Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ถ้าต้องโกหกแม่เพื่อความสบายใจของท่าน บาปไหม? อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
สุพาภรณ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ต.ค.2005, 11:27 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอนนี้ดิฉันมีปัญหากับแฟนเพราะโดนเค้าเอาเปรียบหลายเรื่อง ทำให้มีปัญหาเรื่องเงิน ต้องทำงานหนัก เครียด และเริ่มเป็นโรคซึมเศร้า แต่เวลาที่แม่มาหาหรือโทรถามทุกข์-สุข ดิฉันจะยิ้มแย้มและบอกแม่เสมอว่า สบายดีทุกอย่าง เวลาแม่ถามถึงแฟน ก็จะบอกแม่ในแง่บวก และยังส่งเงินเลี้ยงดูท่านอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแม่ดิฉันก็รู้สึกดี ที่ดีลูกมีความสุข



ตอนนี้ รู้สึกเป็นทุกข์ในใจหลายเรื่อง อยากทราบว่า การที่ดิฉันโกหกแม่ เพื่อให้ท่านสบาย เป็นบาปไหมคะ ถ้าเป็นบาป รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ
 
signup
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2005, 11:02 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



การโกหกคุณก็รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ดี

ถึงจะทำไปด้วยเจตนาดี คือ

ไม่อยากให้คุณแม่คุณไม่สบายใจ

ผลกรรมที่ว่าก็ทำให้คุณทุกข์ใจเอง

ทั้งปัญหาที่มีอยู่กับแฟน

และยังปัญหาที่คุณไม่ได้บอกไปตามความเป็นจริงกับคุณแม่



ซึ่งบางทีถ้าท่านถามคุณว่าคุณสบายดีมั้ย

ถ้าคุณมีปัญหาอะไรคุณบอกคุณแม่ตามความเป็นจริง

คุณอาจได้รับคำปรึกษา หรือช่วยแก้ปัญหาที่คุณมี

อย่างน้อยคุณก็ไม่ต้องโกหกและยังได้มีคนรับฟังคุณด้วย

จะได้ไม่ต้องเก็บกด



หลอกตัวเองไม่ดีหรอกค่ะ ยอมรับปัญหาตามความเป็นจริงเถอะค่ะ



เอาใจช่วยให้คุณผ่านปัญหาไปด้วยดีนะค่ะ



 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2005, 2:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บางทีความสบายดี หรือ ไม่สบายดี นั้น ก็ขึ้นกับแนวคิด และมุมมองด้วย ดังนั้น ถ้าเราคิดว่า สบายดีอยู่ แม้สถานการณ์จะเป็นเช่นไร ก็ไม่ถือว่า โกหกครับ



พระภิกษุรูปหนึ่งในสมัยพุทธกาล จะไปจำพรรษา ยังดินแดน ที่ได้ชื่อว่ามีคนดุร้าย

พระพุทธเจ้า ตรัสถาม

พระพุทธเจ้า : จะสบายดีเหรอ ถ้าเขาด่า ท่านล่ะ

พระภิกษุ : สบายดี พระเจ้าข้า ถ้าเขาด่า ก็ยังดีกว่า เขาทำร้าย

พระพุทธเจ้า : ถ้าเขาทำร้ายล่ะ

พระภิกษุ : ก็ยังดีกว่า เขาฆ่าเอา พระเจ้าข้า

พระพุทธเจ้า : ถ้าเขาฆ่าเอาล่ะ

พระภิกษุ : ก็ยังดี ทุกคนเกิดมาล้วนต้องตาย นี่ไม่ต้องรอให้ตายเอง มีคนมาจัดการให้เสร็จ อย่างนี้ ดี พระเจ้าข้า

พระพุทธเจ้า : ถ้าอย่างนั้น ท่านไปอยู่ได้

พระภิกษุรูปนั้น ไปอยู่ไม่นานก็ได้เป็นพระอรหันต์ครับ



คุณอาจคิดว่า นี่เป็นเรื่องของพระอรหันต์ คนธรรมดา ทำใจอย่างนี้ไม่ได้หรอก งั้นอีกตัวอย่างหนึ่ง

ชายคนหนึ่ง ขาขาดทั้งสองข้าง นั่งรถเข็นยิ้มแย้มแจ่มใส เดินทางไปเที่ยวทั่วโลก มีนักข่าวเข้ามาถามเขาว่า ดูเหมือนไม่มีอะไรจะมาทำให้คุณไม่สบายใจได้เลยนะเนี่ย แม้ขาคุณจะหายไปก็ตาม

ชายคนนั้น : มันก็แค่ขาของผมเท่านั้นที่หายไป แต่จิตใจผมยังไม่เป็นอะไร

จิตใจสำคัญที่สุด และอยู่เหนือ สภาพแวดล้อม และร่างกายครับ

 
เจียง
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 04 ต.ค. 2004
ตอบ: 118

ตอบตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2005, 2:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สำหรับคุณแม่น่าจะไม่บาปครับ

เพราะการโกหกแล้วบาปจะต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง

แต่คุณจะบาปกับตัวคุณเอง

ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นปัญหาไปด้วยดีนะครับ

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
อสรี
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2005, 3:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่น่าพิจารณาคือ ใครเป็นผู้สบายใจกันแน่กับการโกหกนั้น...



ส่วนวิธีตอบที่สามารถทำให้เราไม่ต้องโกหกก็มีมากมาย...ตัวอย่างเช่นถ้าเท่านถามเรื่องแฟน ก็ตอบว่า " ก็ตามเรื่องแหละแม่ เออ...แล้วแม่ไปช๊อปปิ้งได้อะไรมามั่งล่ะ..." แค่นี้ก็เปลี่ยนบทสนทนาไปแล้ว...และก็ไม่ต้องโกหก เพราะก็ตามเรื่องจริง ๆ...



"ทุกข์" นั้นคล้ายโรคมะเร็ง คือเป็นโรคที่เราสร้างมันขึ้นมาเอง แล้วก็ฉลาดเหมือนเรา คิดอะไร มันก็รู้เหมือนเรา เพราะมันคือเรา...ฉะนั้นเมื่อเราคิดและมันรู้ว่าจะทำลายมัน มันก็ย้ายไปอยู่ที่ส่วนอื่นก่อนที่จะทำลายด้วยซ้ำ ... และเมื่อไล่ทำลายมันจนจนมุม มันก็ย้ายเข้าสู่จุดสำคัญของร่างกาย เพื่อทำลายตัวเอง... ชีวิตเราก็จบลง...



วิธีรักษาทุกข์กับมะเร็งก็คล้ายกัน... ต้องอยู่กับมันอย่างเพื่อน...ศึกษามัน...อดทน แก้ไข รักษามัน...และใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาของทุกข์นั้น อย่างค่อยเป็นค่อยไป...ตามหน้าบุญ...เพื่อดูหน้ากรรม...ทำให้ดีที่สุด...ทุกข์นั้นก็จะค่อยๆ คลายไป...



อย่าลืมว่า เราใช้เวลานานแค่ไหนในการสะสมทุกข์นี้ขึ้นมา ฉะนั้น เมื่อเวลาจะรักษาก็ต้องให้เวลาแก่การรักษาบ้าง...ใจเย็นๆ แล้วค่อยเป็นค่อยไป...ขอให้โชคดี

 
ยุ้ย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2005, 2:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เท่าที่ดิฉันได้ฟังธรรมะ ดูเหมือนจะเป็นท่านอาจารย์ รศ.รท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ จากสถานีกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เอเอ็ม 963 ท่านว่าไม่บาปค่ะ

เพราะจะเป็นบุญ หรือเป็นบาปนั้น ขึ้นอยู่กับ "เจตนา" (ความตั้งใจไงคะ)

สมมุติว่า มีคนเขาด่าว่าบุคคลอื่น ให้เราได้ยิน แล้วคนที่ถูกว่ามาถามเรา หากเราตอบตามตรงอาจทำให้เกิดเหตุทะเลาะกัน คือทำให้เราบาปได้

แต่ถ้าเราบอกในทางตรงกันข้าม ก็เพียง "ผิดศีล" แต่ไม่บาปนะคะ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง