Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
Happy@Work สติดี - มีสุข
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ต้นข้าว
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 26 พ.ย.2005, 1:34 am
Happy@Work
สติดี - มีสุข
--------------------------------------------------------------------------------
"นับวันการดำเนินชีวิตมีแต่จะเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ" ปีเตอร์ รัสเซลล์ เขียนประโยคข้างต้นไว้ในหนังสือ "รู้ตื่นให้ทันการณ์" (แปลจาก Waking Up in Time) เขาบอกเล่าว่าชีวิตปัจจุบันของเราถูกเร่งให้ใช้เวลาในแการทำงานต่างๆ น้อยลง เทคโนโลยีที่ได้ก้าวหน้าพัฒนาขึ้นแทนที่จะช่วยให้เราทำงานง่าย สะดวก และมีเวลาเหลือมากกว่าก่อน การณ์กลับเป็นว่าเราถูกคาดหวังให้ทำงานเสร็จเร็วกว่าเดิม เพราะมีเครื่องทุ่นแรงทุ่นเวลามากมาย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราคงรู้ดีว่า ไม่เฉพาะความเร่งที่เพิ่มขึ้น เรายังต้องทำงานให้เสร็จหลายอย่างในเวลาเดียวกันอีกด้วย
โลกการทำงานของเราตอนนี้พนักงานในสำนักงานไม่ได้มีหน้าที่อย่างเดียวอีกต่อไป คงจะหาคนที่ทำงานจำเพาะอย่างเดียวได้น้อยมากครับ เช่น ทำงานพิมพ์ดีดอย่างเดียว โทรศัพท์นัดหมายประชุมอย่างเดียว ทุกคนจะต้องทำงานได้หลายอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น หลายๆ คนมีปริมาณงานมากจนไม่สามารถจัดการให้เสร็จได้ทันกำหนด ชีวิตที่คล้ายได้อัพเกรดจาก DOS เป็น Windows แม้ดูดีขึ้น แต่ก็เสี่ยงกับเครื่องแฮงค์บ่อยๆ
ในช่วงแรกเมื่อมีหน้างานต้องรับผิดชอบจำนวนหนึ่ง เป็นการเปิดศึก 2 ด้าน เรายังอาจพอรับมือได้ แม้ปริมาณงานเพิ่ม เรายังพอไหว แต่สักระยะผ่านไป หากหน้างานเพิ่มทวีจำนวน กลายเป็นศึก 10 ด้าน ปริมาณก็ทวีคูณ แน่นอนว่าเราคงไม่สามารถทำให้ดีเท่าระดับเดิมไปให้ตลอดรอดฝั่งได้
หากงานไม่เรียบร้อยเหมือนก่อน ผลพลอยได้ที่อาจตามมาคือ ความเครียดและความทุกข์เกิดขึ้นกันถ้วนทั่วครับ ตื่นเช้าแต่ละวันบางคนอาจไม่อยากมาทำงาน พอมาถึงที่ทำงาน ก็ไม่รู้เริ่มทำอะไรก่อนดี ครั้งทำไม่เสร็จ ทำไม่ดีก็กลัวหัวหน้าตำหนิ ฯลฯ
สถานการณ์ลักษณะนี้เป็นปัญหาที่ศาสตร์ด้านการบริหารจัดการพยายามหาแนวทางวิธีการเพื่อให้ผลของงานราบรื่น องค์กรได้ประโยชน์ และพนักงานมีประสิทธิภาพ แนวทางส่วนหนึ่งอาจกลับมาจัดระบบงานให้ดี ฝึกอบรมพนักงานให้เลือกทำงานตามลำดับความสำคัญก่อนหลัง ดังเช่นการอบรมแนว Steven Covey คนเขียนหนังสือ " 7 อุปนิสัยสำหรับผู้ทรงประสิทธิผลอย่างยิ่ง" (Seven Habits of Highly Effective People) แนะนำให้ลูกทีมและหัวหน้าทีมคุยกันเพื่อกำหนดความคาดหวังและแบ่งงานในปริมาณที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้ต่างพยายามแก้ปัญหาที่ตัวระบบกลไกและเทคนิคการทำงานครับ
แต่สิ่งหนึ่งในงานที่ไม่อาจะละเลยมองข้าม คือ ความสุขจากการทำงาน หรือ
Happiness@Work
ซึ่งเป็นเรื่องภายในจิตใจเราเองครับ สภาวการณ์ที่เราเครียดจากการทำงาน รู้สึกเป็นทุกข์จากงานที่ไม่ได้ผลตามคาด หวาดหวั่นการถูกตามงานจากผู้บังคับบัญชา ความสุขจากการทำงานเหล่านี้สามารถสร้างขึ้นมาจากตัวเราเอง วิธีที่ผมอยากจะแนะนำคือการ เจริญสติ ครับ
การเจริญสติ ไม่ได้หมายถึง การนั่งสมาธิหรือห้ามงีบหลับในเวลางานนะครับ แต่หมายถึงการรู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ รู้สึกตัวขณะที่กำลังทำงาน ความคิดและจิตใจอยู่กับสิ่งที่กำลังทำตรงหน้า ตัวอย่างเช่น คุณสมชายโทรศัพต์ติดต่องาน พูดสายจนจบแล้ว แต่กลับนึกขึ้นได้ว่าลืมพูดไปอีกเรื่อง ต้องโทรศัพย์กลับไปอีกหน ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างที่โทรศัพท์ก็ไม่รู้ตัวว่ากำลังถือหูด้วยมือข้างไหน กำลังอยู่ในอิริยาบทใด
