ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
me_me
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
05 ธ.ค.2005, 8:24 pm |
  |
ตอนนี้เครียดมากค่ะ เราคบกับแฟนมาประมาณ 1 ปี เราอายุ 28 ส่วนแฟนอ่อนกว่า 2 ปี
เมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อนนั้น เรากับแฟนตกลงว่าจะแต่งงานกันปีหน้า วางแผนชีวิตร่วมกัน จนเรารู้สึกชัดเจนกับความรักครั้งนี้มาก แต่อีกไม่กี่วันต่อมา เค้าขอเลิกกับเรา ด้วยเหตุผลว่าต้องรับผิดชอบผู้หญิงอีกคนที่คบกันมา 7 ปี และทางครอบครัวเค้ากับครอบครัวผู้หญิงคนนั้นก็สนิทสนมกัน เราเสียใจมาก คบกันมาไม่เคยรู้เลย ว่าเค้าคบคนอื่นซ้อนกับเรา ตอนที่เค้าขอเลิก เราพยายามรั้งเค้าไว้ แต่ไม่เป็นผล แต่พอเราเริ่มทำใจ อยากออกห่าง เพื่อลืมเค้า เค้าก็กลับมาวนเวียนในชีวิตเรา บอกว่าเป็นห่วงเรา แคร์เรา รักเรามากที่สุด เค้าไม่พูดถึงอีกคนเลย พอเราบอกเค้าว่า เราสงสารผู้หญิงอีกคนที่ต้องเจ็บช้ำเพราะเรา เค้าบอกเราว่าไม่เกี่ยวกัน อย่าเอาเรื่องของอีกคนมาคิด เค้ายังบอกเราอีกว่าตัวเค้าเองยังไม่แคร์ว่าผู้หญิงคนนั้นจะรู้สึกยังไง เราจะมาแคร์ทำไม วันนั้นเราสับสนมาก จนเมื่อวันก่อน เค้าให้แหวนเราเป็นของขวัญบอกว่ารักเรามากและจะรักเราเป็นคนสุดท้าย (แต่เค้ายังไม่ได้เลิกกับอีกคนค่ะ) คืนนั้นเค้าขอมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเรา เค้าบอกว่าเค้าอยากจะมั่นใจว่าเราเป็นคนที่เค้ารักจริงๆรึเปล่า และเค้าจะเคลียร์กับอีกคนให้ได้ แต่เราไม่ได้ยอมเค้าหรอก เราบอกตรงๆว่าเราไม่มั่นใจว่าถ้ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งจริงๆเค้าจะเลือกเรา ทุกวันนี้ที่เจอเค้าก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่ตัวเลือก ไม่มีทั้งเกียรติ ไม่มีทั้งศักดิ์ศรี มีแต่ความรัก ที่ดูแล้วไม่สามารถที่จะเป็นจริงได้เลย เราควรจะทำยังไงดี รู้สึกผิด ที่ต้องรักกับแฟนของคนอื่น |
|
|
|
|
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
05 ธ.ค.2005, 9:42 pm |
  |
ดูก่อน เจ้าของกระทู้ผู้เจริญ และขอ webmaster ขอตอบในเชิงเพศศึกษาบ้างนะครับ คำถามนี้ตอบในแนวธรรมมะไม่ลึกซึ้ง
ธรรมชาติของผู้ชายที่คุณผู้หญิงต้องระวัง มี 3 ประการ
ประการแรก ผู้ชายรักง่ายหน่ยเร็ว การที่ผู้ชายจะมีหญิงอื่นก่อนที่จะมีเราเป็นธรรมดา ในความคิดของเขากำลังลังเล สับสนระหว่างเรา กับหญิ่งอื่นอีกกี่คนก็ตาม การที่เราไม่ยอมในเบื้องต้นเป็นความคิดที่ถูกแล้ว เราเป็นผู้หญิง มีความได้เปรียบในเรื่องของความอดทน ความอดทนของเราจะสูงกว่าผู้ชายเป็นเรื่องธรรมชาติ ใช้ความได้เปรียบส่วนนี้เอาตัวรอดจากปัญหาให้ได้
ประการที่สอง ผู้ชายมีความขี้ระแวง หึงหวงและลังเลสงสัยในตัวเราเสมอ โดยธรรมชาติผู้ชายเป็นคนใจแคบ ซึ่งปัญหาส่วนมากของครอบครัวจึงเกิดจากผู้ชายเป็นหลัก ถ้าหากจะแต่งงานกับชายคนนี้จริง เราจะไม่มีทางมีความสุขได้เลย ข้อพึงระวัง ผู้ชายโดยธรรมชาติเป็นผู้ที่เกิดอารมณ์ทางเพศได้ง่ายและเร็วกว่าผู้หญิง บางครั้งอาจจะเอาแก้วแหวน เงินทองมาล่อเราให้ตกเป็นเครื่องมือทางเพศได้ ในฐานะเราเป็นผู้หญิงพึงตระหนักและระวังข้อนี้เอาไว้
ประการสุดท้าย ผู้ชายเป็นคนที่เก็บกด ไม่ค่อยพูด แต่ถ้าเมื่อไหร่เขาพูดขึ้นมา แสดงว่าเขาทนต่อปัญหานั้นไม่ได้แล้ว ซึ่งผิดกับเราซึ่งเป็นผู้หญิง จะค่อนข้างจู้จี้ ขี่บ่นมากกว่า บ่นเช้า บ่นเที่ยง บนเย็น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายไม่ชอบสิ่งเหล่านี้โดยธรรมชาติ
ดังนั้น เราต้องใช้จุดอ่อนของผู้ชายที่เบื่อง่าย รักง่ายหน่ายเร็วในการทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ เช่นการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเรียบง่าย พยายามแต่งหน้า ทาปากทาคิ้วให้น้อยเข้าไว้ ผู้ชายซึ่งมีความอดทนน้อยกว่าเรา เขาจะตีจากเราไปเอง |
|
|
|
    |
 |
me_me
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
05 ธ.ค.2005, 11:54 pm |
  |
เรียนคุณ tanawat30
ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะค่ะ
ดิฉันเป็นคนไม่แต่งหน้าค่ะ แต่งตัวเรียบง่ายธรรมดา
เหมือนที่คุณ tanawat30 ได้ให้คำแนะนำมาค่ะ
วันนี้ดิฉันได้พบกับเค้าอีกครั้ง เพื่อพยายามจะคุยกันให้ชัดเจนค่ะ
โดยสรุปคือเค้าไม่ยอมไปจากเราค่ะ
ดิฉันพยายามที่จะทำเย็นชาด้วย เค้าบอกกับดิฉันว่า
อย่าให้คำว่าแฟนมาตัดสินเค้าได้มั๊ย
ทำไมต้องให้ความรู้สึกและสิ่งดีๆที่เคยสร้างกันมาตลอดจบลงเพราะคำนี้คำเดียว
ดิฉันสับสนมากค่ะ
ถ้าเรายังคบอยู่ ดิฉันคิดว่าเหมือนการที่เราแย่งคนรักของคนอื่น
แม้เราไม่รู้จัก ดิฉันก็ทราบว่าผู้หญิงคนนั้นจะเจ็บปวดใจ
แต่ถ้าไม่คบหากันต่อไป ดิฉันอาจทำให้คนที่ดิฉันรักเจ็บปวด
ดิฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เหมือนเลือกทางไหนก็รู้สึกผิดค่ะ
ดิฉันคงเป็นคนบาปมาก ที่ยังคงติดต่อกับเค้าอยู่
ขอบคุณมากนะคะที่ให้คำแนะนำ
|
|
|
|
|
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
06 ธ.ค.2005, 12:50 am |
  |
งั้นผมขอต่อ จากความเห็นที่ 2 แสดงว่าผู้ชายคนนั้นกำลังเบื่อแฟนเขาแล้วครับ เบื่อมาก เบื่อน้อยผมไม่ทราบนะครับ จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ถ้าเขาพูดกับเราแบบนี้มีอยู่อย่างเดียวเลยครับ พยายามอดทนให้มาก แต่คบไปเรื่อย ๆ ได้ แต่ให้เขาคิดว่าเราเป็นแค่เพื่อน สำหรับเราในฐานะผู้หญิง อาจจะทำยากสักนิด เพราะธรรมชาติของผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นคนรักเดียวใจเดียว แต่ต้องพยายามทำใจ แต่อย่าใจอ่อน เพราะถ้าเราใจอ่อนเมื่อไหร่จะเข้าทางเขาพอดี ระวังเรื่องเพศสัมพันธ์กับการตั้งท้องไว้ให้ดี ถ้าเกิดสิ่งนี้ขึ้น เราจะลำบาก เพราะผู้ชายคนที่ว่าดูแล้วความรับผิดชอบต่อตัวเราน้อย อันนี้ผมขอให้สังเกตไว้นะครับ
