การปฏิบัติธรรม ให้รู้ธรรม

ตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2005, 5:40 pm

เรียนญาติธรรมทุกท่านครับ ผมขอเรียนถามธรรมครับ ผมศึกษาในแนวทางคำสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาน้อย ปัจจุบัน ประพฤติ-ปฏิบัติตน นั่งสมาธิ กำหนดรู้ ตามสภาวะของอารมภ์ จะปฏิบัติไม่ได้ตลอดเวลามากนัก เพราะอาชีพการงานบางครั่งต้อง เอาใจไปติดยึดกับงานอยู่ พอจะมีสมาธิบ้างก็ต้องกลับมาทำที่บ้านบ้าง ไปที่วัดข้างบ้านบ้าง แต่จิตลึกๆตอนนี้ รู้สึกมีความสงบมากกว่าแต่ก่อน ขอเรียนถามธรรมครับ แล้วปัญหาต่างๆ สิ่งต่างๆ ที่เป็นเหมือน ภาพๆหนึ่ง ย้อนกลับมาให้เราเห็นอีก สิ่งนี้คืออะไรครับ

ตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2005, 7:43 pm

กราบสวัสดีคุณ นัทธี จริโมภาส

การนั่งสมาธิ กำหนดรู้ตามสภาวะอารมณ์ ไม่จำเป็นต้องนั่งหลับตาเสมอไป และปฏิบัติได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งอิริยาบทในการทำงาน หรือทำงานบ้าน เดินไปวัดก็ยังเจริญสติได้ ทีนี้การเจริญสติให้เป็นวิปัสสนาที่แท้จริง ต้องอาศัยการฟังจากครูบาอาจารย์ให้เข้าใจ พร้อมทั้งลงมือปฏิบัติให้รู้ตามสภาวะอารมณ์ขณะปัจจุบันในอิริยาบทนั้นๆ จึงจะเป็นวิปัสสนาที่แท้

ปัญหามีอยู่ว่า ภาพอะไรที่ย้อนกลับมาให้เห็น กรุณาอธิบายด้วย หากคุณปฏิบัติสมถะควบกับวิปัสสนาซึ่งยังไม่คล่องนัก เป็นธรรมดาในบางครั้งจะทำให้คุณเห็นนิมิตหรือภาพต่างๆผุดขึ้นได้ แต่ภาพนั้นคืออะไร....กรุณาอธิบาย....

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา

ผู้เยี่ยมชม

เรียนคุณ ปุ๋ย และ ญาติธรรมทุกท่านครับ ผมขอเรียนถามในส่วนธรรมเพิ่มครับ ผมปฏิบัติ ธรรม เพื่อแก้กรรมที่เคยทำมา ทั้งที่มีเจตนา และไม่มีเจตนา ทั้งที่รู้ และ ไม่รู้ ทุกคนมีกรรมมา มาก-น้อย ต่างกัน ณ ขณะนี้ เพียรประพฤติ-ปฏิบัติ รักษาสติ ควบคู่กับชีวิตประจำวัน ไม่ให้ เกิดความทุกข์ มากนัก ภาพที่เกิดขึ้นกับผม ไม่ใช้นิมิต เหมือนเราย้อนดูวีดีโอ กลับมาภาพนั้นจะกลับมาอีกครั้ง เพียงแต่สงสัยว่ามาได้อย่างไร แต่จิตผมไม่สนใจในส่วนนี้มาก ผมเพียงอยากรู้ แนวทางการปฏิบัติ ให้มากขึ้นครับ

ตอบเมื่อ: 22 ส.ค. 2005, 8:08 pm

...ครับผม...ปฏิบัติไปครับผม...รู้ก็สักแต่ว่ารู้ครับผม...เห็นก็สักแต่ว่าเห็นครับผม...ปฏิบัติแล้วให้เกิดปัญญานะครับผม...แยกแยะผิดชอบชั่วดีให้ออกนะครับผม ตราบใดที่ยังมีชีวิตเป็นมนุษย์อยู่และยังคงปฏิบัติอยู่อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ วันหนึ่งปัญญาก็จะน้อมนำเข้าพิจารณาเองว่า ภาพที่ปรากฎเหมือนย้อนดูวีดีโอโดยไม่ต้องซื้อหามานั้น มันมาจากสัญญากรรมทั้งดีและชั่วอย่างไร

พิจารณาให้ดี น้อมได้ระลึกได้ สัญญานั้นก็ดับไปได้เช่นกัน มีให้ดูก็ดู ไม่มีให้ดูก็ไม่ต้องไปปรุงแต่งขึ้นมาดู ดูแล้วก็อย่าไปติดอยากจะรู้ อยากจะดูต่อไปอีก เห็นแล้วก็เฉยไว้ แนวทางปฏิบัติก็ปฏิบัติต่อไป ก็เท่านั้น ให้มันสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เดวก็คล่องเอง ไม่มีอะไรในหน่อไม้นอกจากกอไผ่ และไม่มีอะไรในกอไผ่นอกจากหน่อไม้...นะจ๊ะ...

มณี ปัทมะ ตารา

ผู้เยี่ยมชม

ภาพที่เกิดขึ้น...คือข้อมูล คือรหัสสัญญา หรือคือกรรม ที่บันทึกไว้ในสมองเรา และในจิตเรา ซึ่งถูก"กระตุ้นและปลดปล่อย"ออกมาให้เราได้รับรู้ บางกรณีก็เป็นเสียงให้ได้ยิน บางกรณีก็เป็นกลิ่น เป็นความรู้สึก เป็นอาการต่างๆออกมาได้หลายรูปแบบ ภาวะเช่นนี้ผู้รู้บางท่านเรียกว่า เป็นภาวะจิตเหนือสำนึก เป็นอาการที่เรามีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ภาพหรือการรับรู้ขณะนั้นซึ่งโดยที่เรามิได้คิด ไม่ได้จินตนาการใด คล้ายกับผุดขึ้นมาหรือเกิดขึ้นมาให้รับรู้เอง อาการลักษณะนี้สภาวะจิตตกอยู่ในภาวะความว่างในระดับหนึ่ง...

เมื่อข้อมูล หรือรหัสสัญญา หรือกรรม ถูกกระตุ้นและปลดปล่อยออกมาแล้ว ด้วยสติสัมปชัญญะของเราในขณะนั้น เราสามารถเลือกที่จะเก็บไว้อย่างเดิม หรือจะปลดปล่อยไปได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาโดยใช้ปัญญาทางธรรมของผู้นั้นเอง...

สิ่งใดที่ยึดมั่นถือมั่นได้ สิ่งใดที่ล้วนปรุงแต่งขึ้นมา สิ่งใดที่จีรังยั่งยืน สิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน...ร่างกายเราหรือ อารมณ์ความรู้สึกเราหรือ ความคิดเราหรือ กรรมของเราหรือ หรือว่าธรรมะหรือ...หรือสิ่งใดๆล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ล้วนเกิดขึ้น ดำรงอยู่ แล้วก็ดับสลายไป เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา...

ตอบเมื่อ: 27 ส.ค. 2005, 2:04 pm

ขอบพระคุณมากครับในความหมายแห่งธรรมที่ท่านได้มอบให้ คำตอบในส่วนธรรมของท่านทั้งหลายบางส่วน เป็นเครื่องกระตุ้น ให้เราได้คิด ได้เข้าใจในความหมายของธรรม ได้ดีมาก แม้เรายังไม่อาจจะก้าวเดินไปให้ถึงทางธรรม ที่บริสุทธิ์ แต่ความรู้ในธรรมเหล่านี้สามารถช่วยเตือน สติ ให้อยู่กับเราตัวของเราได้ ขอบพระคุณทุกท่านครับ ขอความเจริญในธรรม มีแด่ทุกๆท่านครับ