถามจาก ฆราวาสคนนึง)

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 9:39 pm

ระวังจะเจอ ... คู่กรรม แทน

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 9:41 pm

ความเห็นที่ 4 ผู้เจริญ

พึงเข้าใจการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดว่า ทุกอย่างดำเนินไปตามกรรม ดังนั้นมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือคู่ครอง ล้วนมีกรรมที่ทำร่วมกันมาในอดีตชาติ ด้วยกันทั้งสิ้น พระพุทธองค์ท่านอธิบายเรื่องนี้ว่า กรรมเป็นที่อยู่อาศัย บุพเพนิวาส ว่าไว้ด้วยเรื่องของกรรม ดังนั้น เราอาจจะเคยไปทำผิดไว้กับคู่ครองของเราในอดีตชาติ หรือคู่ครองของเราอาจะทำผิดเอาไว้กับเราในอดีตชาติ ก็อาจเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้เรากับคู่ครองมาอยู่ร่วมกัน หรือแม้แต่ลูกที่เกิดขึ้นจากเรากับคู่ครองก็เช่นเดียวกัน น้อยคนที่จะมีคู่บุญมาอยู่ร่วมกัน แต่พุทธศาสนามีวิธีที่จะเปลี่ยนคู่กรรมเป็นคู่บูญได้ ด้วยวิธีการปฏิบัติตามวิธีที่ผมเคยตั้งกระทู้เอาไว้ อย่างไรก็ตามเรื่องของกรรม หรือบุปเพนิวาส เป็นเรื่องที่อธิบายยาก จนกว่าเราจะปฏิบัติสมาธิภาวนา จึงจะเข้าใจเรื่องของกรรม หรือเรื่องของบุพเพนิวาสนั่นเอง

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 9:42 pm

การปฏิบัติตัวของเรานั้น เป็นกรรมที่จะพาให้เราไปหาคู่ใช่ไหมครับ ( หมายถึงการปฏิบัติในปัจจุบันนี้นะ ) คือ ได้อ่านหนังสือมาว่า เราปฏิบัติเช่นไร ก็จะเจอแต่คนที่มีลักษณะ คล้ายๆ กัน มาเจอกัน

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 9:47 pm

ครับ คุณบัวเบลอ คู่กรรม แบบโกโบริ อังศุมาลิน ผมเอานะ แต่ คู่กรรมคู่เวร กลัววววววววววว

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 10:02 pm

สาธุกับทุกท่านด้วยครับ

นิว ตัวจริงเสียงจริงกลับมาแล้ว

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 10:06 pm

ดูก่อนความคิดเห็นที่ 7 ผู้เจริญ

พุทธศาสนาเป็น มีลักษณะเป็น self center ในแง่ของอุปนิสัยใจคอของตนเอง นั่นคืทอ เมื่อเราฝึกสมาธิได้แล้วไม่ว่าจะฝึกโดยวิธีใดก็ตาม แล้วนำพลังอำนาจสมาธินั้นมาสนใจข้อบกพร่องของตนเอง ไม่เข้าข้างตนเอง ยอมรับและขจัดให้หมดสิ้นไปจากตนทีละเล็กละน้อย จนหมดสิ้นไปได้ในที่สุด โดยที่แต่ละรอบของการขจัดสันดานที่ไม่ดี ใหหมดไปแต่ละรอบ โดยสังเกตความสงบนิ่งลึก ๆ ภายในสมาธิว่านิ่งที่สุดแล้วหรือยัง เพราะการที่จิตสงบนิ่งเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความบริสุทธิ์ในรอบนั้นแล้ว ให้นำจิตที่บริสุทธิ์ไปแผ่เมตตาให้สรรพจิตสรรพวิญญาณให้ขึ้นสู่สุคติ และแผ่เมตตาให้สรรพชีวิตและมนุษย์ให้มีความสุขความเจริญ แล้วนำกุศลไปอุทิศให้กับสรรพจิตสรรพชีรวิต จนกระทั่งจิตของเราเริ่มไม่สงบนิ่งขึ้นอีกรอบก็ให้ไปสำรวจสันดานที่ไม่ดี จนจิตสงบนิ่งอีกรอบก็ให้แผ่เมตตา วนเวียนเช่นนี้ ไปเรื่อย ๆ เมื่อเราขยันขึ้น จิตของเราจะสงบนิ่ง ๆ นานขึ้น ๆ เรื่อย ๆ จนนานตราบนานเท่านาน จนพ้นป่าแห่งความคิดขุ่นมัวทั้งมวล หรือเรียกว่าสภาวะนิพพาน หรือการบรรลุอรหัตผล นั่นเอง

ในแง่ของบุพเพนิวาส ก็ใช้หลักการนี้ได้เช่นกัน นั่นคือกรรมของเราที่ลดน้อยลงจะทำให้เราได้คูครองที่ดีขึ้น หรือในที่สุดก็ไม่มีเลย จะส่งผลในความสัมพันธ์ของครอบครัว ออกมาทั้งในรูปธรรม และนามธรรมอย่างประจักษ์แจ้งต่อตนเอง

ดังนั้นปัจจัยในอดีตแก้ไม่ได้ แต่ถ้าจะให้อนาคตดี ต้องทำปัจจุบันให้ดี แล้วนำอนาคตมาพิสูจน์การกระทำของเราในปัจจุบัน

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 10:18 pm

คู่กรรม ประจำเว็บบอร์ดมาแว๊วววววววววว

นึกว่าคุยกันเรื่องของกามภพ ผู้บรรลุแล้วจะปล่อยวางได้ซะอีก

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 10:20 pm

กราบสวัสดีคุณnew

อือม...เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณtanawat30ค่ะ คือถึงแม้จะรักกันมากเพียงใดและได้มาอยู่ด้วย หรือไม่ได้รักกัน แต่ก็ต้องมาอยู่ด้วยกัน มันก็เป็นเรื่องของกรรมทั้งสิ้น ทั้งบุญและกรรมที่ได้ก่อให้ต้องมาอยู่ร่วมกันและชดใช้กัน บางคนก็เลือกแล้วเลือกอีก แต่กรรมก็พาให้พบกันทั้งนั้น คู่แท้ๆนี่มักจะไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอกค่ะ ที่อยู่ด้วยกันกรรมซะมากกว่า

บางคนก็ใช้การปฏิบัติธรรมเพื่อหาคู่แท้ แต่หากมาอยู่ด้วยกันมันก็กรรมอีกค่ะ คือมันจะทำให้หลงทำให้ติดในอยู่ด้วยความหวง ห่วงหาอาทร เสน่หาอาลัย โศกาอาดูรไม่รู้จักจบสิ้น แล้วลิ้นกับฟันก็ต้องกระทบกันอยู่แล้วยังไงก็เป็นกรรมอยู่ดี อือม...แต่หากปฏิบัติธรรมแล้วคิดว่าเจอคู่แท้ ก็ต้องหนุนเนื่องกันทางการปฏิบัติธรรมให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องมาแต่งงานอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยา

ทีนี้ที่คุณnewถามคือว่า เราปฏิบัติเช่นไร ก็จะเจอแต่คนที่มีลักษณะ คล้ายๆ กัน มาเจอกัน

หากเราและบุคคลนั้น ธาตุภายในสภาวะได้สมดุลกันอย่างแยกไม่ออก อารมณ์ ความรู้สึกจะไม่คล้ายกัน แต่จะเหมือนกันแทบทุกเสี้ยวขณะจิต คนหนึ่งทานอย่างไร อีกคนหนึ่งก็จะได้ลิ้มรสอาหารที่อีกคนทานเข้าไปเช่นกัน คนหนึ่งไม่สบาย อีกคนก็จะรู้สึกไม่สบายเช่นกัน แต่ในระหว่างสองคนต้องช่วยกันดึงสภาวะของอีกคนขึ้นมาด้วยการปรับธาตุให้กัน อันนี้กล่าวถึงการปฏิบัตินะคะ ให้อยู่กันสุดขั้วโลกก็ความรู้สึกเหมือนกันแทบจะเป็นคนๆเดียวกันจนแยกไม่ออก

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 10:21 pm

สาธุ ครับ tanawat สำหรับรายละเอียด

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 10:29 pm

หูยยย คุยปุ๋ยพูด ผมงง เลย ที่ว่า คู่แท้ มักไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทำไมอะครับ ถึงเป็นแบบนั้นได้ คู่แท้ ที่ร่วมกันทำกรรมดีด้วยกันมา ก็น่าจะอยู่กันได้นา

ทำกรรมเหมือนกัน นี่ ถ้าเปรียบอย่างฝาแฝดนี ก็ทำกรรมเหมือนกันมากใช่ไหมครับ จึงหน้าตา การกระทำคล้ายกัน

แต่เรื่องความรักนี่บางทีถ้าเหมือนกันมาก ก็ไม่ดีอีก แต่ ถ้ามีความต่างกันบ้าง คนนี้ใจร้อน อีกคนก็เย็น อีกคนช่างเอาใจ แต่อีกคนชอบให้เอาใจอะไรแบบนี้

(คำถามจาก ฆราวาส ทางบ้าน ถามมา)

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 10:35 pm

.....แต่เรื่องความรักนี่บางทีถ้าเหมือนกันมาก ก็ไม่ดีอีก แต่ ถ้ามีความต่างกันบ้าง คนนี้ใจร้อน อีกคนก็เย็น อีกคนช่างเอาใจ แต่อีกคนชอบให้เอาใจอะไรแบบนี้.....

ค่ะ...ก็กรรมอีกค่ะ ถ้ามาอยู่ด้วยกัน ก็แย่งกันพูด แล้วก็จะพูดประโยคเหมือนกัน เริ่มพูดพร้อมๆกัน อีกคนใจร้อน อีกคนใจเย็น ก็ต้องมานั่งเอาใจกันอีก ก็กรรมอีกหละค่ะ สรุป...ต่างคนต่างอยู่ดีแล้วค่ะ...

ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2005, 10:35 pm

ความเห็นที่ 13 ผู้เจริญ

ขอขอบคุณในคำชมของคุณ new

คือการอธิบายข้อธรรม บอกว่าเราต้องปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติแล้วมีประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากผลการปฏิบัติ ทั้งจากตนเองและผู้อื่นที่เป็นสหายธรรมที่ได้รับถ่ายทอดวิธีการปฏิบัติต่อจากผมมาอธิบาย จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากสำหรับการอธิบายธรรมมะ ที่ว่ากันแล้วไม่มีอะไรมากไปกว่าผลเกิดจากเหตุ นั่นคือเหตุที่ถูกต้องเมื่อนำไปปฏิบัติจะได้ผลตามที่เราต้องการให้เป็นเสมอ แต่ถ้าเหตุไม่ถูกต้อง ผลที่ได้อาจจะได้ตามที่เราต้องการหรือไม่ก็ได้ เรื่องก็มีเท่านี้ครับ

ผู้เยี่ยมชม

สาธุ สาธุ แล้วถ้าเราเจอคู่กรรมคู่เวรจะทำอย่างไรให้ชีวิตดีขึ้นคะ

ตอบเมื่อ: 07 ธ.ค.2005, 6:14 pm

น่าคิดนะ ถ้าเราเจอคู่กรรมคู่เวร จะทำอย่างไรดี นั่นดิ จะทำอย่างไรดี

ถ้าเจอ ก็ต้องใช้ความอดทนก่อนนะผมว่า แล้ว ถ้าคน สอง คนรักกันจริง ปัญหาทุกอย่างก็น่าจะผ่านไปได้ ต้องอดทนน่ะ ในเมื่อคิดว่าจะร่วมชีวิตกันแล้ว

ผมงี้กลัวมากจะเจอคู่กรรม คู่เวร