Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทางธรรมะจะช่วยได้ไหมครับ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
อยากรู้
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ย. 2005, 8:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากทราบว่าธรรม มีวิธีแก้เมื่อเกิดความรู้สึกเหงา สับสน หวากระแวง กังวล .....หรือความรู้สึกอื่นๆที่เป็นความรู้สึกด้านลบกับตัวเอง บ้างไหมครับ (แบบที่สามารถทำได้ง่ายๆและเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาไม่นานนัก) ขอบคุณครับ
 
Jacop
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 02 ก.ย. 2005
ตอบ: 7

ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.ย. 2005, 4:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองถามตัวเองดูก่อน จากสัมผัสทั้งห้า เมื่อตาเราสัมผัสรูปที่พอใจ เคยคิดบ้างไหมว่า เราพอใจ หรือรู้สึกไปเองว่าเราพอใจ แล้วถ้าได้สัมผัสในสิ่งที่ไม่พอใจ เคยคิดไหมว่า เราไม่พอใจ หรือว่าเรานั่นแหละ คิดไปเองว่าเราไม่พอใจ ถ้าความพอใจ หรือไม่พอใจในสิ่งที่เราเห็นนั้น เป็นเรา ทำไมชั่วเพียงประเดี๋ยวเราก็ได้เห็นสิ่งใหม่อีกแล้ว และก็เกิดความพอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง เป็นอยู่อย่างนี้ อย่างต่อเนื่อง ทำไมไม่เก็บความพอใจในสิ่งที่เราเห็นไว้ชั่วนิจนิรันดร์เล่า ทำไมไม่ห้ามสิ่งที่เราไม่พอใจว่าเราไม่ต้องการเห็น

ตราบใดก็ตาม ถ้าตาเราไม่บอดเสียก่อน ในชีวิตเรายังจะต้องเห็นสิ่งต่างๆ อีกมากมายมหาศาล แต่เราก็กำหนดไม่ได้ว่าสิ่งที่เห็นต่อไปต้องเป็นสิ่งที่เราพอใจ หรือเราจะต้องพบเห็นกับสิ่งที่ไม่พอใจ แม้สิ่งหนึ่งเราเห็นแล้วพอใจ ก็มีบางคนเห็นภาพเดียวกันเหมือนกับเรา แต่เขาไม่พอใจ //พอใจหรือไม่พอใจเป็นอุปทานหรือเปล่า เพราะเราคิดว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีความผูกพันธ์กับเราหรือเปล่า

แม้เสียงที่หูเราได้ยิน / แม้กลิ่นที่จมูกได้รับ // แม้รสที่ลิ้นเราได้รับ // แม้เย็น,ร้อน,อ่อน,แข็ง,ตึง,ไหว ที่ผิวกายเราได้รับ ก็เป็นเช่นนั้นมิใช่หรือ แล้วใจเราละเคยคิดไหมว่า เหงาจริงๆ หรือคิดว่าเราเหงา ขอให้ตามไปดูซิว่าเราคิดอะไรอยู่กับทวารทั้งหก ที่รับ รูป,รส,กลิ่น,เสียง สัมผัส และธรรมารมย์

ลองคิดให้ง่ายอีกหน่อย พริกขี้หนูนั้นได้ชื่อว่าเผ็ด คนไทยกินก็เผ็ดและชอบ ฝรั่งกินก็เผ็ด แต่ไม่ชอบ พระอรหันต์กินก็เผ็ด แต่ไม่มีทั้งสองอารมย์(เผ็ดของพระอรหันต์เป็นกิริยา)

ไม่ต้องการให้ท่านเป็นพระอรหันต์จากข้อความเล็กๆ เท่านี้ แต่อยากให้ท่านได้คิว่า ที่เหงานั้นท่านเหงาจริงๆ หรือท่านคิดว่าท่านเหงา ขอให้ท่านตื่นขึ้นมา และหายเหงาได้แล้ว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.ย. 2005, 11:09 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดี คุณอยากรู้



อย่าปล่อยให้จิตใจคุณตกเป็นทาสของอกุศลต่อไปอีกเลย การที่เราปล่อยความรู้สึกนึกคิดต่างๆในทางที่ไม่ดี มันก็บั่นทอนจิตใจตัวเองทั้งยังเป็นไปในฝ่ายความทุกข์ความเดือดร้อนที่เบียดเบียนตนเองตนเองให้ทุกข์ใจอยู่ร่ำไป ทุกข์ใจไม่พอพาเอาสุขภาพกายเสื่อมโทรมไปด้วย



คุณลองพิจารณาดูซิว่า คุณไปย้ำคิดกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วหรือเปล่า ไม่มีใครไม่เคยทำผิด ไม่มีมนุษย์คนไหนที่เกิดมาโดยไม่ก่อกรรมทั้งดีและชั่ว ไม่ว่าจะมาจากเหตุอะไรที่ทำให้คุณทุกข์ เมื่อเกิดความรู้สึกนึกคิดที่ไม่ดี ต้องรู้เท่าทัน ถึงมันจะเป็นบาปที่ติดตรึงทำให้เกิดความเศร้าหมองในจิตใจ ก็ทำให้คุณพิจารณาได้ว่า ความเศร้าหมองที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะคุณคิดในสิ่งที่ไม่ดี



คนเราคิดทำอะไรที่เป็นทุจริตสักนิดหนึ่ง จิตใจก็จะเกิดความขุ่นมัวขึ้นทันที ไม่แจ่มใส ไม่รู้สึกปลอดโปร่ง ไม่ว่าจะเป็นความโลภ โกรธ หลงก็ตาม มันเป็นเหตุทั้งสิ้น ฝึกเจริญสติให้มีสติสัมปชัญญะ ให้อยู่กับอารมณ์ ความรู้สึก ในอิริยาบทต่างๆ ณ ปัจจุบันขณะให้สั้นที่สุด ให้รู้เท่าทันในปัจจุบันจะเป็นการแก้ไขภาวะของจิตให้แจ่มใสขึ้นได้ค่ะ



เจริญในธรรม



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.ย. 2005, 12:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สิ่งที่ได้มาง่าย ๆ มักไม่มีค่าในสายตาของผู้ที่ได้มา สิ่งที่คุณอยากรู้ต้องการรู้นั้น

บุคคลบางคนคิดเอาเองก็รู้ บางคนต้องมีคนบอกจึงจะรู้ บางคนต้องฝึกตนเองจึงจะรู้

บางคนทำอย่างไรก็ไม่รู้ นอกจากนี้4จำพวกนี้ ก็ยังแบ่งออกไปอีกว่า คิดนิดเดียวหรือคิดมาก ฟักนิดเดียวหรือฟังมาก ฝึกนิดเดียวหรือฝึกมากแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน

คุณคิดว่าตัวเองเป็นบุคคลประเภทไหน ลองค้นหาตัวเองโดยการใช้สติตามดูจิตหรือกายของตัวคุณเองให้รู้ตัวตลอดเวลา หวังว่าคุณจะทราบคำตอบได้ด้วยตัวเองในเวลาไม่นานนัก
 
P
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ย. 2005, 3:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ๆ ๆ

ผมขอเสนอวิธีแก้ครับ



ผมก็เคยมีอารมณ์อย่างที่ท่านเป็น แล้วผมก็มีวิธีแก้ ก็เอามาเล่าสู่กันฟังก็แล้วกัน



เมื่อเราเหงา ก็พิจารณา ตั้งคำถามหาคำตอบคิดเป็นเหตุ เป็นผล ทำไมเราถึงเหงา ทำไมเราถึงเศร้า หวากระแวงเกี่ยวกับเรื่องอะไร สิ่งที่หวากระแวงอยู่นั้นเป็นอย่างไร หาเหตุผลตั้งแต่ต้นจนจบ พอคิดอย่างนี้แล้ว ก็น้อบเข้าสู่กฏพระไตรลักษณ์ ทุกข์อย่างเกดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นไปตามกฏพระไตรลักษณ์



เมื่อท่านพิจารณาท่านก็จะรู้ของท่านเอง ใจของเราแก้โดยตัวเราเอง ที่สำคัญรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ นะ หลายๆ อย่างจะดีขึ้น



ขอให้เจริญในธรรม



สาธุ สาธุ สาธุ
 

ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ย. 2005, 4:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองทำบุญให้มากๆ แบบไหนก็ได้ที่ตนเองถนัด
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง