ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ดาวประกาย
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 15 มิ.ย. 2005
ตอบ: 53
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ย. 2005, 9:19 pm |
  |
|
   |
 |
ดาวประกาย
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 15 มิ.ย. 2005
ตอบ: 53
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ย. 2005, 9:24 pm |
  |
อนึ่ง ขอให้ท่านผู้สนใจเข้ารับการฝึกอบรมฯ ได้กรุณาแจ้งความจำนง โดยสมัครเพื่อสำรองที่นั่ง พร้อมแจ้งชื่อ-นามสกุล ระบุวันและรอบเวลาที่ต้องการเข้าฝึกอบรม ส่งมาที่ wimoak@yahoo.com
รับจำนวนจำกัด เพียง 30 ท่านค่ะ เพราะหลวงพ่อ อยากให้เห็นผล และปฏิบัติ
กันอย่างเต็มที่ เต็มวันค่ะ |
|
|
|
   |
 |
ดาวประกาย
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 15 มิ.ย. 2005
ตอบ: 53
|
ตอบเมื่อ:
06 ก.ย. 2005, 9:15 am |
  |
ิิเจริญพร
การฝึกอบรมครั้งนี้ จะเน้นทั้งการบรรยายและการปฏิบัติ โดยในช่วงเช้าจะเน้นความรู้ความเข้าใจในการเจริญสติ และการพัฒนาสติเพื่อให้เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อมและสำนึกรู้ จึงเหมาะสำหรับนักปฏิบัติหลายๆท่านทั้งที่เพิ่งเริ่มฝึกและฝึกมานานแล้ว แต่ไม่ก้าวหน้า อันมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสภาวะธรรมในขณะนั่งภาวนา ว่าอะไรเป็นอะไร จึงไม่รู้แนวทางในการพัฒนาสติในขณะภาวนา ซึ่งเป็นปัญหาของหลายๆท่าน ที่มุ่งเน้นการเจริญสมถะหรือการทำสมาธิ โดยไม่รู้วิธีว่าจะเจริญสติและสมาธิให้ควบคู่กันไปได้อย่างไร รวมทั้งผู้ที่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน แต่ก็ไม่สามารถแยกได้ออกว่า อย่างไรเป็นวิปัสสนา และอย่างไรเป็นสมถะ ทั้งนี้ เพราะไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นตัวภาวนา มัวแต่เนิ่นช้ากับการยึดลมหายใจบ้าง พอง-ยุบบ้าง คำภาวนาบ้าง โดยไม่เฉลียวใจว่า นั่นเป็นเพียงเครื่องมือให้จิตมีที่เกาะอาศัย และผู้ปฏิบัติจะได้สามารถพัฒนาสติในขณะภาวนา ให้มีพละกำลัง และ มีความละเอียดยิ่งๆขึ้นไป จึงเป็นเหตุให้สติของนักปฏิบัติหลายๆท่าน ไม่พัฒนา และในที่สุดก็ตกภวังค์กัน ทั้งรู้ตัวว่าตกบ้างและไม่รู้ตัวว่าตกภวังค์บ้าง การฝึกอบรมต่อเนื่องทั้งวันจึงเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ปฏิบัติจะได้ทบทวนการปฏิบัติของตนว่าได้เดินทางเข้าสู่มรรคได้อย่างถูกต้อง เพราะการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสลับกับการฟังบรรยาย ผู้ปฏิบัติจะได้มีความรู้และมีสัมมาทิฏฐิที่ถูกต้องในการปฏิบัติ ไม่ใช่หลับหูหลับตากันฝึกอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และในที่สุดก็ตกภวังค์กันเสียส่วนใหญ่โดยไม่รู้ตัว
อนึ่ง สำหรับผู้ที่เคยฝึกกับอาตมาแล้วครั้งสองครั้ง หรือขาดความต่อเนื่อง ก็ควรจะมาร่วมฝึกปฏิบัติทั้งวันในครั้งนี้ด้วย เพราะในการอบรมครั้งนี้ นอกจากจะเน้นเรื่องปัญญา หรือสัมมาทิฏฐิในการปฏิบัติที่ถูกต้องแล้ว หลวงพ่อจะให้อุบายในการนั่งสมาธิให้สามารถนั่งได้นาน โดยไม่ได้ไปทนนั่ง และรวมทั้งให้อุบายในการเข้าสมาธิได้เร็วด้วย และในช่วงตอนท้ายของการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อก็จะแนะนำพร้อมกับให้อุบายในการปรับการฝึกภาวนานี้ให้กลมกลืนกับชีวิตประจำวัน
ผู้ที่กำลังตัดสินใจดูว่า ตนเองควรจะมาร่วมฝึกปฏิบัติครั้งนี้หรือไม่ ให้ท่านพิจารณาตนเองดูว่า ตนเข้าใจและสามารถสัมผัสสำนึกรู้ได้หรือยัง? หรือแม้จะเกิดสำนึกรู้แล้ว แต่สำนึกรู้ที่เกิดนั้นยังไม่ต่อเนื่อง และเป็นไปเองโดยธรรมชาติ ก็ควรจะมาเข้ารับการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องทั้งวันในครั้งนี้ด้วย ส่วนผู้ที่มาเข้าฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องกับหลวงพ่อจนเข้าใจและสามารถสัมผัสสภาวะต่างๆ ตามที่หลวงพ่อได้ให้คำแนะนำไปแล้วนั้น ก็อาจจะมาฝึกอบรมในรอบบ่ายได้เลย แต่ถ้าหากอยากจะทบทวนความรู้ความเข้าใจต่างๆ ก็อาจจะมาร่วมฝึกทั้งวันพร้อมๆกับคนใหม่ได้ด้วย เพราะการมาฝึกกันเป็นหมู่คณะ ย่อมจะเกิดผลดีกับทุกๆคน เพราะต่างก็จะช่วยเสริมซึ่งกันและกัน แต่การที่เราจะพิจารณาว่าเราฝึกได้ไปไกลมากน้อยแค่ไหนนั้น ให้ลองพิจารณาคำสอนของปรมาจารย์จีนที่ว่า เมื่อฝึกวิทยายุทธชั้นสูงจนเจนจบและมีความชำนาญนั้น เมื่อสูงสุดก็ต้องรู้จักการปรับหรือกลับคืนสู่สามัญ หรืออีกนัยหนึ่ง ไม่ยึดติดรูปแบบ และเจริญสมาธิและวิปัสสนาได้ทุกๆสถานการณ์ กลมกลืนกับชีวิตประจำวันจริงๆ สบายๆ เป็นธรรมชาติ ที่เรียกว่ากลับคืนสู่สามัญนั่นเอง
ขออนุโมทนาและขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
วิโมกข์ |
|
|
|
   |
 |
|