ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:18 pm |
  |
เราตื่นมากันทุกๆวัน ส่วนใหญ่ก็มีเรื่องให้ต้องทำตามจุดมุ่งหมายหลัก
ของแต่ละวัน ไม่ว่าจะไปทำงาน ไปเรียน ไปทำธุระต่างๆ
...ในแต่ละวันเหล่านี้ เมื่อเรามีโอกาส ก็จะหาความเบิกบานสำราญใจ
ใส่ตัวตามเวลาที่เป็นไปได้ เช่น ถึงเวลากินข้าวก็ขอกับข้าวอร่อยๆ
ที่ชอบหน่อยนะ หรือถ้ามีเวลาก็อาจหาซื้อขนมของโปรดกินเล่น
ขึ้นรถ ก็อาจหาเปิดเพลงเพราะๆที่ชอบมาฟัง
กลับบ้านก็อาจขอเปิดทีวีดูรายการที่ชอบ ดูดาราในดวงใจ
ความสำราญเหล่านี้เราคงคุ้นเคยกันดี หากแต่ว่า... ลองดูสิ
เจ้าความสำราญเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราต้องไปหยิบ ไปวิ่งตามทั้งนั้น
(ต้องกินของอร่อยก่อน ต้องได้กลิ่นหอมก่อน ต้องฟังเสียงเพราะก่อน
ต้องๆๆ...ก่อน จึงจะได้สำราญ)
แต่ว่า แต่ว่า... มีความสุขใจอีกแบบ ที่เกิดขึ้นได้ในทุกๆวัน
เป็นความสุขสดชื่น เหมือนตื่นจากความมึนๆมัวๆ เป็นความสดใส
หรือที่ใครๆเรียกกันว่า เบิกบาน นั่นเอง
นั่นแน่... ชักจะสนใจหรือสงสัยแล้วล่ะสิว่าจะต้องทำยังไง
ถึงจะได้เบิกบานระหว่างวันแบบนั้น
วันนี้เราได้รับเกียรติจากท่าน อ. สุรวัฒน์ เสริวิวัฒนา
ผู้เชี่ยวชาญด้านการรู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวัน จะมาชี้แจงวิธีการ
รู้-ตื่น-เบิกบาน อย่างถูกต้องให้เราดูกัน... ลองดูสิว่าท่านอาจารย์
แนะนำว่าอย่างไร...
การที่จะรู้ - ตื่น - เบิกบานระหว่างวันได้นั้น
มีร่องรอยให้ตามไปได้ตั้งมากมายหลายร่องรอย
บางร่องรอยก็ทอดผ่านหนทางที่ยากลำบากเกินกว่าหลายคนจะทนไหว
บางร่องรอยแม้อาจตามไปได้อย่างสบาย ๆ แต่ก็ทอดผ่านหนทางที่ยาวไกล
บางร่องรอยกลับเป็นร่องรอยที่เรียบง่าย ลัดตรง และร่มรื่น
หากกำลังมองหาร่องรอยที่เรียบง่าย ลัดตรง และร่มรื่น ละก็
ไปทางนี้ต่อได้เลย........
บทความจาก http://www.enggy.com/awake/
 |
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:20 pm |
  |
ตอนที่ ๑ : ทำความเข้าใจกันก่อน
ระหว่างวันคนเรามีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำ ทั้งจำต้องทำ ทั้งทำก็ดีไม่ทำก็ได้
บางคนตื่นมาก็รีบอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ ไปโน่นไปนี่
บางคนตื่นมาก็นอนเอกเขนกเล่นซะก่อนจนสบายอกสบายใจแล้วจึงลุกขึ้น
อยากจะถามว่า แล้วเธอละตื่นมาทำอะไรกันบ้างระหว่างวัน.....
อยากจะถามว่า ระหว่างวันเธอรู้สึกตัวได้บ่อยไหม เธอเผลอไปบ่อยไหม.....
อยากจะถามว่า ระหว่างวันเธอเคยเห็นไหมว่า จิตใจเธอมันไปอยู่กับอะไรบ้าง.....
อยากจะถามว่า ระหว่างวันเธอเคยรู้สึกว่าจิตใจเบิกบานบ้างไหม....
คงตอบได้ไม่ยากซินะว่า ระหว่างวันเราทำอะไรกันบ้าง
แล้วก็อาจจะงงหรือสะดุดนิดนึงกับการจะตอบว่า
ระหว่างวันเรารู้สึกตัวได้บ่อยไหม เผลอบ่อยไหม
รู้สึกตัว....อ้าวก็นี่ไงรู้สึกตัวอยู่นี่ไง ใคร ๆ ก็รู้สึกตัวอยู่ตลอดนี่นา
เผลอรึ....เราไม่เห็นจะเผลอตรงไหนเลย
หลายคนมักจะรู้สึกอย่างนี้เมื่อมีใครมาถามว่า รู้สึกตัวรึเปล่า เผลอไปรึเปล่า
เอาละงั้นลองมาดูกันซิว่า เผลอนั้นเป็นยังไง
(ตอนนี้คงต้องใช้การนึกคิดเป็นเครื่องช่วยเพื่อทำความเข้าใจกันก่อน)
ลองนึกถึงเวลาที่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
หรือเครื่องมันสั่นบอกว่ามีคนโทรมาหา แล้วเราก็รับโทรศัพท์
ลองนึกดูซิว่า ระหว่างที่เรากำลังพูดโทรศัพท์อยู่นั้น
ความรู้สึก-ความรับรู้ต่าง ๆ ของเรา
มันรู้สึก-มันรับรู้แต่เฉพาะเรื่องราวที่กำลังพูดคุยกัน ใช่ไหม?
บางคนอาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า เรากำลังยืนหรือนั่งพูดโทรศัพท์อยู่
บางคนอาจไม่รู้เลยว่าเรากำลังถือโทรศัพท์ด้วยมือขวาหรือมือซ้าย ใช่ไหม?
ถ้าใช่ละก็ นั่นแหละเราเผลอไปแล้ว
หรือไม่ก็ลองนึกถึงตอนที่ไปดูหนังในโรง หรือดูทีวีรายการโปรดสุดๆ ซิ
นึกออกไหมว่า ขณะที่กำลังดูหนังหรือดูทีวีอยู่นั้น
เรามีความรู้สึกไหมว่ามีตัวเรานั่งดูอยู่.... ไม่รู้สึกเลยใช่ไหมว่ามีตัวเรานั่งดูอยู่
มันเหมือนกับว่าตัวเราหายไปจากโลกนี้ไปพักใหญ่
มารู้สึกว่ามีตัวเราอยู่อีกทีก็โน่น ตอนหนังจบ หรือตอนทีวีคั่นโฆษณา เป็นอย่างนี้ใช่ไหม?
ถ้าใช่ละก็ นั่นแหละเราเผลอไปแล้ว
ทีนี้ก็มาทำความเข้าใจต่อกันอีกสักหน่อยว่า
คราใดที่เผลอไป ครานั้นคือไม่รู้สึกตัว
คราใดที่รู้สึกตัว ครานั้นคือหายเผลอแล้ว http://www.enggy.com/awake/awake01.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:21 pm |
  |
ตอนที่ ๒ : ใช้ความรู้สึกล้วนๆ รับรู้ไปว่าเผลอบ่อยจริงๆ
เอาละเมื่อเข้าใจแล้วว่าการเผลอไปนั้นมีอาการอย่างไร
ต่อไปนี้ก็ขอให้ลองใช้ความรู้สึกล้วน ๆ มาเป็นเครื่องช่วย
(ไม่ต้องนึกย้อนหลัง ไม่ต้องนึกไปข้างหน้า ไม่ต้องคอยถามตัวเองตอบตัวเอง)
เพื่อให้เราทราบด้วยความรู้สึกล้วน ๆ จริง ๆ ว่า
เอ๊ะ...เมื่อกี๊นี้เผลอไปอีกแล้ว
โห...เผลอไปตั้งนานแน่ะ
เชื่อไหมว่า การที่เรารู้สึกขึ้นว่าเผลอไปนั้น มันไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไรหรอก
เพราะมันเป็นความรู้สึกที่มีอยู่กับเรามาตั้งนานแล้ว
หากแต่เราแทบไม่เคยสนใจที่จะรับรู้มันเท่านั้น
และหากเราสนใจที่จะรับรู้ความรู้สึกว่าเผลอไปละก็ เราก็จะเห็นมันตำตาอยู่เสมอ ๆ
ทั้งนี้ก็เพราะในระหว่างวัน ความเผลอไปนั้น มันจะเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ
เกิดขึ้นในขณะที่เราต้องทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะอาบน้ำ แปรงฟัน ทานข้าว
ยืน เดิน นั่ง นอน ปากพูด ตาดู หูฟัง คิดนึกถึงเรื่องต่าง ๆ
และไม่เว้นแม้แต่จะอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ
อย่า....อย่าเพิ่งเชื่อหรือไม่เชื่อว่าเราเผลอไปได้บ่อยๆ อย่างที่เล่าให้ฟังตะกี๊เชียวนะ
แต่ต้องรู้อย่างชนิดแจ้งใจของตัวเองซะก่อน แล้วจึงค่อยเชื่อหรือไม่เชื่อ
จึงอยากจะชวนให้พากันมาทำให้แจ้งใจกันจริง ๆ ว่า เราเผลอไปบ่อยจริงหรือไม่
โดยใช้วิธีต่อไปนี้คือ
ให้ตั้งใจตัวเองเอาไว้ว่า....เอาละนับแต่นี้ต่อไป
ไม่ว่าจะทำอะไร ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใด ๆ ในระหว่างวันอยู่ก็ตาม
เราจะหัดตามรู้เพื่อจะได้ให้แจ้งใจว่าเราเผลอไปบ้างหรือไม่
การหัดตามรู้อย่างที่ตั้งใจไว้นี้
ให้หัดไปแบบรู้ก็ช่างไม่รู้ก็ช่าง ไม่ต้องจด ๆ จ้อง ๆ
แล้วก็ไม่ต้องทำเป็นเคร่งขรึมหรอกนะ
แต่ให้หัดตามรู้ไปด้วยจิตใจที่เบาสบาย นุ่มนวล
หรือจะพูดว่าตามรู้แบบหวาน ๆ ก็ได้
ถ้าใครตามรู้อย่างที่บอกไว้กันอย่างจริง ๆ จัง ๆ ละก็
จะแจ้งใจเลยว่า อือ...ระหว่างวันเราเผลอไปได้จริง ๆ
แต่ช่วงแรก ๆ บางคนก็อาจไม่รู้หรอกว่าเราเผลอไป
หรืออาจเพียงรู้ได้ว่าเผลอไปแค่วันละไม่กี่ครั้ง
แล้วก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปเชียวว่า เราไม่เผลอหรอก เราเผลอแค่ครั้งสองครั้งเอง
แต่อยากจะให้ตามรู้ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง เพื่อจะดูว่า
ระหว่างวันเราเผลอไปได้บ่อย ๆ จริงหรือไม่
และหลังจากอ่านย่อหน้านี้เสร็จ ถ้าเป็นไปได้ก็ขออย่าเพิ่งอ่านตอนถัดไป
ซึ่งเป็นตอนที่ ๓ เลยนะ หากจะอ่านต่อก็ขอให้อดใจรอสักหน่อย
หรือถ้ายังอ่านไม่ค่อยเข้าใจ ก็ให้อ่านได้ตั้งแต่ตอนที่ ๑ ซ้ำก็แล้วกัน
แต่อย่าเพิ่งอ่านเกินย่อหน้านี้นะ จนกว่าจะรู้สึกได้อย่างแจ้งใจว่า
ระหว่างวันเราเผลอไปบ่อยจริง ๆ ด้วย แล้วจึงค่อย ๆ อ่านตอนที่ ๓ ต่อไป
http://www.enggy.com/awake/awake02.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:22 pm |
  |
ตอนที่ ๓ : ทำยังไงต่อ เมื่อแจ้งใจแล้วว่าระหว่างวันเราเผลอไปบ่อยจริงๆ
การหัดตามรู้ว่าเผลอไปนั้น
เป็นการหัดเพื่อให้เรารู้ตามความเป็นจริงว่า ระหว่างวันเราจะเผลอไปบ่อย
และเมื่อเราแจ้งใจได้แล้วว่าเราเผลอไปบ่อยจริง ๆ
ต่อไปก็แค่ตามรู้ว่าเผลอไปต่ออีกสักพักหนึ่ง
ตามรู้ไปเหมือนกับที่เคยตามรู้มาก่อนหน้านี้นั่นแหละ
ตามรู้ไปเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับสังเกตดูซิว่า
ในระหว่างวัน กิจกรรมใดที่เราทำแล้วเราเผลอไปได้ง่าย
หรือเผลอไปได้ครั้งละนาน ๆ (รู้สึกตัวได้ยาก)
และสังเกตดูซิว่า กิจกรรมใดที่เราทำแล้วเรามีความรู้สึกตัวได้ง่าย
รู้สึกตัวได้บ่อย หรือเผลอไปครั้งละไม่นาน
เช่น บางคนทำงานบ้านแล้วรู้สึกตัวได้ง่าย บางคนเดินเล่นแล้วรู้สึกตัวได้ง่าย
บางคนนั่งดูทีวีแล้วเผลอไปนาน บางคนคุยหรืออ่านหนังสือแล้วเผลอไปตลอดเลย
แล้วสงสัยกันบ้างหรือเปล่าว่า การตามรู้อย่างนี้มันจะได้อะไร
(ใครสงสัย ตามรู้ได้ไหมว่าเราเผลอไปกับความสงสัยนี้หรือเปล่า)
ขอตอบให้หายสงสัยกันก่อนว่า การตามรู้อย่างนี้
จะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง
ที่จะพาให้เราไปสู่ การรู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวันนั่นเอง
เอาละทีนี้ก็ตามรู้ว่าเผลอไปอีกเรื่อย ๆ สักพัก
ตามรู้เท่านั้นนะ ไม่ใช่ให้พยายามไม่ให้เผลอ ไม่ใช่พยายามจะรู้สึกตัวให้ได้ตลอด
http://www.enggy.com/awake/awake03.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:24 pm |
  |
ตอนที่ ๔ : เผลอไปแล้วก็ให้แล้วกันไป
หลังจากที่ตามรู้มาได้ ๒ ตอนแล้ว บางคนคงเริ่มรู้สึกว่า
เอ๊ะ..เผลอไปนี่ไม่ดีนะ รู้สึกตัวดีกว่า
ยิ่งถ้าใครเผลอไปขณะขับรถด้วยละก็ อาจตกใจเลยว่า
โหย..เผลอไปตอนกำลังขับรถนี่น่ากลัวชะมัด ดีไม่ดีรถชนตายเลย
หรือถ้าใครเดินไปเผลอไป ก็อาจเจอเหตุการณ์เกือบถูกรถชน
หรือเดินตกท่อให้อายคนอื่นเอาก็ได้ แล้วก็ยังมีอีกสารพัดอย่าง
ที่ล้วนแต่น่าสะพรึงกลัว ที่อาจเกิดขึ้นเพราะความเผลอไปของเรา
เอาละซิ ทีนี้บางคนก็อาจจะเริ่มกลัวความเผลอไปซะแล้ว
หรือไม่บางคนก็ชักอยากจะรู้ตัวตลอดเวลาซะแล้ว
ใครเป็นอย่างนี้ละก็ (ร้อยละร้อยหรือเฉียดๆร้อยเป็นกันทุกคน)
ไม่ต้องพยายามไม่ให้เผลอไปหรอกนะ เพราะความเผลอไปนั้น
เป็นของคู่กับเรามาแต่ไหนแต่ไรอย่างที่เคยบอกไว้ในตอนที่๒นั่นแหละ
และคนทั่ว ๆ ไปอย่างเรา ๆ ที่ได้ชื่อว่า ปุถุชน
ก็ย่อมต้องเผลอไปบ่อย ๆ เป็นของธรรมดาอยู่แล้ว
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะสั่งบังคับบัญชาตัวเองว่า ต้องไม่เผลอนะ
หรือจะให้ใครมาขู่มาสั่งว่าอย่าเผลอไปนะ ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้น เผลอไปแล้วก็ให้แล้วกันไป ไม่ต้องทำอะไรเพื่อจะไม่ให้เผลออีกก็แล้วกัน
ตามรู้ต่อไปเรื่อย ๆ อีกนะ
ตามรู้ไปจนกว่าจะรู้สึกเฉย ๆ ไม่รู้สึกไม่พอใจ หรือไม่รู้สึกอยากจะไม่ให้เผลอ
http://www.enggy.com/awake/awake04.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:24 pm |
  |
ตอนที่ ๕ : อีกมุมมองหนึ่งของการรู้ไปว่าเผลอ
การรู้ว่าเผลอไปบ่อย ๆ มองอีกมุมหนึ่งมันก็คือการรู้สึกตัวได้บ่อย ๆ นั่นเอง
จิตใจที่กำลังรู้สึกตัวอยู่นี่แหละ ที่เป็นจิตใจของ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
หากใครสามารถตามรู้ได้บ่อย ๆ ว่า เราเผลอไปแล้ว
เพียงเท่านี้ก็เท่ากับว่า คนนั้นได้หยั่งรากลงสู่วิถีชีวิตใหม่
ที่เป็นวิถีของชีวิตที่ รู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวันนั่นเอง
http://www.enggy.com/awake/awake05.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:25 pm |
  |
ตอนที่ ๖ : ปรากฎการณ์ขณะกำลังรับรู้สิ่งใดๆ ด้วยความรู้สึกตัว
หลังจากที่เราตามรู้มาจนรู้จักความรู้สึกตัวได้ดีแล้ว
ก็จะมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น
เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองโดยปราศจากการแต่งเติมสร้างสรรค์
เป็นความรู้สึกว่า คราใดที่กำลังรับรู้สิ่งต่างๆด้วยความรู้สึกตัว
สิ่งที่เรากำลังรับรู้อยู่นั้น มันเหมือนปรากฏอยู่ห่างออกไป
หรือปรากฏขึ้นในฐานะของสิ่งๆหนึ่งที่ถูกรู้อยู่
และในขณะเดียวกันก็จะรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างที่คอยรับรู้สิ่งที่กำลังถูกรู้อยู่
ปรากฏการณ์ที่ว่านี้จะปรากฏให้รู้สึกขึ้นได้เพียงแวบสั้นๆ เท่านั้น
ไม่ได้เป็นอยู่นานหรอกนะ หากแต่บางคนก็อาจเป็นบ่อย ๆ ก็ได้
การรับรู้สิ่งใด ๆ ด้วยความรู้สึกตัวนี้ จะเกิดขึ้นได้ทั้งขณะกำลังดูรูปภาพด้วยตา
ขณะกำลังฟังเสียงด้วยหู ขณะกำลังได้กลิ่นด้วยจมูก ขณะกำลังรู้รสด้วยลิ้น
ขณะกำลังรับรู้ความร้อนเย็นอ่อนแข็งด้วยร่างกาย
และแม้แต่ขณะกำลังรับรู้ความรู้สึกด้วยใจ
แรก ๆ ที่ใครพบเจอปรากฏการณ์นี้
ก็อาจรู้สึกเหมือนเป็นปรากฏการณ์ที่แสนน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วปรากฏการณ์ที่ว่านี้
มันเป็นปรากฏการณ์ที่เป็นธรรมชาติอยู่ในตัวของเราเอง
หากแต่มันเป็นปรากฏการณ์ที่ยากจะเข้าใจ
และไม่อาจเกิดขึ้นกับใครๆที่ยังไม่รู้จักความรู้สึกตัว
ส่วนใครที่ยังไม่เห็นปรากฏการณ์ที่ว่านี้
ก็ไม่ต้องพยายามจ้อง ไม่ต้องพยายามดูให้เห็นเชียวละ
หัดตามรู้ต่อไปอีกเถอะ ไม่นานนักหรอกมันก็เห็นเองแหละ
http://www.enggy.com/awake/awake06.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:26 pm |
  |
ตอนที่ ๗ : ทำไมจึงรู้ตัวได้ยากนัก (สำหรับหลายๆ คน)
ใครบ้างที่อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว แต่ยังไม่เคยรับรู้ด้วยความรู้สึกล้วน ๆ
(ไม่ใช่คิด ๆ หรือจำ ๆ เอา) ต่อปรากฏการณ์ขณะกำลังรับรู้สิ่งใดๆ
ด้วยความรู้สึกตัวตามที่อ่านในตอนที่แล้ว.....ยกมือขึ้น
ใครที่ยกมือขึ้น ต้องอ่านตอนนี้ต่อไป (ใครที่ไม่ยกมือ ก็ข้ามตอนนี้ไปได้เลย)
ใครที่ยกมือขึ้น เอามือลงได้แล้ว
ถามหน่อยเถอะว่า ที่ยกมือนะ
เป็นเพราะเอาแต่อ่าน ยังไม่ได้หัดตามรู้เลยใช่ไหม
ถ้าใช่ก็กลับไปหัดตามรู้มาก่อน อย่าเพิ่งอ่านต่อเลย
เดี๋ยวจะกลายเป็นความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
ส่วนใครที่หัดตามรู้มาแล้วทั้งตั้งนานและไม่นาน
แต่ก็ยังต้องยกมือขึ้นเพราะยังไม่ยักกะเจอะเจอปรากฏการณ์ที่เล่าไว้ในตอนที่ ๖
แล้วก็อย่าเพิ่งท้อเสียล่ะ ของอย่างนี้มันไม่ใช่ของหมูๆ สำหรับทุกคนหรอกนะ
ใครที่เขาทำได้เหมือนของหมู ๆ เราก็ยินดีกับเขาไปเถอะ (จะกัดฟันยินดีก็ได้นะ)
ส่วนเราก็ต้องหัดตามรู้ว่าเผลอไปกันต่อไปเรื่อย ๆ
แต่ไม่ใช่หัดตามรู้ด้วยความอยากเต็มเปี่ยมนะ ให้หัดเหมือนที่เคยบอกไว้ว่า
ตามรู้แบบสบาย ๆ แบบนุ่มนวล แบบหวาน ๆ นั่นแหละ
เอ้า..หัดตามรู้ว่าเผลอไปกันต่อ จนกว่าจะรู้ได้เองว่าเผลอไป
จนกว่าจะแจ้งใจได้เองว่าการรับรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยความรู้สึกตัวนั้นเป็นอย่างไร
http://www.enggy.com/awake/awake07.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:27 pm |
  |
ตอนที่ ๘ : ทำไมจึงรู้ตัวได้ยากนัก (สำหรับหลายๆ คน)
หากใครพอจะทราบชัดแล้วว่า
การรับรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยความรู้สึกตัวเป็นอย่างไร
ก็อย่ามัวรี ๆ รอ ๆ อยู่เลย ให้ตั้งใจขึ้นมาอีกสักครั้งว่า
เราจะตามรู้สิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏให้รับรู้ได้ระหว่างวัน
ด้วยความรู้สึกตัวให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะตามรู้ได้
การตั้งใจเอาไว้อย่างนี้แหละ
ที่จะเป็นแรงส่งให้เราสามารถตามรู้สิ่งต่าง ๆ ระหว่างวันได้บ่อยๆ
แต่อย่าลืมเชียวนะว่า ต้องตามรู้แบบสบายๆ แบบนุ่มนวล แบบหวาน ๆ
ถ้าใครสงสัยใคร่จะถามว่า...แล้วต้องตามรู้อะไรบ้าง
เอ...จะตอบดีไหม
เอางี้ก็แล้วกัน ก่อนตอบก็ช่วยอะไรหน่อย
ช่วยตามรู้ความสงสัยที่ใคร่จะถามหน่อยซิ ตามรู้ทันไหมเอ่ย?
ถ้าไม่ทันก็ช่างมันไปก่อน
อย่าได้ปั้นความสงสัยขึ้นมาใหม่เพื่อจะตามรู้ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว
ทีนี้ก็ตอบคำถามได้แล้วว่า
หากเราไปสนใจใส่ใจจะรับรู้สิ่งใดก็ตาม ก็ให้ตามรู้สิ่งนั้นไป
หรือแม้แต่ไม่สนใจไม่ใส่ใจจะรับรู้สิ่งนั้น แต่จิตใจมันไปรับรู้ของมันเอง
ก็ให้ตามรู้สิ่งนั้นไปโดยไม่ต้องไปกะเกณฑ์หรอกว่า
ฉันจะตามรู้อันนั้น ฉันจะตามรู้อันนี้ หากไปกะเกณฑ์อย่างนี้ละก็
จะกลายเป็นการ ตามดัดจริตรู้ ไม่ใช่ตามรู้หรอกนะ
สิ่งที่ถูกตามรู้ในระหว่างวันก็อย่างเช่น
- เช้าที่อากาศเย็นสบายน่านอน ตื่นแล้ว....อยากนอนต่อจังเลย
ความอยากนอนที่เกิดขึ้นก็สามารถถูกตามรู้ได้
- ตื่นนอน...โอ้ยสายอีกแล้ว ตาลีตาเหลือกวิ่งไปห้องน้ำ
แต่เท้าเจ้ากรรมดันไปเตะเอาขาเก้าอี้เข้าโครมเบ้อเร่อ
แวบนั้นก็รู้สึกโกรธและโวยวายทันทีว่า ใครวะ นั่งแล้วไม่เก็บให้ดี
ความโกรธที่เกิดขึ้นก็สามารถถูกตามรู้ได้เช่นกัน
- เดินออกจากบ้าน...เจอคนที่แอบรักใคร่ชอบพออยู่
แล้วรู้สึกวาบขึ้นมาด้วยความดีใจที่ได้เจอแต่เช้า
ความดีใจที่เกิดขึ้นก็สามารถถูกตามรู้ได้เช่นกัน
http://www.enggy.com/awake/awake08.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:28 pm |
  |
ตอนที่ ๙ : ต้องตามรู้กันมากแค่ไหน
อย่างเช่นที่ยกตัวอย่างเรื่อง ตื่นนอน...
โอ้ยสายอีกแล้ว ตาลีตาเหลือกวิ่งไปห้องน้ำ
แต่เท้าเจ้ากรรมดันไปเตะเอาขาเก้าอี้เข้าโครมเบ้อเร่อ
แวบนั้นก็รู้สึกโกรธทันที ใครวะ นั่งแล้วไม่เก็บให้ดี ....
จากตัวอย่างเรื่องนี้ บางคนถึงกับมองว่า
โห...อย่างนี้ก็ต้องตามรู้ตั้งแต่ลุกขึ้นวิ่ง เท้าก้าววิ่ง เท้าไปเตะเอาเก้าอี้
ความโกรธเกิดขึ้น พูดโวยวายออกมา
เพียงครู่เดียวก็มีสิ่งต่างๆเกิดปรากฏขึ้นตั้งมากมาย
แล้วจะตามรู้ได้ทั้งหมดได้ยังไงกันละเนี่ย
อยากจะบอกจริง ๆ เลยว่า การหัดตามรู้นี้
เราไม่ต้องไปกะเกณฑ์เอาว่าต้องตามรู้มากขนาดไหนหรอก
ใครมีขีดความสามารถแค่ไหนก็ตามรู้ไปแค่นั้น
สิ่งใดที่ยังตามรู้ไม่ได้ตามรู้ไม่ทัน ก็ช่างมันไว้ก่อน
(ตามรู้ได้ทันแค่ไหนก็ตามรู้แค่นั้นไปก่อน)
อย่างเช่นบางคน ไปรู้ทันเอาตอนโน่น ตอนที่โกรธและพูดโวยวายไปแล้ว
ก็ให้ตามรู้ความโกรธไปก่อน
ไม่ต้องไปพยายามตามรู้ให้ได้ตั้งแต่ลุกขึ้นวิ่งหรอก
การพยายามไปตามรู้ให้ได้ตั้งแต่ลุกขึ้นวิ่งทั้ง ๆ ที่ยังตามรู้ไม่ได้
มันเป็นการตามดัดจริตรู้เอา ไม่ใช่ตามรู้หรอกนะ
เอาละ เป็นอันว่าใครตามรู้ได้แค่ไหนก็ให้ตามรู้แค่นั้นกันไปก่อน
แต่ขอให้ตามรู้ไปเรื่อย ๆ ตามรู้ให้บ่อย ๆ แล้วคอยดูซิว่า
เราสามารถตามรู้ได้เร็วขึ้นไหม สามารถตามรู้ได้บ่อยขึ้นไหม
สามารถตามรู้สิ่งที่เกิดปรากฏขึ้นได้มากขึ้นไหม
หากตามรู้ไปเรื่อย ๆ ตามรู้ให้บ่อยๆ แล้วจะเห็นเองว่า
พัฒนาการของการตามรู้นั้น
ไม่ได้เกิดจากการพยายามรู้ให้ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่
แต่เกิดจากการตามรู้ให้บ่อย ๆ เท่าที่จะรู้ได้
แล้วมันก็จะพัฒนาของมันไปเอง
http://www.enggy.com/awake/awake09.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:29 pm |
  |
ตอนที่ ๑๐ : บางวันก็ตามรู้ได้ดี บางวันก็ตามรู้ไม่ได้บ้าง จะทำยังไงดี
การตามรู้มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ
บางวันก็ตามรู้ได้ดี สบายอกสบายใจ รู้สึกดีใจชอบใจที่ตามรู้ได้ดี
แต่พอรุ่งขึ้นอีกวัน ไหงจึงตามรู้แทบไม่ได้เลย รู้สึกตัวแทบไม่ได้เลย
แทบไม่รู้เลยว่าเผลอไปหรือเปล่า
ใครที่เจอแบบนี้ก็ไม่ต้องเสียอกเสียใจ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวลใจหรอกนะ
เพราะใคร ๆ เขาก็เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้นแหละ
ใครเป็นแล้วก็ยอมรับความจริงซะเถิดว่า มันก็เป็นของมันอย่างนี้เอง
ถ้ายอมรับความจริงได้ ไม่นานก็จะกลับมาตามรู้ได้เหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิมซะอีก
แต่ก็มีหลายคนเหมือนกันที่เจออย่างนี้แล้วเสียรังวัดไปซะนาน
เพราะมันดันไปเกิดอยากให้ตามรู้ได้ดีเหมือนเดิม ทีนี้ก็เลยเหมือนคนถูกตีหัวจนมึน
จะทำยังไงๆ จะพลิกแพลงการตามรู้ไปอีกกี่กระบวนท่า
มันก็กลับมาตามรู้ให้ดีเหมือนเดิมไม่ได้
จนเมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่า
อ๋อ..มันก็เป็นอย่างนี้เอง บางวันก็ดี บางวันก็ไม่ดี ตอนนี้ไม่ดีก็ไม่ดี
ถ้าฉุกคิดขึ้นได้อย่างนี้ละก็ เดี๋ยวก็จะกลับมาตามรู้ได้เหมือนเดิมเองแหละ
แล้วก็อดที่จะมานั่งขำตัวเองไม่ได้ว่า...ฮิ ฮิ โง่อยู่ได้ตั้งนาน
สบายใจละซิที่รู้ว่า บางวันก็ตามรู้ได้ดี บางวันก็ไม่ดี บางวันอาจแย่จนตามรู้ไม่ได้เอาเลย
ทีนี้ก็ไม่ต้องไปตามดัดจริตรู้ให้มันดีทุก ๆ วันอีกละ
ตามรู้ไปเรื่อย ๆ เท่าที่จะตามรู้ได้นั่นแหละดีที่สุดเลย
http://www.enggy.com/awake/awake10.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:29 pm |
  |
ตอนที่ ๑๑ : ตามรู้สิ่งต่างๆ ระหว่างวันแล้ว
ไปเห็นปรากฎการณ์บางอย่างของจิตใจ
เอ้า...ใครตามรู้สิ่งต่างๆระหว่างวันแล้ว
เกิดไปเห็นปรากฏการณ์บางอย่างของจิตใจบ้าง ยกมือขึ้น
ใครที่ยกมืออยู่ก็เอาลงได้แล้ว เดี๋ยวจะเมื่อย
คราวนี้เห็นทีต้องปรบมือให้คนที่ยกมือเมื่อตะกี๊สักหลาย ๆ แปะ
เพราะนั่นคือเครื่องชี้บอกว่า
การตามรู้มาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ได้มีการพัฒนาไปมากแล้วนั่นเอง
เอ...ว่าแต่ไปเห็นอะไรเข้าล่ะ
ใช่เห็นว่า ขณะกำลังตามรู้อยู่ รู้สึกเหมือนมีจิตใจบางส่วน
วิ่งออกไปทางตาบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง ลิ้นบ้าง กายบ้าง ใจบ้าง หรือเปล่า?
ใช่เห็นว่า หลังจากที่รู้สึกเหมือนมีจิตใจบางส่วนวิ่งออกไปแล้ว
ความรู้สึกตัวจะหายไป หรือเปล่า?
ใช่เห็นว่า คราใดที่ไม่อาจรับรู้สิ่งต่างๆด้วยความรู้สึกตัว
จะรู้สึกว่าจิตใจเป็นทุกข์ หรือเปล่า?
ถ้าไม่ใช่ก็ขอเอาที่ปรบมือให้คืนด้วย
แล้วก็ให้ตามรู้ไปเรื่อย ๆ ตามรู้ให้บ่อย ๆ ต่อไปอีกจนกว่าจะเห็นอย่างที่ถามไว้
ถ้าใช่ก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะนี่เปรียบเสมือนสัญญาณที่บอกว่า
เราตามรู้มาจนเริ่มเห็นปรากฏการณ์ของจิตใจตัวเองในระหว่างวันได้บ้างแล้ว
นี่แหละที่ทำให้เราพอที่จะเป็นผู้รู้ระหว่างวันได้บ้างแล้ว
แล้วก็พอจะรู้สึกไหมว่า
การเผลอไป หรือการที่ไม่รู้สึกตัว มันก็เหมือนกับการฝันทั้งที่ยังลืมตา
แต่พอรู้สึกตัวขึ้น มันก็เหมือนตื่นออกมาจากความฝันนั้น
นี่แหละที่ทำให้เราพอที่จะเป็นผู้ตื่นระหว่างวันได้บ้างแล้ว
และบางคนก็อาจเคยเห็นว่า ขณะที่ตามรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยความรู้สึกตัวอยู่นั้น
จะรู้สึกเหมือนจิตใจมันแผ่กว้างออก ไม่อึดอัดคับแคบเหมือนตอนที่ไม่รู้ตัว
จะรู้สึกเหมือนจิตใจมันเบาสบาย ร่าเริง เบิกบาน
นี่แหละที่ทำให้เราพอที่จะเป็นผู้เบิกบานระหว่างวันได้บ้างแล้ว
http://www.enggy.com/awake/awake11.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:31 pm |
  |
ตอนที่ ๑๑ : ตามรู้สิ่งต่างๆ ระหว่างวันแล้ว
ไปเห็นปรากฎการณ์บางอย่างของจิตใจ
เอ้า...ใครตามรู้สิ่งต่างๆระหว่างวันแล้ว
เกิดไปเห็นปรากฏการณ์บางอย่างของจิตใจบ้าง ยกมือขึ้น
ใครที่ยกมืออยู่ก็เอาลงได้แล้ว เดี๋ยวจะเมื่อย
คราวนี้เห็นทีต้องปรบมือให้คนที่ยกมือเมื่อตะกี๊สักหลาย ๆ แปะ
เพราะนั่นคือเครื่องชี้บอกว่า
การตามรู้มาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ได้มีการพัฒนาไปมากแล้วนั่นเอง
เอ...ว่าแต่ไปเห็นอะไรเข้าล่ะ
ใช่เห็นว่า ขณะกำลังตามรู้อยู่ รู้สึกเหมือนมีจิตใจบางส่วน
วิ่งออกไปทางตาบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง ลิ้นบ้าง กายบ้าง ใจบ้าง หรือเปล่า?
ใช่เห็นว่า หลังจากที่รู้สึกเหมือนมีจิตใจบางส่วนวิ่งออกไปแล้ว
ความรู้สึกตัวจะหายไป หรือเปล่า?
ใช่เห็นว่า คราใดที่ไม่อาจรับรู้สิ่งต่างๆด้วยความรู้สึกตัว
จะรู้สึกว่าจิตใจเป็นทุกข์ หรือเปล่า?
ถ้าไม่ใช่ก็ขอเอาที่ปรบมือให้คืนด้วย
แล้วก็ให้ตามรู้ไปเรื่อย ๆ ตามรู้ให้บ่อย ๆ ต่อไปอีกจนกว่าจะเห็นอย่างที่ถามไว้
ถ้าใช่ก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะนี่เปรียบเสมือนสัญญาณที่บอกว่า
เราตามรู้มาจนเริ่มเห็นปรากฏการณ์ของจิตใจตัวเองในระหว่างวันได้บ้างแล้ว
นี่แหละที่ทำให้เราพอที่จะเป็นผู้รู้ระหว่างวันได้บ้างแล้ว
แล้วก็พอจะรู้สึกไหมว่า
การเผลอไป หรือการที่ไม่รู้สึกตัว มันก็เหมือนกับการฝันทั้งที่ยังลืมตา
แต่พอรู้สึกตัวขึ้น มันก็เหมือนตื่นออกมาจากความฝันนั้น
นี่แหละที่ทำให้เราพอที่จะเป็นผู้ตื่นระหว่างวันได้บ้างแล้ว
และบางคนก็อาจเคยเห็นว่า ขณะที่ตามรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยความรู้สึกตัวอยู่นั้น
จะรู้สึกเหมือนจิตใจมันแผ่กว้างออก ไม่อึดอัดคับแคบเหมือนตอนที่ไม่รู้ตัว
จะรู้สึกเหมือนจิตใจมันเบาสบาย ร่าเริง เบิกบาน
นี่แหละที่ทำให้เราพอที่จะเป็นผู้เบิกบานระหว่างวันได้บ้างแล้ว
http://www.enggy.com/awake/awake11.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:33 pm |
  |
ตอนที่ ๑๒ : ตามรู้ไปเรื่อยๆ ตามรู้ไปให้บ่อยๆ ต่อไปอีก เพื่อให้เห็นความจริง
หลังจากตามรู้มาจนถึงตอนนี้ ก็ให้ลองสังเกตดูด้วยความรู้สึกตัวซิว่า
สิ่งต่างๆ ทั้งภายนอกตัวเรา ทั้งภายในตัวเรา ทั้งร่างกาย ทั้งจิตใจทั้ง ความรู้สึกต่างๆ นั้น
มันมีความอยู่ยงคงกระพัน เกิดแล้วไม่เสื่อมไม่หายไปบ้างหรือเปล่า มันเปลี่ยนแปลงได้หรือเปล่า
พอจะเห็นใช่ไหมว่า สิ่งต่างๆนั้น มันเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
มีการเกิดขึ้นมา มีการปรากฏอยู่ แล้วสุดท้ายก็มีการเสื่อมหายไป
แล้วก็ลองสังเกตดูด้วยความรู้สึกตัวอีกนิดนึงว่า
สิ่งต่าง ๆ ทั้งภายนอกตัวเรา ทั้งภายในตัวเรา ทั้งร่างกาย ทั้งจิตใจ ทั้งความรู้สึกต่าง ๆ นั้น
เราสามารถสั่งให้มันเป็นอย่างใจนึกต้องการให้เป็นได้หรือไม่
พอจะเห็นใช่ไหมว่า สิ่งต่าง ๆ นั้น เราไม่สามารถสั่งให้มันเป็นอย่างใจนึกต้องการให้เป็นได้เลย
เช่น ปวดหัวอยู่ก็ลองสั่งดูซิว่า เอ้าจงหายปวดเดี๋ยวนี้เลยนะ
ผลที่จะได้คือไม่หายหรอก ถ้าจะให้หายก็ต้องไปกินยาแก้ปวดเอา สั่งเอาไม่ได้หรอก
หรือหากกำลังเศร้าเสียใจ กลุ้มอกกลุ้มใจอยู่ ก็ลองสั่งดูซิว่า เอ้าจงหายเศร้าหายกลุ้มใจเดี๋ยวนี้เลยนะ
ผลที่จะได้ก็คือไม่หายอีกเหมือนกัน ถ้าจะให้หายก็ต้องไปทำอย่างอื่น
จนกว่าจิตใจมันจะลืมเรื่องเศร้า ๆ เรื่องกลุ้ม ๆ ไปได้
นี่แหละหนาคือความจริงของสิ่งต่างๆ
ใครที่เห็นความจริง ยอมรับความจริงของสิ่งต่าง ๆ ในระหว่างวันได้ด้วยความรู้สึกตัวละก็
ความเป็นผู้รู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวัน ก็จะเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกว่า.....(ขออุบไว้สักเดี๋ยวก่อนแล้วกัน)
http://www.enggy.com/awake/awake12.html
|
|
|
|
   |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2005, 10:34 pm |
  |
ตอนที่ ๑๓ : จะให้ตามรู้ไปถึงไหน
ตามรู้มาจนเหนื่อยจนล้ากันบ้างหรือยังล่ะ
ถ้าเหนื่อยนักล้านัก ก็พักซะบ้างนะ
ขนาดเครื่องจักรเครื่องยนต์ก็ยังต้องพักเลย เราก็ต้องพักเหมือนกัน
แต่อย่าพักกันจนขี้เกียจตามรู้ไปเสียล่ะ
ไม่งั้นก็จะกลับไปเป็นผู้ไม่รู้-ผู้หลับ-ผู้อึดอัดคับแคบใจระหว่างวันกันอีก
พักกันแต่พอสมควรนะ หายเหนื่อยหายล้าแล้วก็ตามรู้ต่อไปเรื่อย ๆ ตามรู้ให้บ่อย ๆ กันต่อไปอีก
เอ....แล้วจะนึก ๆ กันบ้างไหมว่า จะให้ตามรู้กันไปถึงไหน
(ขอบอกที่อุบเอาไว้ตรงท้าย ๆ ตอนที่แล้ว ในตอนนี้ด้วยเลยว่า)
จะบอกให้ก็ได้ว่า ก็ตามรู้กันไปเรื่อย ๆ จนกว่า....จนกว่าอะไรดีน้า
อ๋อ....จนกว่าความเป็นผู้รู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวัน เติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ
จนเป็นผู้รู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวันได้ตลอดเวลา
จนแม้ไม่ต้องตามรู้ มันก็รู้-ตื่น-เบิกบานระหว่างวันได้ตลอดเวลานั่นเอง
สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา
มีนาคม ๒๕๔๗
http://www.enggy.com/awake/awake13.html
 |
|
|
|
   |
 |
|