|
|
|
 |
ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
s_venom
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
01 ส.ค. 2005, 12:05 am |
  |
ตอนนี้ คืบหน้าไปมากครับ เอาไว้ได้ลายละเอียดมาผมจะมาบอกให้หน่ะฮะ
แต่บอกสั้นๆก่อน เจอเรื่องเต็มๆ
ย่อๆ สุดๆ
ว่ากันว่า มิติรอบด้านมีมากกว่า 6 มิติ คนเราเห็นมิติได้แค่ 3 เท่านั้น
หมายความว่า วิญาณ คงอยู่ตามทฤษดี ห่วงยางนะครับ มี ขยายได้หดได้ 1 ขยายเป็น สอง สาม ไปจนเป็นร้อยๆคล้ายการ ยืดออก และมันก็หดเข้าจากร้อยเป็นหนึ่งได้
วิญาณอาศัยที่มิติ ที่ 5 ครับเราถึงไม่เห็นเขา
วิญาณ ยืดขยาย แบบ สปริง 1 จิตเป็นสอง สาท สี่ ไปเรื่อยๆ หลายจิต ได้ นี่จึงหมายความว่าเขาไปเกิดได้เป็นหลายคน เข้ากับข้อสรุปที่ว่าทุกวันนี้คนเยอะขึ้นเอาวิยาณที่ไหนมาเกิด ก็สรุปว่า ตามที่ผมบอกนี่ละ ในทฤษดีนี้บอกได้อีกว่า วิยาณ ที่แตกตัวไปเกิดเป็นอีกคนอาจรับบาปจากวิญาณในดวงเดียวกันที่เป็นเกิดเป็นคนละคนได้นะครับ
หมายความว่า
xxx คือวิญาณฯ 1 ดวงที่แบ่งออกเป็น 2 คือ
xxx และ xxx-2
นาย a วิญาณ ชื่อ xxx ทำชั่วทั้งชาติแต่ได้ดิบได้ดี
ผลมาจากวิญาณ xxx รับผลบุญจากชาติที่แล้วของ
xxx เองครับ
นาย b วิญาณ ชื่อ xxx-2
ทำดีตลอดเป็นคนดีมากแต่ชีวิตลำบากสุดๆ
ผลมาจากวิญาณ xxx 2 เกิดมารับผลกรรมของ xxx ใน ชาติที่ แล้วนะครับ
 |
|
|
|
|
 |
ckid
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
01 ส.ค. 2005, 5:13 am |
  |
|
|
 |
b_smooka
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
01 ส.ค. 2005, 10:59 pm |
  |
ใช่ๆ  |
|
|
|
|
 |
ออ.
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ส.ค. 2005, 3:03 pm |
  |
กำลังคิดในเรื่องอจิณไตย ไม่สมควรคิดครับ |
|
|
|
|
 |
b_smooka
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ส.ค. 2005, 10:43 pm |
  |
อ้าวนี้ละถูกต้อง |
|
|
|
|
 |
นายประแจ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ส.ค. 2005, 11:10 pm |
  |
ตายแล้วเกิดมีจริงหรือไม่ ..... ไม่เห็นเกี่ยวกับการไปสู่นิพพานตรงไหน |
|
|
|
|
 |
ckid
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
07 ส.ค. 2005, 3:40 am |
  |
นิพพาน คงยากเอาแค่เกิดใหม่ก็พอแล้วละ  |
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
07 ส.ค. 2005, 7:42 pm |
  |
ตายแล้วเกิดมีจริงหรือไม่ เกี่ยวข้องกับการไปนิพพานอย่างยิ่งครับ เพราะถ้าเกิดชาติเดียวตายชาติเดียว แล้วสูญไปเลย ก็ไม่จำเป็นที่คนจะต้องไปนิพพาน ในเมื่อใช้ชีวิตแบบเสพสุขไม่สิ้น ตายแล้วก็สูญจบกัน หรือ ถ้าโชดดีเกิดเป็นผู้มีอิทธิพลรวยมาก ก็เข่นฆ่า เบียดเบียนไปทั่ว แต่ไม่มีปัญหา ตายแล้วสูญกัน เหมือนไปนิพพานอยู่ดี
ดังนั้น ถ้าตายแล้วสูญ นิพพานจะเกิดขึ้นไม่ได้โดยเด็ดขาดครับ |
|
|
|
|
 |
นายประแจ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ส.ค. 2005, 1:04 am |
  |
การที่เราไปมัวจดจ่อ มัวไปพิสูจน์ ว่าตายแล้วเกิดมันมีจริงไหม มันไม่ได้ช่วยให้เราพ้นทุกข์ ผมจึงบอกว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับหนทางไปสู่นิพพาน
เรียนคุณเกียรติ คนเราเกิดชาติเดียวตายแล้วสูญ หรือตายแล้วเกิดใหม่ได้ คนเราก็เกิดมาพร้อมกับความทุกข์เหมือนกันครับ การแสวงหาหนทางดับทุกข์เป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหา
....คนเราควรทำบุญเพื่อผลบุญจะช่วยให้เราพ้นทุกข์ในชาตินี้ครับ อย่าไปคิดถึงชาติหน้าที่จะมีจริงหรือไม่ก็ไม่รู้
คนที่เกิดมามีอิทธิพลร่ำรวย ก็ไม่ได้เรียกว่าโชคดีหรอกครับ เพราะเขาก็มีความทุกข์อยู่เช่นเดียวกับทุกคนไม่ว่ารวยหรือจน เรียกว่าความเท่าเทียมกันในการร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ตายแล้วสูญจริงหรือไม่จริงก็แล้วแต่...... นิพพานก็ได้เกิดขึ้นแล้วครับ |
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
10 ส.ค. 2005, 8:47 am |
  |
ไม่เป็นไรครับ ไม่สนใจเรื่องตายแล้วเกิดก็ได้ ผมมั่นใจว่า ถ้าตั้งใจปฏิบัติตัวเพื่อไปนิพพานไปเรื่อยๆ สภาวะธรรมในใจจะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ พอถึงจุดจุดหนึ่ง จะเข้าใจทุกอย่างได้เอง หรือ ถึงแม้จะยังไม่ไปถึงจุดนั้น แต่ถึงคราวต้องหมดอายุขัยเสียก่อน ก็จะเชื่อได้เองว่า ชาติหน้ามีจริง เหตุผลก็เพราะ พอถึงตอนนั้น อ้าวฉันจะหมดอายุขัยแล้วหรือนี่ ฉันยังไม่ถึงสภาวะนิพพานเลย ถ้าตายแล้วสูญก็ไม่ใช่นิพพานสิ แสดงว่า ตายแล้วยังต้องเกิด เพื่อฉันจะได้ไปทำต่อ เมื่อหมดทุกข์แท้จริงเมื่อไหร่จึงจะเรียกว่านิพพาน มันจะเข้าใจได้เองแหละครับ ด้วยการปฏิบัติ
มีวิธีตรวจสอบนิพพานได้ง่ายๆ วิธีหนึ่งเหมือนกันครับ คือ มีผู้หญิงคนหนึ่ง ไปบอกพระอาจารย์โต (ผมคิดว่าจำไม่ผิด ว่าเป็นพระอาจารย์โต ถ้าผิดขออภัย) ว่า "ท่านเจ้าคะ จากการปฏิบัติมาพอสมควร อีฉันมั่นใจว่า อีฉันบรรลุเป็นพระโสดาบันแล้วเจ้าค่ะ"
พระอาจารย์บอกว่า "งั้นเหรอ พระโสดาบัน ก็ดีกว่าหมาหน่อยนึง"
ผู้หญิง "เอ๊ะท่านมาว่า อีฉันเป็นหมา ได้อย่างไรเจ้าคะ"
พระอาจารย์ "พระโสดาบัน ละเรื่องถือเขาถือเราได้แล้ว นี่ว่าเป็นหมาหน่อยก็โกรธ เธอยังไม่ใช่พระโสดาบันหรอก" |
|
|
|
|
 |
คนจร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
20 ส.ค. 2005, 1:51 pm |
  |
สรุปไปทำไมครับ จะตายจะเกิดก็ธรรมดา ไม่เห็นจะไปสรุปทำไม ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เป็นเรื่องที่รู้โดยพื้นๆแค่นั้น ไม่ได้ยากอะไรในการจะรู้เรื่องแบบนี้ |
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
20 ส.ค. 2005, 2:22 pm |
  |
ตอบคุณคนจร ถ้าเราต้องการมีคุณสมบัติของ ปัญญา และบริสุทธิ์ ไปเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า (รู้เอง แต่ไม่สอนใคร) หรือ เป็นพระอรหันต์ ที่รู้ตามผู้รู้แต่ไม่สอนใคร ก็ไม่ต้องสรุปก่อนหรอกครับ เพราะพอถึงสภาวะธรรมของตนก็รู้ได้เอง
แต่ถ้าต้องการมีคุณสมบัติของ ปัญญา บริสุทธิ์ กรุณา ไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (รู้เอง แล้วสอน) หรือ เป็นพระอรหนต์ ที่ช่วยพระพุทธเจ้าสอน อย่างนี้ต้องได้ข้อสรุป เพื่อไปช่วยแนะนำผู้อื่นครับ
เพราะในบรรดา คนทั้งโลก 6 พันล้านคน คนที่ไม่เชื่อว่า ตายแล้วเกิด มีถึง 5 พัน 9 ร้อยกว่า ล้านคน เลยทีเดียว เนื่องจาก
1. เชื่อว่า เกิดชาติเดียวตายชาติเดียว ไปรอการพิพากษาจากผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์เลย ได้แก่ พวกนับถือ ศาสนาเทวนิยมทั้งหลาย
2. เชื่อว่า ตายแล้วสูญ ว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ยังพิสูจน์เรื่องวิญญานไม่ได้
ดังนั้น เมื่อผู้ใดรู้แนวคำสอนที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้า แล้วใจเปี่ยมด้วยกรุณา เขาจึงต้องหาทางบอกให้คนส่วนใหญ่รู้น่ะครับ
|
|
|
|
|
 |
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
| | |