Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ละเหตุแห่งทุกข์ได้เป็นสุขทั้งปวง จริงเหรอ...ช่วยไขปัญหาด้วยค
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่หน้า
ก่อนหน้า
1
,
2
ผู้ตั้ง
ข้อความ
เจ้าของกระทู้
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 19 ต.ค.2005, 7:43 pm
เรียน คุณสุรพงษ์
อันที่จริงดิฉันไม่ใช่ จำพวก บ้าหอบฟาง ที่ชอบเครื่องประดับหรือ บ้านที่ใหญ่โต
จำพวกเครื่องประดับ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแหวนแต่งงานเครื่องทอง ของหมั้น ดิฉันขายใช้หนี้ไปตั้งแต่ ปีแรกๆ ที่แต่งงานแล้ว ฉะนั้นเครื่องประดับจึงไม่มีอะไร ขายไม่ได้จำนำ หรือจำนอง เพราะต้องมานั่งเสียดอกเบี้ย ดิฉันคิดแต่เพียงว่าถ้าไม่มีเงิน เป็นร้อยล้าน ก็ไม่ต้องใส่เครื่องประดับประเภทนี้ ส่วนรถยนต์ เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ จึงยังมีอยู่ ส่วนที่ดินบางแปลงดิฉันทำเรื่องโอนทรัพย์ชำระหนี้ไปเป็นส่วนมาก ที่ดิฉันยังคิดอยู่ขณะนี้คือต้องทำอย่างไร ถึงจะมีรายได้ ให้พอใช้ส่วนที่เป็นดอกเบี้ย และชีวิตลูกน้องและกิจการที่จะต้องดำเนินต่อไป
ดิฉันเหมือน นักมวยที่ขึ้นไปชก แล้วยังไม่มีโอกาสตั้งตัว ตั้งหลัก หมัดแรกก็คือแก้ปัญหา หนี้ก้อนโตที่พ่อ-แม่ และน้องๆ ของสามีทำขึ้นไว้
ก่อนที่จะแต่งงาน ดิฉันก็เป็นเจ้าหนี้เช่นกัน ได้ดอกเบี้ยมาก็เยอะ ดิฉันก็ทราบเช่นกัน ทั้งหัวอกเจ้าหนี้ และลูกหนี้ เจ้าหนี้กลุ้มใจ กลัวไม่ได้เงินคืน
ลูกหนี้ก็กลัว จะหาเงินมาใช้คืนไม่ได้
แต่ที่ดิฉันเป็นทุกข์ขณะนี้ก็คือ หนี้ก้อนใหญ่ ที่จะต้องมานั่งแก้ปัญหา หรือจะละเลยปัญหาเหล่านี้มากกว่า เพราะดิฉันรับสภาพนี้มาหลายปีแล้ว จนบางครั้งก็ท้อ กับปัญหา....
ปุ๋ย
บัวเงิน
เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
ตอบเมื่อ: 20 ต.ค.2005, 3:14 am
กราบสวัสดีคุณเจ้าของกระทู้
คนทำกิจการของตนเอง ประกอบธุรกิจของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นของตนเองสร้างมาหรือได้รับมอบกิจการตกทอดมา ไม่มีใครพ้นจากสภาพการเป็นลูกหนี้ ถึงไม่กู้เครดิตดีๆหน่อยแบงค์กลับเป็นฝ่ายมาขอก็มี ไม่มีเจ้าของกิจการคนไหนไม่เคยเป็นหนี้ ไม่มีเจ้าของกิจการคนไหนนั่งและนอนอยู่อย่างบรมสุขโดยปราศจากความคิดว่าจะทำอย่างไรให้กิจการยังคงดำเนินต่อไปได้ ไม่มีเจ้าของกิจการคนไหนมีเวลาพอที่นำตัวก้าวเข้าไปสู่การปฏิบัติธรรม เว้นเสียแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ก็จำยอมต้องละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและหันหน้าเข้าวัดเพื่อสงบสติอารมณ์
คนทำธุรกิจนี่ อดทนอย่างเดียว ขยันอย่างเดียว ต่อสู้อย่างเดียว คือลุยอย่างเดียว ทำกลางวันมันไม่พอกินพอใช้หนี้ ก็ต้องขยันหาลู่ทางที่จะเสริมรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัว คุณคงเหนื่อยคนเดียวซินะ ครอบครัวอบอุ่นแต่เหมือนคิดและแก้ปัญหาอยู่คนเดียวทั้งที่ไม่ได้เป็นคนสร้างหนี้ หรือมันเกินจะแบกก็ต้องยอมรับสภาพปรับเปลี่ยนหันมาทำกิจการเล็กๆที่ไม่ต้องมีลูกน้องมากมาย หรือไม่ต้องมีลูกน้องเลยก็คงจะเบาภาระไปเยอะ
สมปรารถนาในสิ่งที่คุณปรารถนา
มณี ปัทมะ ตารา
หนูฝิ่น
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 20 ต.ค.2005, 10:35 am
ทุกข์มีไว้ให้รู้ สมุทัยมีไว้ให้ละ
ผ่านมาเห็น
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 20 ต.ค.2005, 1:59 pm
บังคับใจไม่ให้คิดเนี่ย
ยากมากน๊ะ
พูดง่าย แต่ทำยากค่ะ
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดนะค่ะ
Jacop
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 02 ก.ย. 2005
ตอบ: 7
ตอบเมื่อ: 20 ต.ค.2005, 11:25 pm
เกวียนคุณติดหล่มแล้วหละ
ลงจากเกวียนมาซิ ดูรึสัมภาระมากไปหรือเปล่า เอาออกจากเกวียนเสียบ้าง
เอาบ่าแบกลูกล้อแล้วเฆี่ยนควายให้เดิน
ยังขึ้นจากหล่มไม่ได้อีกหรือ เอาสัมภาระออกอีกซิ
เอาบ่าแบกลูกล้อแล้วเฆี่ยนควายให้เดินอีกครั้ง
สุดวิสัยจะนำเกวียนขึ้นจากหล่มแล้วหรือ คิดดีแล้ว สุดวิสัย หมดความสามารถแล้ว
ทิ้งสัมภาระ ทิ้งเกวียนแม้ควายที่ลากเกวียน
กลับบ้านซะ
เมื่อเราเกิดมา มีควาย-มีเกวียนมาด้วยหรือ,มีสัมภาระมาด้วยหรือ แม้ผ้าพันกายยังไม่มีเลย
แสวงหาหรือหยุดแสวงหา สุข/ทุกข์ แสวงหาอะไร
จิต/เจตสิก/อนุสัย/กิเลส/บาป-บุญ/วิบาก// รู้จักอะไรบ้าง เอามาเป็นกุญแจไขเข้าไปพบกันซิ
หุ่นยนต์ทำด้วยไม้ เป็นของว่างเปล่า ไม่มีชีวะ ไม่มีดำริ แต่เดินก็ได้ หยุดก็ได้ เหมือนของ
มีดำริ มีความพยายามด้วยอำนาจการประกอบกันแห่งไม้กับเชือก ฉันใด
แม้นาม-รูป(จิตและกาย) บัณฑิตย์พึงเห็นว่าว่างเปล่าจากตัวตน ไม่มีชีวะ ไม่มีความดำริ
แต่ทว่า เดินก็ได้หยุดก็ได้ ปรากฏเหมื่อนสิ่งมีความดำริ มีความพยายามด้วยอำนาจ
การประกอบกันและกันเข้าฉันนั้น
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 21 ต.ค.2005, 8:25 pm
เรียนคุณเจ้าของกระทู้
ในฐานะเจ้าหนี้คนหนึ่งแต่คงไมีใช่เจ้าหนี้ของคุณ ผมเชื่ออำนาจของธรรมคุณลองปฏิบัติดังนี้นะครับ
1 คุณและครอบครัว จะเริ่มต้นรักษาศีล ตั้งใจทำงานโดยไม่หวังว่าจะหลุดหนี้ แต่เมื่อครบแต่ละเดือน หลังจากตรวจงบดุลดูแล้ว มีเงินเหลือก็ชำระเจ้าหนี้ให้มากที่สุด
2 หลักการทำงานให้ยึดความซื่อสัตย์ให้มากที่สุด คุณธรรมทั้งหลายแหล่ปฏิบัติให้เต็มที่การใช้จ่ายให้เพียงแค่ดำรงชีพอยู่ได้
ผมเชื่อว่าภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปีจากนี้ จะมีปรากฎการ์ณ ที่ดีเกิดขึ้นแก่คุณอย่างแน่นอน
"อย่าเอาชีวิตเราเป็นจุดศูนย์กลางของโลก ชีวิตเราเป็นเพียงแค่จุดเล็ก ๆ ในช่วงเวลาเล็ก ๆ ของโลกนี้เท่านั้น"
แสงสว่างให้คุณ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 26 ต.ค.2005, 1:34 pm
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
มีหลายคนเป็นเช่นคุณ
หลายคนมีสติ และหลายคนไม่มีสติ
ปัญหามีไว้แก้ ค่อยๆแก้ไปอย่างมีสติและทำให้ดีที่สุดนะค่ะ
ล้อเกีวยน ที่ขึ้นสนิม ถ้ามันหมุน....
ก็ถึงที่หมายได้เหมือนกันค่ะ
มัคคนายก
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 02 พ.ย.2005, 12:45 am
ถึงเจ้าของกระทู้.......................คุณผู้รับช่วงของปัญหา
ความสุขของมนุษย์ผู้ครองเรือน
1. อัตถิสุข คือความสุขจากการมีทรัพย์ ภูมิใจ อิ่มใจ ว่าหาทรัพย์มาได้ด้วยความขยั่นหมั่นเพียร และโดยชอบธรรม
2. โภคสุข คือสุขที่ได้ใช้จ่ายทรัพย์ของตนที่หาได้มานั้น เลี้ยงชีพ เลี้ยงผู้ควรเลี้ยง
และบำเพ็ญประโยชน์
3. อนณสุข คือสุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้
4. อนวัชชสุข คือความสุขที่ตนประพฤติสุจริต 3 (กาย 3 วาจา 4 มโน 3)
วิเคราะห์ว่าทุกข์ของคุณผู้ครองเรือน เกิดจากความเป็นหนี้ที่บอกว่าตนไม่ได้เป็นผู้ก่อ แต่คุณก็ต้องยอมรับด้วยนะว่า เป็นผู้ร่วมสนับสนุนหรือยอมรับความเป็นหนี้มาตั้งแต่เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกในครอบครัวของสามี เช่น คุณอยู่ในฐานะผู้กู้กับธนาคาร น้องสามีเป็นเจ้าของที่ดินคำประกันหนี้ (เข้าใจว่าจะต้องมีมูลหนี้อีกนับสิบประเภท ขอยกตัวอย่างไว้เท่านี้ก่อนเพื่อจะตอบตามประเด็น) หนี้สินปัจจุบันร่วมร้อยล้านบาท และถูกร้องดำเนินคดีหลายคดีแล้ว คำถามที่จะต้องตอบคุณเอง
1. กิจการมีรายได้โดยคำนวณว่า ในรอบปีจะจ่ายหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ในลักษณะการผ่อนผันได้กี่ราย แต่ละรายเป็นเงินเท่าไร ที่ผ่อนมาแล้วเป็น
xxx
ส่วนกี่เปอร์เซ็นต่อราย (ถ้าไม่นับดอกเบี้ยที่จ่ายไป ให้คิดไว้ในใจว่า ดอกเบี้ยคือเงินต้น) ให้เกลี่ยเจ้าหนี้ใน
xxx
ส่วนที่เสมอกันเท่าที่ทำได้ เว้นแต่เจ้าหนี้ประเภทต้องส่งสินค้าให้แก่คุณ ซึ่งจำเป็นต้องนำสินค้านั้นมาใช้หมุนเวียน
2. เจ้าหนี้ของคุณแยกออกเป็น 2 จำพวก คือ เจ้าหนี้ประเภทไม่ยอมความ ไม่ผ่อนผัน ฟ้องลูกเดียว ให้แต่งทนายความสู้คดีไว้ก่อน เจรจาในชั้นศาลแล้ว จึงค่อยผ่อน ถ้าไม่ยอม จัดกลุ่มว่า คดีถึงที่สุดใช้เวลาอีกมากน้อยเท่าไร
เจ้าหนี้ประเภทยินยอมให้ผ่อนผัน เจรจาขอลดต้น ลดดอกเบี้ย ขยับช่วงจัดตารางกำหนดการจ่ายหนี้ ต้องไม่ใช่ทุกเดือน แต่ให้ขอเป็น 2-3 เดือนต่อครั้ง แล้วทำบันทึกข้อตกลงนี้ไว้ ระบุยอดเงินที่จะขอผ่อนด้วย
3. เจ้าหนี้สถาบันการเงิน เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ หากไม่สำเร็จเขาก็จะฟ้องคุณคราวนี้กระทบกับแผนการผ่อนชำระกับเจ้าหนี้รายอื่น ๆ ด้วยแน่
หากกรณีตามข้อ 3. เป็นเหตุการณ์จะเกิดขึ้นกับคุณ คุณควรเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมกับครอบครัวของสามี คุยกันทั้งครอบครัวจะเป็นการดี เพราะโดยหลักการแล้ว เมื่อฟ้องคดีแพ่ง แล้วหลักทรัพย์ไม่คุ้มกับการชำระหนี้ ธนาคารฟ้องลูกหนี้และผู้ค้ำประกันล้มละลายตามมาอีกคดี หมายถึงคุณในฐานะลูกหนี้ (หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.) ไม่มีสิทธิประกอบกิจการงานและ หจก.ต้องเลิกกิจการไปตามกฎหมาย คุณกับสามี จะทำมาหากินอะไร เงินทั้งหมดในบัญชีชื่อคุณและสามี จะถูกอายัดหมด ว้า......มันทุกข์ของคนจริง ๆ
เอาหละ เมื่อวิเคราะห์เหตุของทุกข์อันเป็นปัญหา คุณมาทำความเข้าใจถึงวิธีการดับทุกข์อันเป็นปัญหา และกระบวนการขั้นตอนการดับทุกข์หรือปัญหาของคุณ
1. ทุกคนยอมรับหรือไม่ว่า ทำงานภายใน 10 ปี แล้วชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่มีหนทางว่าเป็นไปไม่ได้เลย ก็ให้ทำใจและให้ร่วมมือไว้วางใจซึ่งกันและกัน ก้มหน้าก้มตา ทำต่อไปจนกว่าจะถึงที่สุด (หมายถึงเจ้าหนี้มายึดทรัพย์และขายทอดตลาดแล้ว)
2. จัดให้มีการประชุมภายในครอบครัวของสามี ทุกเดือน อย่าให้ขาด สร้างความสามัคคีกันไว้
3. ธรรมะ ท่านว่า " โภควิภาค 4 " หรือ นโยบายของรัฐบาล คือ ใช้ 3 ส่วน ออม 1 ส่วน อธิบายคือ 3 ส่วนนั้น คือใช้จ่ายเลี้ยงตน ครอบครัว ใช้ในกิจการงาน ใช้หนี้ สำหรับอีก 1 ส่วน คือ เก็บไว้ใช้ในคราวจำเป็น ฉะนั้น 1 ส่วนที่เหลือ ทุกคนในครอบครัวให้แบ่งจัดสรรไปก่อน แล้วไปฝากกับพ่อแม่ของคุณแทน ญาติพี่น้องของสามีก็ให้เขาไปหาคนที่ไว้วางใจรับฝากแทน เพราะเหตุการณ์ข้างหน้าคุณและครอบครัวต้องถูกยึดทรัพย์ แต่ถ้าไม่เป็นไปตามการคาดเดา เงินออมนี้จะได้เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น คุณและครอบครัวมีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตามประสาผู้ครองเรือนต่อไปได้
4. หนี้คุณไม่ได้เป็นผู้ก่อ คุณเจรจาแล้ว ขอความเมตตากรุณาก็แล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้ คุณควรจะต้องไปขออโหสิกรรมต่อเขา จะได้ไม่ผูกเวรกรรมต่อกัน ถ้าเขาอโหสิก็โชคดีไป
ขอให้ได้รับความสุขกายสุขใจตามควรแก่อัตภาพ
อ่านกระทู้ปัญหาของคุณ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่หน้า
ก่อนหน้า
1
,
2
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th