การรู้ตัว รู้ตื่น มีสติ ทำให้เรามีความคิดที่แจ่มใส มีโอกาสพาตัวเองรอดจากอารมณ์เครียด กลับไปดูคุณสมชายอีกครั้งครับ คุณสมชายวุ่นวายกับงานทั้งวัน ระหว่างที่โทรศัพท์ก็พิมพ์งานคอมพิวเตอร์ไปด้วย ระหว่างที่ทำงานใจของเราก็คิดโน่นคิดนี่ไม่ได้หยุดหย่อน บางทีนั่งอยู่ในท่าที่ทำให้ปวดหลัง บางทีก็วิตกกลัวงานไม่เสร็จพลอยทำให้ร่างจดหมายไม่ได้คิดไม่ออกเสียที
แต่หากคุณสมชายได้มีเวลาระหว่างวัน ช่วงไหนก็ได้ หยุดสักนิด ดูความรู้สึกของตัวเองว่ากำลังทำอะไร มีสติรู้ตัวขณะที่ทำงาน คุณสมชายอาจจะเห็นว่าก่อนหน้านี้ยุ่งทั้งงาน ยุ่งทั้งความคิด พอความนิ่งในใจมาถึง จิตใจก็เตรียมพร้อมรับงานแทนที่จะลนลาน งานที่กำลังทำก็มีคุณภาพมากขึ้น นอกจากจะดีต่องาน คนทำงานก็ "มีสุข" ครับ
การเจริญสติจะทำตอนไหนในระหว่างวันก็ได้ครับ ตัวอย่างเช่น ที่หมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส หรือสำนักสาขาทั่วโลก อันเป็นพุทธสถานนิกายเซ็นโดยท่านติช นัท ฮันห์ ที่นั่นเขาจะตีระฆังเป็นระยะตลอดวัน ใครที่ได้ยินเสียงระฆังนี้ จะต้องหยุดจากกิจกรรมที่ทำ และระลึกรู้สึกว่าจิตใจกำลังคิดถึงอะไรอยู่ จดจ่ออยู่กับปัจจุบันหรือไม่ ถ้าใจกำลังกระวนกระวาย เพราะคิดถึงเรื่องในวันพรุ่งนี้ ก็ให้กลับมาที่ปัจจุบันเวลานี้ ถ้าจิตใจกำลังลอยล่องนึกถึงเรื่องเมื่อวาน ก็ให้พาใจกลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะนี้
เราเองก็ทำได้ครับ ลองหาสัญญาณอะไรก็ได้ที่เหมาะกับเราและงานของเราเอง เช่น ทุก 13 นาฬิกาก่อนเริ่มงานภาคบ่าย ทุกๆ ต้นชั่วโมง หรือทุกเครั้งเวลาเปิด/ปิดคอมพิวเตอร์ ลองให้เวลากับใจตัวเองได้เกิดสติสัก 3 นาที หรือแม้แต่นาทีเดียวก็ยังดีน่ะ หยุดคิดถึงงานที่ยังเหลือ เลิกคิดถึงงานที่เคยทำผิดพลาด แต่เห็นงานตรงหน้า รู้ตัวว่ากำลังทำงานอะไรอยู่ จากนั้นก็ลงมือทำให้ดี
ไม่มีความจำเป็นต้องไปห่วงงานที่ยังมาไม่ถึง คิดถึงไปก็ไม่สามารถเอาขึ้นมาทำได้ แถมงานที่กำลังทำก็ไม่ได้ผลดี เพราะจิตใจไม่ได้อยู่กับงานนี้เต็มร้อย เพียงเท่านี้ก็มีสุขได้ง่ายๆ ครับ เดี๋ยวนี้มือถือ ปาล์ม หรือพีดีเอบางรุ่น เขามีฟังก์ชันตั้งปลุกได้หลายๆ ครั้งในหนึ่งวัน ก็น่าใช้ให้เกิดประโยชน์ได้สะดวกดีนะครับ หรืออาจเริ่มด้วยเรื่องเล็กๆ อย่างเช่น โทรศัพท์ก็ได้ครับ ทุกครั้งที่เสียงโทรศัพท์ดังให้เราหยุดคิดจากงานบนจอคอมพิวเตอร์ หยุดจากงานบนหน้ากระดาษ และไม่ต้องรีบร้อนรับสาย ปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังสัก 3 ครั้ง ระหว่างนั้นเราก็กลับมารู้ตื่น ว่ามีเสียงโทรศัพท์เรียกแล้วนะ เกิดสติว่าเรากำลังจะพูดสายกับคนที่โทรมา หยุดคิดเรื่องงานอื่นไว้ก่อน ระหว่างสนทนาเราก็มีสติพร้อม ตั้งใจจะพูดแต่คำจริง อิงอ่อนหวาน ถูกแก่กาล ผสานไมตรี และมีประโยชน์ ได้ยินและเข้าใจสิ่งที่ปลายสายพูดมากขึ้นแน่นอน เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้เราสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และแน่นอน มีความสุขจากการทำงานมากขึ้นด้วยครับ
เชิญชวนให้ลองปฏิบัติกันดูนะครับ
Happiness@Work
เกิดขึ้นได้เริ่มจากในใจเราเองครับ :-)
เรื่อง: สรยุทธ รัตนพจนารถ
เอามาจากนสพ. กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2548
http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=1917
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 26 พ.ย.2005, 9:52 am
อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ คุณต้นข้าว
ขออนุญาตแบ่งปันผู้อื่นด้วยนะคะ
ธรรมะสวัสดีค่ะ
ลูกโป่ง
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th