สิ่งที่ต้องระวังอีกอย่าง ผู้ชายนี่เราไว้ใจเขาไม่ได้หรอก เพราะถ้าเขามีคนอื่นเป็นคนที่ 3 คนที่ 4.... นับจากแฟนเขาและคุณ เขาจะปิดบังเราเอาไว้ก็ย่อมเกิดขึ้นได้นะครับ เอาไว้เป็นตัวเลือก |
|
|
|
    |
 |
วรากร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
06 ธ.ค.2005, 9:26 am |
  |
ทุกข์ สุข ไม่มี มนุษย์สร้างขึ้นเอง
บาป บุญ เหมือนเงาตามตัว
ก่อนอื่น อย่าพยายามหาคำตอบว่า เราถูกหรือผิด
แต่จงพยายามหาสติกลับมาให้ได้ก่อน
พยายาม นะ พยายาม |
|
|
|
|
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
06 ธ.ค.2005, 9:51 am |
  |
ดูก่อน ความเห็นที่ 3 ผู้เจริญ
คำตอบของคุณ เป็นธรรมมะที่บริสุทธิ์มากทีเดียว ว่าจะไม่ตอบกระทู้นี้ในเชิงธรรมมะแล้วนะครับ ก็ขอเสริมความเห็นที่ 3 อีกนิด เมื่อธรรมมะเป็นเช่นนี้ ไม่มีถูก หรือผิด ดังนั้นจึงมีแต่ว่าได้ผลหรือไม่ได้ผล เช่นทำแบบนี้แล้วส่งผลดีกับเรา ทำเช่นนั้นส่งผลเสียกับเรา บางอย่างส่งผลดีในระยะสั้นแต่ระยะยาวเป็นผลเสีย เช่นการปฏิบัติสมาธิภาวนาโดยไม่ล้างอนุสัย คือเอากำลังสมาธิไปแผ่เมตตาอย่างเดียว ระยะเบื้องต้นจะส่งผลดีจากการปฏิบัติ แต่ระยะยาว การทำสมาธิโดยไม่ล้างอนุสัย หรือล้างสันดานที่ไม่ดี จะทำให้จิตของเราแต่เดิมไม่บริสุทธิ์อยู่แล้ว ก็เพิ่มความไม่บริสุทธิ์ขึ้นไปอีก ยิ่งขยันยิ่งเป็นอันตราย เช่นคนที่มีอนุสัยแห่งความโลภ ความโลภทำให้เกิดความเครียด ทำให้ร่างกายตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นเหตุให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น ก็ส่งผลให้เราเป็นไข้ได้ ฯลฯ ดังนั้นอนุสัยที่ไม่ดี หรือสันดานที่ไม่ดีนั้น จึงเป็นเหตุให้เกิดอาการเจ็บป่วยด้วย
เนื่องจากการปฏิบัติสมาธิภาวนาเป็นการกระตุ้นสันดานทั้งดีและไม่ดีทีมีอยู่ในตน แสดงออกมาอย่างเด่นชัด ดังนั้นก่อนการใช้กำลังสมาธิแผ่เมตตาจึงต้องใช้กำลังสมาธิล้างสันดานที่ไม่ดีให้หมดสิ้นไปในแต่ละรอบก่อน ข้อสังเกตคือ จิตจะนิ่ง สงบ ไม่ฟุ้งซ่าน แล้วจึงค่อยแผ่เมตตาด้วยกำลังสมาธิ แล้วเมื่อจิต ฟุ้งซ่าน ไม่สงบ ขึ้นมาอีกรอบก็ไปสำรวจสันดานที่ไม่ดีแล้วค่อยขจัดออกไปจากตัวเราอีกรอบ วนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป |
|
|
|
    |
 |
ดำจังแก
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
06 ธ.ค.2005, 10:29 am |
  |
แม้ไม่ได้พบสิ่งที่รักก็เป็นทุกข์
และผลัดพรากจากสิ่งที่รักก็เป็นทุกข์อีก
เราจะพบและพรากให้ทุกข์อยู่อย่างนี้อีกนานเท่าไร
กาลเวลาที่ผ่านเลยไป
มิใช่ตัวมันเองเท่านั้นแต่มันยังพาโอกาส
พาอายุของเรา
และยังนำความตายเข้ามาหาเราอยู่เรื่อยๆ
เราไม่เอะ ใจบ้างเลยหรือว่า ชีวิตนี้ คือ อะไรกัน
เราเกิดมาเพื่ออะไร กิน กาม เกียตร เท่านั้นหรือ
หรือเกิดมา เรียน มีงานทำ มีครอบครัว แก่ แล้วก็ตายไปเท่านั้นเองหรือชีวิต
หากเราไม่ลืมตาต่อความเป็นจริง ในสิ่งที่เป็นไปแล้ว
เราก็จะมืดมนอนทการไปอีกกี่ภพกี่ชาติ
ค้นหาตัวเองให้เจอ
 |
|
|
|
|
 |
อิคิว
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
06 ธ.ค.2005, 12:36 pm |
  |
ไม่เห็นมีเรามีเขา ชายหรือหญิง ตัวตน บุคคล สัตว์ ใดๆเลย เป็นสมมุติทั้งนั้น
มีอยู่เพียงรูปกับนาม ที่มีลมหายใจเข้าออกเหมือนกัน
รูปนามที่มีอิริยาบท เดิน นั่งพูด นอน กิน เหมือนๆกัน
ล้วนเป็นปฏิกูลเหมือนกัน ประกอบด้วยธาตุ ดิน นำ ลม ไฟ เหมือนกัน
ตายแล้วใครๆพากันเรียกว่าศพ ส่งกลิ่น เน่า เหม็น เหมือนกัน
มีทุกข์ สุข โลภ โกรธ หลง มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รส สัมผัส ธรรมารมณ์ เสมอกัน
พิจารณาอย่างไรความจริงของทุกรูปนามก็เป็นเพียงแค่นี้
ตั้งสติ ให้ดีๆ อย่าหลงในสังขาร ปลงกันไว้เถิด |
|
|
|
|
 |
me_me
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
06 ธ.ค.2005, 9:29 pm |
  |
ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาให้คำแนะนำกับดิฉัน
ทำให้ดิฉันได้คิด และพยายามให้สติกลับมาอีกครั้งค่ะ
|
|
|
|
|
 |
P
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
08 ธ.ค.2005, 12:29 pm |
  |
ขอแผ่ความดี แผ่เมตตาให้กับท่านทั้งหลาย
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิต ที่เป็นทางโลก สามารถอธิบายได้จากธรรมะขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทุกข์ ถามว่าทำไมถึงเกิดทุกข์ ในแง่ของกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เพราะเราเคยทำไม่ดีต่อคนอื่นมาจึงทุกข์ แต่ตอนนี้กลับไปแก้ไม่ได้แล้ว สิ่งที่ทำได้ในปัจจุบันคือ พยายามละความชั่ว ระวังไม่ทำชั่ว พยายามทำความดี พยายามรัมษาความดี : สัมปธาน 4 (ถ้าพิมพ์ผิดขออภัยด้วย) พยายามละความชั่วทำยังไงละ ก็รักษาศีล ศีล 5 เป็นสำคัญ สามาทานศีลเช้าค่ำ ระหว่างวัน ก็สมาทานศีลอยู่ พอเผลอทำผิดก็สมาทานใหม่ ก่อนนอนก็สมาทาน ตื่นนอนก็สมาทาน ฉะนั้น อย่างน้อย ในเวลา 1 วันศีลก็บริสุทธิ์ ไปแล้วระหว่างที่ เรานอน ในหนึ่งเดือน ศีลก็บริสุทธิ์ อย่างน้อยเวลา ครึ่งเดือน ทำ ๆไป ศีลก็จะบริสุทธิ์ เอง ทีนี้ความผิดเราก็ไม่ทำแล้ว ขอแนะนำให้ไปดูว่าศีลแต่ละข้อมีรายละเอียดอย่างไร ตั้งใจรักษานะครับ
ระหว่างวันท่านนึกถึงศีลอยู่ตลอดเวลา เป็น 1 ในกรรมฐาน 40 กองที่องค์พระจอมไตรสอนไว้ "สีลานุสติกรรมฐาน"
แล้วถามว่าเราจะชดเชยความผิดที่ทำมาแล้วในอดีตได้ไหม ก็ได้ซิ ก็ทำความดี ไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล ภาวนา แล้วก็นึกถึงความดีที่มีแผ่ความดีให้กับ แฟนของคุณ หรือเจ้ากรรมนายเวรของคุณ แล้วก็ขออโหสิกรรม พร้อมกับให้อโหสิกรรมด้วย
แล้วชีวิตของท่านทั้งหลายก็จะมีความสุข
ศีล คืออริยทรัย์ ทรัพย์อันประเสริฐ อานิสงส์ของศีล มากมายมหาศาล แต่คนเราไม่รู้ค่าของศีล
ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ขอให้คนทั้งโลกมีความสุข ขอให้ทุกชีวิต มีความสุข
สาธุ สาธุ สาธุ |
|
|
|
|
 |
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
08 ธ.ค.2005, 12:55 pm |
  |
...
แลแล้วพระอานนท์ก็กล่าวว่า "น้องหญิง! ชีวิตนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องที่น่าละอาย ทรงตัวอยู่ด้วยเรื่องที่ยุ่งยากสับสน และจบลงด้วยเรื่องเศร้า อนึ่งชีวิตนี้เริ่มต้นและจบลงด้วยเสียงคร่ำครวญ เมื่อลืมตาขึ้นดูโลกนี้เป็นครั้งแรกเราก็ร้องไห้ และเมื่อจะหลับตาลาโลกเราก็ร้องไห้อีก หรืออย่างน้อยก็เป็นสาเหตุให้คนอื่นหลั่งน้ำตา เด็กร้องไห้พร้อมด้วยกำมือแน่นเป็นสัญญลักษณ์ว่าเขาเกิดมาเพื่อจะหน่วงเหนี่ยวยึดถือ แต่เมื่อจะหลับตานั้นทุกคนแบมือออก เหมือนจะเตือนให้ผู้อยู่เบื้องหลังสำนึก และเป็นพยานว่าเขามิได้เอาอะไรไปเลย
"น้องหญิง! อาตมาขอเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังสักเล็กน้อย อาตมาเกิดแล้วในศากยวงศ์อันมีศักดิ์ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือว่าบริสุทธิ์ยิ่งในเรื่องตระกูล อาตมาเป็นอนุชาแห่งพระบรมศาสดา และออกบวชติดตามพระองค์เมื่ออายุได้ ๓๖ ปี ราชกุมารผู้มีอายุถึง ๓๖ ปีที่ยังมีดวงใจผ่องแผ้วไม่เคยผ่านเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มาเลยนั้นเป็นบุคคลที่หาได้ยากในโลก หรืออาจจะหาไม่ได้เลยก็ได้ น้องหญิงอย่านึกว่า อาตมาจะเป็นคนวิเศษเลิศลอยกว่าราชกุมารทั้งหลาย อาตมาเคยผ่านความรักมาและประจักษ์ว่า ความรักเป็นความร้าย ความรักเป็นสิ่งทารุณและเป็นเครื่องทำลายความสุขของปวงชน อาตมากลัวต่อความรักนั้น
ทุกคนต้องการความสมหวังในชีวิตรัก แต่ความรักไม่เคยให้ความสมหวังแก่ใครถึงครึ่งหนึ่งแห่งความต้องการ ยิ่งความรักที่ฉาบทาด้วยความเสน่หาด้วยแล้วจะเป็นพิษแก่จิตใจ ทำให้ทุรนทุรายดิ้นรนไม่รู้จักจบสิ้น ความสุขที่เกิดจากความรักนั้นเหมือนความสบายของคนป่วยที่ได้กินของแสลง เธออย่าพอใจในเรื่องความรักเลย เมื่อหัวใจถูกลูบไล้ด้วยความรัก หัวใจนั้นจะสร้างความหวังขึ้นอย่างเจิดจ้า แต่ทุกครั้งที่เราหวังความผิดหวังก็จะรอเราอยู่
น้องหญิง! อย่าหวังอะไรให้มากนัก จงมองดูชีวิตอย่างผู้ช่ำชอง อย่าวิตกกังวลอะไรล่วงหน้า ชีวิตนี้เหมือนเกลียวคลื่นซึ่งก่อตัวขึ้นแล้วม้วนเข้าหาฝั่งและแตกกระจายเป็นฟองฝอย จงยืนมองดูชีวิตเหมือนคนผู้ยืนอยู่บนฝั่งมองดูเกลียวคลื่นในมหาสมุทรฉะนั้น
"โกกิลาเอย! เมื่อความรักเกิดขึ้น ความละอายและความเกรงกลัวในสิ่งที่ควรกลัวก็พลันสิ้นไป เหมือนก้อนเมฆมหึมา เคลื่อนตัวเข้าบดบังดวงจันทร์ให้อับแสง ธรรมดาสตรีนั้นควรจะยอมตายเพราะความละอาย แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้นความละอายมักจะตายไปก่อนเสมอ เมื่อความใคร่เกิดขึ้นความละอายก็หลบหน้า เพราะเหตุนี้พระบรมศาสดาจึงตรัสว่าความใคร่ทำให้คนมืดบอด อนึ่งโลกมนุษย์ของเรานี้ เต็มไปด้วยชีวิตอันประหลาดพิสดารต่างชนิดและต่างรส ชีวิตของแต่ละคนได้ผ่านมาและผ่านไป ด้วยความระกำลำบากทุกข์ทรมาน ถ้าชีวิตมีความสุขก็เป็นความหวาดเสียวที่จะต้องจากชีวิตอันรื่นรมย์นั้นไป
"โกกิลาเอย! มนุษย์ทั้งหลายผู้ยังมีอวิชชาเป็นฝ้าบังปัญญาจักษุนั้น เป็นเสมือนทารกน้อยผู้หลงเข้าไปในป่าใหญ่อันรกทึบซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายอันน่าหวาดเสียวและว้าเหว่เงียบเหงา มนุษย์ส่วนใหญ่แม้จะร่าเริงแจ่มใสอยู่ในหมู่ญาติและเพื่อนฝูง แต่ใครเล่าจะทราบว่าในส่วนลึกแห่งหัวใจเขาจะว้าเหว่ และเงียบเหงาสักปานใดแทบทุกคนว้าเหว่ไม่แน่ใจว่าจะยึดเอาอะไรเป็นหลักของชีวิตที่แน่นอน เธอปรารถนาจะเป็นอย่างนั้นด้วยหรือ?
"น้องหญิง! บัดนี้เธอมีธรรมเป็นเกาะที่พึ่งแล้วจงยึดธรรมเป็นที่พึ่งต่อไปเถิด อย่าหวังอย่างอื่นเป็นที่พึ่งเลย โดยเฉพาะความรักความเสน่หาไม่เคยเป็นที่พึ่งจริงจังให้แก่ใครได้ มันเป็นเสมือนตอที่ผุ จะล้มลงทันทีเมื่อถูกคลื่นซัดสาด
.................................................................................................................................
จอมตัดแปะ อ่านแล้วเห็นว่าดีมากๆ เอา sample มาให้ดูน่ะ
คุณ 2me สามารถอ่านเรื่องเต็มจากเว็บธรรมจักรนี้เองค่ะ ทำลิงค์ให้เลย
http://www.dhammajak.net/book/anon/index.php
เป็นกำลังใจให้ข้ามผ่านพ้นอุปสรรคไปได้นะคะ  |
|
|
|
  |
 |
me_me
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
08 ธ.ค.2005, 8:01 pm |
  |
ขอบคุณคุณ P และ คุณเมล็ดบัวมากค่ะ
คำตอบของคุณทั้งสองทำให้ดิฉันพบว่า
อารมณ์ของดิฉันมันแปรปรวนเหมือนคลื่นจริงๆ
ดิฉันจะพยายามไม่เป็นคนที่อยู่ในวังวนของคลื่นนั้น
แต่จะพยายามเป็นคนที่มองดูคลื่นนั้น
เพื่อให้มีชีวิตอยู่โดยเข้าใจธรรมชาติของชีวิตค่ะ |
|
|
|
|
 |
|