Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ถามเรื่อง วิปัสนากรรมฐาน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
อลงกรณ์
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 13 ก.ค. 2005
ตอบ: 6
ตอบเมื่อ: 20 ก.ค.2005, 9:42 am
อยากถามว่า ถ้าไม่ได้บวช ยังใช้ชีวิตประจำวันแบบชาวบ้านทั่ว ๆ ไปสามารถปฏิบัติได้จนจิตเข้าถึงขั้นวิปัสนาได้หรือไม่ ยากลำบากแค่ไหน และอานิสงค์ของการวิปัสนาเป็นเช่นไร
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 20 ก.ค.2005, 12:22 pm
ตัวอย่างในสมัยพุทธกาล ก็เช่น ท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี หรือ มหาอุบาสิกาวิสาขาไงล่ะครับ
ปุ๋ย
บัวเงิน
เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2005, 12:16 pm
ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ถ้าไม่ได้บวช และยังใช้ชีวิตประจำวันอย่างชาวบ้านทั่วไป ก็สามารถปฏิบัติจนจิตเข้าถึงได้ ไม่ว่าภูมิธรรมระดับไหน ไม่ได้เป็นเรื่องยากลำบาก หากแต่คอยหาข้อแก้ตัวให้ตนเองอยู่ร่ำไปเท่านั้นเอง
หากตั้งใจ และมีความตั้งมั่นที่จะเพียรพยายามอย่างแท้จริง ไม่มีคำว่าหญิงว่าชาย ไม่มีคำว่าบรรพชิตหรือฆราวาส ไม่มีข้อแม้ในเรื่องเครื่องห่มแต่อย่างใด ไม่มีข้อแม้ว่าจะต้องอยู่ในสถานที่ใด ไม่มีข้อแม้ว่าจะต้องกำหนดเวลาใด ไม่มีข้อแม้ว่ายากดีมีจน หรือจะร่ำรวยล้นฟ้ามหาศาลอย่างไร และไม่มีข้อแม้ว่าจะสำเร็จธรรมขั้นสูงได้ต้องมีปริญญาทางโลกมารับรองห้อยคอ สิ่งเหล่านี้ไม่มีความหมายต่อท่านผู้ปฎิบัติธรรมอย่างจริงจังแม้แต่น้อย
อานิสงส์ของการเจริญวิปัสสนาคือ เข้าถึงอภิญญาที่เรียกว่า อาสวขยญาณ คือ ญาณที่ตัดอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นไป เมื่อถึงที่สุดก็จะตัดกิเลสขาดสิ้น ตัดไปถึงอนุสัยกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในขันธสันดานเป็นสมุจเฉทประหาร
ธรรมะสวัสดี
มณี ปัทมะ ตารา
อลงกรณ์
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 13 ก.ค. 2005
ตอบ: 6
ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2005, 1:17 pm
วิปัสนา ก็เป็นสิ่งที่มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เพียงแต่ว่า อาจจะเกิดขึ้นได้ยาก และดับได้ง่าย ในสิ่งแวดล้อมแบบโลก ๆ ทำให้หวั่นใจในการปฏิบัติ แต่จะขอเริ่มเข้าพรรษานี้เลย
ความคิดเห็นที่สี่
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2005, 4:36 pm
เห็นด้วยว่าคนธรรมดาสามารถปฏิบัติได้เช่นกันครับ แต่สิ่งที่ยากน่าจะคือการเข้าถึงสภาพความเป็นจริงอันเป็นการรับรู้ด้วยจิต ไม่ใช่เพียงการรับรู้เข้าใจด้วยเพียงความคิดตามเหตผล ตัวอย่างคำว่า สติ หากเราคิดตามคำสอนจะดูง่ายแต่ทางปฏิบัตินั้นยากเพราะผู้ปฏิบัติต้องรู้สึกถึงความมีอยู่ของมันในปัจจุบันในตัวเราที่ชัดเจนจริงจริง หากแรงมากมากจะเห็นสภาพอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นต่อความรู้สึกไม่ใช่เพียงการไม่พลั้งเผลอเหมือนที่เราใช้พูดคุยกันทั่วไป ทั้งสภาพจริงของสิ่งที่เห็นได้ยินการรับรู้ประสาทสัมผัสต่างต่าง รวมไปถึงสภาพจริงของนามธรรมเช่น เวทนา อารมณ์ ซึ่งแต่ก่อนผมคิดแบบธรรมดาจึงคิดว่าไม่มีอยู่อย่างดีก็แค่อาการที่ปรากฏทางกายเช่น โกรธหน้าแดงหายใจเร็ว ปิติขนลุกน้ำตาไหล แต่พอลองศึกษาค้นคว้าดูกลับกลายเป็นว่าทุกนามธรรมที่ผมคิดมีสภาพจริงของมันอยู่และรับรู้ได้ด้วยจิตจริงจริงเท่านั้น ดังนั้นการได้รับรู้ทางความคิดว่า มีการเกิด ตั้งอยู่ ดับไป สำหรับผมกลายเป็นว่าไม่ใช่ประโยชน์ความรู้ในการปฏิบัติเลย เพราะไม่ได้หมายถึงว่าจิตเราได้รับรู้สภาพจริงของสิ่งเหล่านั้นจริงจริง และสิ่งเหล่านี้ก็อยู่กับตัวเราตลอดเวลาเสียด้วย จึงเห็นด้วยกับการปฏิบัติที่สามารถทำในชีวิตประจำวันได้ดีกว่านั่งสมาธิเสียอีกครับ สำหรับอานิสงฆ์ผมไม่ทราบเหมือนกันลักษณะสภาพจริงที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นอย่างไร แต่ที่น่าจะสังเกตได้ง่ายที่สุดคือความรู้สึกของการปล่อยวางต่อสิ่งต่างต่างในชีวิตประจำวันจะมีมากขึ้น บ้างครั้งเหตการณ์ภายนอกเดิมเดิมจำได้ว่าเราเคยตื่นเต้นประหม่าทุกครั้งที่มันเกิดแต่พอปฏิบัติกลับกลายเป็นเราเห็นความรู้สึกนั้นระหว่างที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาจนอาการทางกายที่เคยปรากฏเวลาประหม่าตื่นเต้นที่เคยเป็นก็หายไป จึงมีความคิดเห็นว่าเป็นแนวทางที่ทำให้คนหลุดจากทุกข์ได้จริงและสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาที่ผู้สำเร็จต้องการด้วยครับ หากใครฝึกจนสำเร็จเห็นผลในขั้นสูงสูงผมก็อยากได้ยินประสบการณ์ผู้ปฏิบัติหลายหลายท่านเหล่านั้นเล่าให้ฟังตรงตรงด้วยเช่นกันครับ
เขม
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 22 ก.ค.2005, 11:25 am
พระตถาคตจะอุบัติขึ้นมาในโลกหรือไม่ก็ตาม ไตรลักษณ์ (สัจจะ) มีอยู่แล้ว โดยธรรมดาของมัน
พระตถาคตได้ตรัสรู้ความจริงแล้วนำมาแสดงเปิดเผย กระทำให้ตื้น เหมือนหงายของที่คว่ำฉะนั้น ฯลฯ
ก่อนพุทธเกาลชาวโลกยังยึดมั่นว่า รูปนามเป็นตัวตนเราเขา เราคิดเราเจ็บ เราเป็นทุกข์ เป็นต้น
พระพุทธเจ้าตรัสว่า นั่นเพราะเรายังไม่เห็นความจริง (อริยสัจ) จึงยึดไว้อย่างนั้น คิดอย่างนั้น
อาการที่เห็นตามเป็นจริงนั้นแหละเรียกว่า วิปัสสนา (วิ+ปัสส+ยุ=อน=นา) วิปัสสนา คือการเห็นแจ้งในรูปนาม ตามเป็นจริง
อานิสงส์ของการปฏิบัติวิปัสสนา พูดโดยสรุปว่า ท่านว่า อ่านตัวเองออก บอกตัวเองได้ ใช้ตนเองเป็น
ใช้ชีวิตโดยมีทุกข์น้อยที่สุด และหาความสุขได้โดยไม่ต้องมีเหยื่อล่อ ฯลฯ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th