Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ยากจน จนไม่มีจะกิน หนี้สินภาระลูกเต้า ยังจะมีกะใจหรือสมควรนั อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เด็กฝากมาถาม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 12 พ.ย.2005, 11:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รายละเอียดตามคำถามเลยครับ

หรือว่าควรเอาเวลาไปทำมาหากินมากกว่านั่งปฏิบัติธรรม
 
เด็กฝากมาถาม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 12 พ.ย.2005, 5:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่เห็นมีใครชี้แนะเลยครับ
 
กรกต
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 12 พ.ย.2005, 5:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิอย่างเดียวหรอกน่ะครับ ไม่ว่าจะยืน เดิน นี่ง นอน ทำงาน เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ก็ภาวนาไปด้วยได้ครับ จะทำให้ใจเรามั่นคงขึ้น ทำสมาธิได้ง่ายกว่าอยู่ๆ มานั่งเลยด้วยครับ หลวงปู่ดุลย์ท่านบอกว่า ถ้ามีเวลาสำหรับหายใจ ก็ต้องมีเวลาสำหรับภาวนา ครับ ว่าแต่ผู้ที่ตั้งกระทู้จะเอาจริงแค่ไหน ถามเพื่อปฏิบัติแค่ไหน

 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 13 พ.ย.2005, 2:08 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดีคุณ เด็กฝากมาถาม



ความจนหรือความรวย ไม่ได้เป็นข้อตัดสินว่าคนจนไม่มีสิทธิ์ปฏิบัติธรรม ที่ว่าจนอยู่ที่ว่ายังรวยไม่พอหรือเปล่า ที่ว่ารวยมาจากสาเหตุอะไร อยู่ที่คุณพอหรือไม่เท่านั้น คนจะปฏิบัติธรรมย่อมสามารถจัดสรรเวลาให้กับตนเองได้ ลองศึกษาให้ดีๆอย่างที่คุณกรกตกล่าวเพราะปฏิบัติจริงๆไม่ต้องมัวมานั่งหลับตา เพียงมีสติสัมปชัญญะอยู่กับอารมณ์ ความรู้สึกขณะปัจจุบันในทุกอิริยาบท หากทำได้คล่องๆปัญญาก็ผุดและสามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาในการดำเนินชีวิตให้แก่ตนเองได้อย่างเยี่ยมยอดที่สุด




...ที่สุดก็ไม่มีอะไรเหมือนเริ่มแรกที่ไม่มีอะไรมาเช่นกัน...



เจริญในธรรม



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ขาแจม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 พ.ย.2005, 2:09 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยากจน จนไม่มีจะกิน หนี้สินภาระลูกเต้า ยังจะมีกะใจหรือสมควรนั่งปฎิบัติธรรมไหม

หรือว่าควรเอาเวลาไปทำมาหากินมากกว่านั่งปฏิบัติธรรม



ขอแจมตามเคย ตอบหนุกๆขำๆ อย่างคิดมา

ถ้าตอนทำแล้วยิ่งไม่สงบ ก็ บอกว่า ไม่ควร แต่ ทำแล้วสงบก็ทำ

ถ้าเจริญสติได้ ก็ ทำ ถ้าเจริญได้แต่ สมาธิ ก็ อย่าทำ

ถ้าส่วนไหนเจริญสติได้ ก็ เจริญ ส่วนไหนถ้า ยังไม่ได้เจริญ ก็เจริญ

ได้แค่ สงบก็ เอา มาก กว่าความ สงบก็ เอา



ปล. เจริญเถอะจะได้รู้ว่า อาไรเป็นพันธะ จะได้ เพียรจ่าย สิ่งที่ควรต้องจ่ายจะได้ดี ^^

 
กระทะ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 พ.ย.2005, 8:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยากจน จนไม่มีจะกิน หนี้สินภาระลูกเต้า ยังจะมีกะใจหรือสมควรนั่งปฎิบัติธรรมไหม

หรือว่าควรเอาเวลาไปทำมาหากินมากกว่านั่งปฏิบัติธรรม

สวัสดีครับ ขออนุญาติตอบคำถามนะครับ

ความยากจนทำให้เป็นหนี้สิน แล้วยังมีภาระที่ต้องดูแลลูกอีกเป็นอะไรที่ลำบากมากๆครับ ผมคิดว่าทั้งชีวิตของคุณที่เติบใหญ่แล้วทำมาหากินเลี้ยงชีพอยู่จนกระทั่งถึงวันนี้นั้น ไม่ได้ทำให้คุณดีขึ้นเลย แล้วทำไมคุณถึงไม่หาทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะมาปฎิบัติธรรม การปฎิบัติธรรมนั้นมีหลายรูปแบบ แต่ที่มีประโยชน์ที่สุดคือได้สติ การมีสติมากขึ้นจะทำให้คุณมีความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์ขึ้น และจะมีมุมมองของชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น คุณคิดว่าคุณน่าจะมาปฎิบัติธรรมหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่คุณเองครับ
 
บัวใต้น้ำ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 พ.ย.2005, 8:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีสติคือการปฎิบัติธรรมด้วยเหรอครับ



นึกว่าการปฏิบัติธรรมคือการเข้าวัดฟังธรรม

บริจาคอะไรประมาณนี้
 
ผู้เดินทาง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 พ.ย.2005, 9:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การปฏิบัติธรรม ไม่ได้หมายถึงการนั่งสมาธิ แต่เพียงประการเดียว การทำหน้าที่ทุกอย่างให้ดี เป็นไปโดยความเรียบร้อยถูกต้องดีงาม ก็เป็นการปฏิบัติธรรม เป็นครูบาอาจารย์สอนศิษย์ ก็ทำหน้าที่ของครู นั่นก็คือการปฏิบัติธรรมแล้วฯลฯ
 
ปิงปอง ม.ราม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 พ.ย.2005, 1:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

น่าสงสารนะครับที่มีปัญหาชีวิตขนาดนี้ แต่ชีวิตต้องมีทางออกอยู่แล้วอยุ่ที่ว่าเราจะหามันเจอรึเปล่า การปฏิบัติธรรมจะเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยได้อย่างน้อยมันก็ไม่ทำให้เราเป็นโรคประสาทคิดมากอยากฆ่าตัวตายถึงกายจะลำบากแต่จิตใจเบิกบานมันก็ดีไม่ใช่หรือ ไม่เหมือนกับคนบางคนมีเงินทองอยู่สุขสบายแต่เนื่องจากคิดไม่เป็นไม่มีปัญญาเรื่องที่น่าจะสุขก็ทำให้เป็นทุกข์จนได้ ผมอยากแนะนำว่าให้ใช้ช่วงเวลาว่างก่อนเข้านอนนั่งสมาธิทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตปัญหาต่างๆ หากใจสงบเกิดปัญญาก็จะเห็นลู่ทางในการแก้ปัญหาได้เองอยากให้ลองทำบุญให้ครบสามแบบคือ ทาน ศีล ภาวนา ผลบุญที่เกิดขึ้นจะช่วยให้ปัญหาคลี่คลายได้อย่างแน่นอน บางคนเป็นหนี้เป็นร้อยล้านเขายังแก้ปัญหาได้เราก็ต้องทำได้เช่นเดียวกัน ขอแถมอีกอย่างหนึ่งการที่ชาตินี้เกิดมายากจนเนื่องจากในชาติก่อนไม่ได้ทำทานมามากพอ หรือไม่ก็ผิดศีลข้อ2 ขอให้ตักบาตรบ้างเท่าที่ทรัพย์จะอำนวยเพราะชาติหน้าจะได้ไม่เป็นอย่างชาตินี้ การปฎิบัติธรรมทำให้ผู้ปฎิบัติได้รับสุขอย่างแน่นอนครับขอให้ทำเถิด ชีวิตจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่อย่าทิ้งการปฎิบัติธรรม
 
เฟ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 พ.ย.2005, 12:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีแล้วๆ

แต่ตอนนี้เบื่ออีกแล้วอยากเข้าวัด ฟุ้งซ่านง่ะ
 
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 14 พ.ย.2005, 3:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





แนะนำคุณเฟ
http://www.dhammajak.net/ruendham/index.php



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 พ.ย.2005, 4:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การปฏิบัติธรรมมิใช่แค่การทำทานด้วยสิ่งของเงินทองและเข้าวัดนั่งสมาธิ

ข้อ1. ทาน ก็มิใช่มีแต่สิ่งของเงินทอง(อามิสทาน) ยังมีทานที่ยิ่งกว่านี้

ข้อ2. ศีล นอกจากเป็นการปฏิบัติธรรมที่เหนือกว่าทานแล้ว ยังทำให้มีเงินเหลืออีก

ข้อ3. ภาวนา ทำได้ตลอดเวลาไม่จำเป็นต้องที่วัด ปฏิบัติได้ดีแล้วชีวิตการงานก็จะดีขี้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
เฟ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 1:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณ...คุณสายม

ขอบคุณ...คุณสุรพงษ์ แต่ว่า เฟ เห็นทุกข์ แต่ไม่สามารถออกจากทุกข์(ของใครก็ของมัน) รู้ว่าต้องทำงัย แต่ไม่เคยทำได้ ครูบาอาจารย์ท่านคงเริ่มเบื่อๆ แล้วหละ คุณสุรพงษ์อย่างเพิ่งเบื่อละกัน แต่ตอนนี้เรารู้สึกเบื่อมาก เหนื่อย แล้วกำลังใจมันเหลือน้อยเหลือเกิน ขอแบบกำลังใจได้มั้ยคะ

การปฏิบัติธรรมมิใช่แค่การทำทานด้วยสิ่งของเงินทองและเข้าวัดนั่งสมาธิ

ข้อ1. ทาน ก็มิใช่มีแต่สิ่งของเงินทอง(อามิสทาน) ยังมีทานที่ยิ่งกว่านี้

ข้อ2. ศีล นอกจากเป็นการปฏิบัติธรรมที่เหนือกว่าทานแล้ว ยังทำให้มีเงินเหลืออีก

ข้อ3. ภาวนา ทำได้ตลอดเวลาไม่จำเป็นต้องที่วัด ปฏิบัติได้ดีแล้วชีวิตการงานก็จะดีขี้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อันนี้มันฟังแล้วท้อค่ะ...
 
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 1:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การช่วยเหลือเด็นคนแก่ข้ามถนน เอาแรงเข้าช่วยบุคคลอื่นก็ถือเป็นทานอย่างหนึ่ง ตัวผมเองก็พยายามบริจาคเลือดเป็นประจำ ลองทำดีกับคนรอบข้างคนที่ต้องการความช่วยเหลือแล้วคุณจะเป็นสุข ทั้งนี้ทานเหล่านี้จะได้ผลดีกรุณาคำนึงถึงหลัก"สัปปุริสทาน"

คือ1. มีความศรัทธาตั้งใจช่วยจริง ๆ ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน

2. มีความเคารพต่อผู้ที่เราจะช่วยหรือให้ทานอย่าคิดดูถูกดูหมิ่น

3. ให้ความช่วยเหลือในเวลาที่เหมาะสมที่เขาต้องการความช่วยเหลือ

4. ให้ความช่วยหรือให้ทานด้วยจิตที่มีเมตตามีจิตอนุเคราะห์ให้ผู้อื่น

5. ให้โดยไม่กระทบตน ไม่กระทบผู้อื่น คืออย่ามีใครเดือดร้อนเพราะการให้ทาน (เช่นไปกู้หนี้ยืมสินคนมาให้ทานอย่างนี้ก็ไม่ถูกต้อง)

การปฏิบัติธรรมในเรื่องทานเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด คุณเริ่มจากจุดนี้ก่อน ไม่ต้องใช้เงินก็ทำได้

แต่เรื่องศีลเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้คุณมีความสุขได้ดีขึ้นและยืนนานกว่าทาน

ใช้ความสำรวมของกาย วาจา ใจ หวังว่าคุณคงรู้จักศีล 5 ว่ามีอะไรบ้าง แรกเริ่มสำรวจตัวเองแล้วพยายามทำให้ดีที่สุด ใหม่ ๆ ศีลอาจไม่บริสุทธิก็ไม่ต้องกังวัล แต่ต้องมีความตั้งใจที่จะทำให้ศีลบริสุทธิยิ่ง ๆขึ้นไป ชีวิตถึงจะดีขึ้น

การภาวนา เอาง่าย ๆ ก่อนนอนสวนมนต์บทที่สวดได้ระลึกถึงลมหายใจ รู้ว่าเข้าหรือออกสัก5-10 นาทีหรือมากกว่านี้ก็แล้วแต่ความพร้อม

คุณยังไม่ต้องเชื่อผม แต่ขอให้ลองทำติดต่อกันสักระยะหนึ่ง แล้วลองสังเกตุดูว่าชีวิตดีขึ้นไหม คุณลองมองไปรอบ ๆ ตัวดูซิครับ คนที่ลำบากกว่าคุณยังมีอีกมาก มายนัก

" เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์ แต่คนที่ควรชมนิยมกัน ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา"
 
ผู้เดินทาง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 2:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทำมาหากินก็คือปฏิบัติครับ

การปฏิบัติธรรมมิได้แคบๆ แค่การนั่งกรรมฐาน

แต่การนั่งกรรมฐาน เป็นการจู่โจมเข้าถึงต้นเหตุของสรรพสิ่งครับ
 
ผู้เดินทาง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 4:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

( ยากจน จนไม่มีจะกิน หนี้สินภาระลูกเต้า ยังจะมีกะใจหรือสมควรนั่งปฎิบัติธรรมไหม )



ก่อนเข้าปฏิบัติธรรม ให้สำรวจตนเองก่อนว่า ที่เรายากจนไม่มีจะกิน เราขาดคุณธรรมข้อใด

ประกอบอาชีพใด้ทรัยย์มาแล้ว ใช้จ่ายเกินรายรับหรือไม่ ฯลฯ ใช้ปัญญาความรอบรู้พิจารณาธรรมดู ด้วยความเป็นธรรม แก้ไขสิ่งที่บกพร่อง ฯลฯ

เมื่อหาต้นเหตุเจอแล้ว จึงเข้าปฏิบัติธรรมอย่างที่เข้าใจ ๆ กัน

เมื่อหาสาเหตุจากตนไม่พบ ยังไม่ควรเข้าไปสู่สำนักปฏิบัติ











 
พลอย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 5:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อะไรที่ว่าดี

ทำ ทำ ไปเถอะ
 
สู้สู้
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 6:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 6:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คือประเด็นนี้ ต้องยอมรับว่า คนเข้าใจการปฏิบัติสมาธิผิดไป เพราะเข้าใจว่าเป็นการนั่งสมาธิ นั่นก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนเราพึงเข้าใจได้เลยว่า ผู้ที่ไม่ลงมือปฏิบัติสมาธิภาวนาไม่มีทางเข้าใจกฎแห่งกรรมอย่างลึกซึ้งได้เลย



ทุกวันนี้คนกลับไม่เข้าใจหลักอิทธิบาท อิทธิบาทข้อ 2 ที่ว่าด้วย จิตวิมังสา คือให้ความสำคัญในเรื่องของจิตมากกว่าเนื้อหนังมังสา ส่วนว่าเป็นเพราะติดหนี้สินไม่มีอันจะกินมันจะสงบได้อย่างไร คำตอบมีอยู่ว่า การปฏิบัติสมาธิต้องใช้กำลังสมาธิมาล้างอนุสัยที่ไม่ดี อนุสัยผมแปลง่าย ๆ ว่าสันดาน พยายามนึกสำรวจแล้วล้างมันออกจนกระทั่งจิตของเราสงบนิ่ง แล้วค่อยไปแผ่เมตตานะครับ และเมื่อจิตสงบดีแล้ว จะทำให้เราเกิดปัญญา ปัญญาจะทำให้เราหาทางออกในการแก้ปัญหาได้ครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
เฟ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 พ.ย.2005, 8:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณที่แนะนำ เห็นว่าเราเป็นงัยหรอ เราปฏิบัติมาก่อนนานแล้วรู้บาง ถึงแม้ไม่บรรลุ งงกับคำกล่าว เราก็น้อมรับแต่โดยดีแหละ แต่สภาพธรรมเราขึ้นๆ ลงๆ อาจมีบางอย่างติดขัดอยู่ คุณพูดมาเหมือนเราเป็นคนที่เข้ามาสนใจธรรมใหม่ๆ ขอบอกไม่ใช่แล้ว แต่ตอนนี้มีเรื่องเศร้าหมอง จิตตกแค่นั้นเอง ขอบคุณหลายๆ สหายธรรม งงค่ะ-----------> การปฏิบัติธรรมในเรื่องทานเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด คุณเริ่มจากจุดนี้ก่อน ไม่ต้องใช้เงินก็ทำได้

แต่เรื่องศีลเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้คุณมีความสุขได้ดีขึ้นและยืนนานกว่าทาน

ใช้ความสำรวมของกาย วาจา ใจ หวังว่าคุณคงรู้จักศีล 5 ว่ามีอะไรบ้าง แรกเริ่มสำรวจตัวเองแล้วพยายามทำให้ดีที่สุด ใหม่ ๆ ศีลอาจไม่บริสุทธิก็ไม่ต้องกังวัล แต่ต้องมีความตั้งใจที่จะทำให้ศีลบริสุทธิยิ่ง ๆขึ้นไป ชีวิตถึงจะดีขึ้น....เริ่มทำมานานมากแล้ว ชีวิตก็ดีบ้างไม่ดีบ้างมันเป็นธรรมดา.... ....แต่น้อมรับโดยดี เพียงแต่ตอนนี้พร้อมจะเพิ่มจาก 5 เป็น 8 ข้อแล้ว
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง