Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 มักมากในกาม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
รรร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 ต.ค.2005, 11:28 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เพราะเหตุใดถึงทำให้คนเรามักมากในกาม มีอารมณ์เพศสูง พยายามลดแล้วก็ยังไม่ค่อยสำเร็จ เป็นเพราะผลของกรรมหรือตัวเรามากกว่า และวิธีแก้ไขด้วยครับ ขอบคุณครับ

 
max
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 ต.ค.2005, 12:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมว่าเป็นเรื่องธรรมชาติครับ

การฝึกในแบบปฏิกูลมนสิการบรรพนี้ ถ้าหาก ทำให้มาก ก็เป็นไปเพื่อละกามราคะ และโดยนิยามของกามราคะในขอบเขตของบทนี้ จะมุ่งเอาการเสพกามหรือร่วมเพศประสามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายเป็นหลัก จะนับด้วยผัสสะทางตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือใจก็ตาม

และขอให้สังเกตจุดนี้ดีๆด้วยว่าต้อง ทำให้มาก คือถ้าทำให้ต่อเนื่องนั้น แตกต่างกับทำเดี๋ยวเดียว ทำชั่วครู่ชั่วคราว อันจะปรากฏผลแค่วูบๆวาบๆ ผิดกันเป็นคนละเรื่องกับความเพียรในระยะยาว เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ถึงเป้าประสงค์ของปฏิกูลมนสิการบรรพ ก็ต้องเข้าใจไว้ก่อนในเบื้องต้น ว่าเป็นของที่ต้องมุ่งมั่นทำกันจริงจังจนกว่าจะได้ผล อันเป็นสิ่งตามมาเองหลังจากประกอบเหตุที่สมควรไว้พอเพียงแล้ว
http://dungtrin.com/sati/chapter07.html







 
อนัตตา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 ต.ค.2005, 1:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุญาติออกความเห็นคะ แม้ว่าความรู้สึกดังกล่าวจะเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ก็ต้องพยายามยับยั้งชั่งใจอย่าปล่อยให้ล่วงละเมิดศีลข้อ 3 ทีเดียวเชียวนะคะ

หมั่นเจริญปฏิกูลมนสิการ พิจารณาให้เห็นความเป็นของสกปรก ความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ความไม่อยู่ในบังคับบัญชาให้มากๆ
 
max
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 ต.ค.2005, 9:18 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเห็นด้วยครับคุณอนัตตา

อย่าปล่อยให้ล่วงละเมิดศีลข้อ 3
 
เทียนไข
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 ต.ค.2005, 8:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คนที่มักมากในกาม มีอารมณ์เพศสูง มองเผินๆอาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ถ้าจะวิเคราะห์ให้ลึกลงไป ตามหลักของการกระทำและผลหรือกฎแห่งกรรมแล้ว ก็น่าจะมีส่วนมาจากความสัมพันธ์ในลักษณะที่เรียกว่า "กรรมจัดสรร" อยู่ด้วย



นั่นคือ การที่คนเรามีจิตมักยึดหน่วงอยู่กับกามารมณ์บ่อยๆ จนกลายเป็นเจ้าเรือนของตนแล้ว อุปาทานแห่งจิตตัวนั้นก็คือกรรมในรูปของเจตนา ซึ่งจะดึงดูดให้เกิดผลสภาพที่สอดคล้องกับสิ่งที่ส่งออกไป คือทำให้เป็นคนที่มีร่างกายผลิตฮอร์โมนทางเพศออกมามากอยู่เสมอ ควบคุมให้ลดลงได้ยาก และมีจิตมักคิดวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องทางเพศ จึงต้องอดทนเหน็ดเหนื่อยกว่าจะฝืนกิเลสตัวนี้ได้ เพราะสะสมมายาวนาน ต่างกับผู้ที่มีกิเลสตัวนี้เบาบาง ที่เพียงแค่เรียกสตินิดเดียวก็สลัดอารมณ์ทางเพศที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งทิ้งไปได้ง่ายๆเกือบทุกครั้ง โดยไม่ต้องมาคอยพิจารณาอะไรมากมาย เรียกว่า ดับตั้งแต่สัญญาไม่ให้หลุดไปถึงสังขาร



ขอเสริมความคิดเห็นดีๆข้างต้นนิดเดียวว่า อสุภกรรมฐานก็ช่วยแก้ราคะจริตได้ ถ้าหมั่นพิจารณาประกอบรูปนามให้มาก และหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศ เชื่อว่าหากผู้ปฏิบัติมีความเพียร มุ่งมั่นตั้งใจจริง ก็จะสามารถลดกิเลสราคะลงไปได้บ้างอย่างแน่นอน


http://www.geocities.com/pic_asupa/







 
max
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 24 ต.ค.2005, 10:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเห็นด้วยครับคุณเทียนไขสาธุครับ

อสุภกรรมฐานก็ช่วยแก้ราคะจริตได้

ถ้าหมั่นพิจารณาประกอบรูปนามให้มาก
 
max
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 24 ต.ค.2005, 11:37 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

"กรรมจัดสรร"

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตนเอง

รับมรดกหรือผลแห่งกรรมนั้น

มีกรรมเป็นกำเนิด

มีกรรมเป็นพวกพ้องเผ่าพันธุ์

มีกรรมเป็นที่อาศัย

ทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลอันนั้น

ไม่ว่าดีว่าชั่ว

จักต้องได้ผลแห่งกรรมนั้นแน่นอน

 
P
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 24 ต.ค.2005, 12:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ

คุณพยายามลดกามของคุณโดยวิธีไหนครับ ถ้าเป็นการตัดด้วยกำลังสมาธิ มันไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ ต้องพิจารณาให้เห็นโทษของกาม แล้วใจมันก็จะไม่เอาเอง กามมันตัวใหญ่ มันเป็นบ่อเกิดของโลก คนเราติดมันมานานแสนนาน กามราคะเป็นสังโยชน์ข้อที่ 4 ใน10 ข้อ มันไม่ใช่เล่นๆที่จะละได้ทันที ต้องค่อยๆ พิจารณากันบ่อยๆ หาเหตุผลแล้งน้อมลงสู่กฏพระไตรลักษณ์

ผมว่าในเริ่มต้อนให้รักษาศีล 5 ให้ดีก่อนดีกว่า พร้อมทั้งบำเพ็ญบารมี 10

จะลองไปดูก็ได้ว่าบารมี 10 มีอะไรบ้าง ก่อนนอนก็พิจาราณาดูว่าวันนี้ทำบารมีอะไรบ้าง

โมทนาสาธุ โมทนาสาธุ โมทนาสาธุ
 
spiritual
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 24 ต.ค.2005, 12:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เห็นด้วยกับคุณ max ทุกคนมีกรรมเป็นของของตน หากจะทำไม่ดีต้องเดี่ยวก่อนนะคะ.
 
ปิงปอง ม.ราม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 พ.ย.2005, 12:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตามปกติแล้วมนุษย์นั้นต้องมีความรู้สึกทางเพศเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ไว้ไม่ให้สูญหาย โดยปกติแล้วผู้ชายจะมีอารมณ์สูงในช่วงอายุ 20ปีแต่ผู้หญิงจะมีอารมณ์ทำนองนี้ในช่วงอายุประมาณ 30ปี นี่ทำให้ช่วงเวลาเรียนหนังสือผู้ชายจะวอกแวกมากกว่าผู้หญิง การที่บางคนมีอารมณ์เพศสูงส่วนหนึ่งมาจากกรรมบางอย่างคือทำให้หมู่ชนมีราคะกล้าผลที่จะได้รับคือ ทำให้มีราคะกล้าไม่รู้จักอิ่มรู้จักพอ อีกส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากอาหารจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ต้องบัญญัติกฏสำหรับพระและผู้รักษาศีล 8ว่าห้ามรับประทานข้าวเย็น ความรู้สึกทางเพศอาจทำให้ลดได้ด้วยการปฏิบัติธรรม แต่จะทำให้หมดไปจากกมลสันดานก็ต้องบรรลุธรรมระดับพระอนาคามีขึ้นไปเท่านั้น การที่คุณพยายามจะลดกามนั้นดีแล้วครับถือเป็นการประพฤติสัมมาสังกัปปะในเรื่องความดำริที่จะออกจากกาม
 
ธรรมรักษ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ย.2005, 2:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเองก็คงจะไม่ต่างจากผู้ตั้งกระทู้สักเท่าไรนัก แต่ถ้าเรามีความตั้งใจก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงครับ ที่สำคัญใจเราต้องหนักแน่น ไม่ปล่อยให้กิเลสมาครอบงำได้ โดยเบื้องต้นต้องรักษาศีลข้อที่ ๓ และข้อที่ ๕ ให้ดีอย่าให่บกพร่อง ต่อมาก็ต้องเจริญสติ โดยมองแบบอสุภกรรมฐาน ใหม่ๆก็อาจจะลำบากและทำใจยากสักหน่อย แต่เมื่อทำเรื่อยๆ มันก็จะเป็นไปโดยอัตโนมัติเองครับ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง