สาเหตุที่ทำให้อินทรีย์ 5 พละ 5 สมบูรณ์บริบูรณ์พร้อม

ตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2005, 9:33 am

ในโพธิปักขิยธรรม ผู้ที่จะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ จะต้องมีอินทรีย์ที่พร้อม ทั้ง กายและใจ จึงต้องการรู้ว่าจะทำได้อย่างไร

ผู้เยี่ยมชม

สำหรับผมชอบที่จะทำตาม วุฒิธรรม 4 ประการ คือ ธรรมะแห่งความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป (จนบรรลุเป้าหมายสูงสุด) ได้แก่

1. แสวงหาครูดี

2. ฟังคำครู

3. ตรองตามคำครู

4. ปฏิบัติตามคำครู

ถ้าทำได้ 4 ประการนี้ เราจะเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นเลยครับ หรือ ถ้าจะเอาให้ละเอียดกว่านั้น ก็ขยายมาเป็นมงคลชีวิต 38 ประการ ซึ่ง 3 ข้อแรก ไม่คบคนพาล คบบัณฑิต บูชาบุคคลที่ควรบูชา ก็จะเหมือนกับ แสวงหาครูดี เลยล่ะครับ

ผู้เยี่ยมชม

ขอขอบคุณผู้ดูแลระบบที่ให้ธรรมบทนี้มาให้ โดยความเป็นจริงแล้วธรรมบทนี้อยู่ในจิตในใจผมตลอดเวลาครับ

เพื่อเข้าถึงธรรมชาติ จึงใช้ อิทธิบาท 4 ฉันทะ / วิริยะ / จิตตะ / วิมังสา เจริญให้มากๆ ขณะนี้ก็ทำอยู่ครับ ใช่แล้วครับ ควรเจริญอิทธิบาท 4 ให้มากๆ เป็นคำตอบที่ดีทีสุดแล้วครับ ณ ปัจจุบันนี้

ตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2005, 10:51 am

การศึกษาธรรมะให้เข้าใจ จนกระทั่งเกิดปัญญาในขั้นที่สามารถดับกิเลสได้นั้น คงไม่ใช่เรื่องของการทำ หรือจะทำอย่างไร เพราะนั่นหมายความว่า ยังมีความเป็นตัวเป็นตนที่จะเข้าไปทำ ต้องทำ เกิดความยึดติดอีก สภาพธรรมะทั้งหมดทั้งสิ้น เกิดขึ้น ไม่มีใครสามารถไปบังคับยับยั้งได้เลย ทั้ง รัก โกรธ เกลียด พอใจ ไม่พอใจ สารพัดตามที่แต่ละคนได้สะสมมา หนทางที่คิดว่าจะสามารถสร้างให้อินทรีย์แก่กล้าได้ ในขั้นแรกขอแนะนำสหายธรรมให้หมั่นฟังธรรมะจากท่านผู้รู้ ฟังให้เข้าใจ โดยเฉพาะในส่วนของปรมัตถธรรม ที่กล่าวถึงสภาพธรรมะแต่ละอย่างละเอียดมาก ข้อนี้จะทำให้เราระลึกถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิ์คุณ และพระมหากรุณาคุณของพระพุทธเจ้าด้วย เพราะมันยากมาก แต่พระองค์ก็ยังทรงเมตตาเพียรที่จะสั่งสอน โดยไม่มีผู้ใดจะเปรียบได้อีกแล้ว เมื่อฟังพระธรรม จะทำให้เกิดสติระลึกสภาพธรรมะตามความเป็นจริง ตามกำลังการสะสม ปัญญาไม่สามารถทำให้เกิดได้ด้วยความเป็นตัวตน แต่ปัญญาจะเกิดขึ้นเมื่อมีเหตุปัจจัยสะสมพร้อม ฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงว่าเมื่อไรจะมีปัญญาในขั้นที่สามารถดับกิเลสได้ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามเหตุและปัจจัยคะ

และการอบรมขัดเกลาจิตใจ และมีปัญญาในขั้นที่สามารถดับกิเลสได้นั้น ต้องให้ระยะเวลานานมากเป็นแสนโกฏิกัปล์ นานจนไม่สามารถประมาณเป็นตัวเลขพอให้เห็นความยาวนานได้ แต่ก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ ในอดีตพุทธสาวกทั้งหลาย หรือแม้แต่พระพุทธองค์เองก็ต้องค่อยๆสั่งสม อบรม ความเข้าใจมาทีละเล็กทีละน้อย เคยเกิดเป็นคนสัตว์ ทั้งอย่างสูงอย่างกลาง และอย่างต่ำมาแล้วทั้งนั้น ผู้สนใจใฝ่ธรรมก็เป็นเช่นเดียวกัน ต้องค่อยสะสมทีละเล็กทีละน้อย รุ่งเองก็เพิ่งได้มีโอกาสศึกษาบ้าง ในขั้นของการฟัง ฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจ เมื่อก่อนก็เน้นการปฏิบัติมาก ต่อมาก็รู้สึกว่า ที่ผ่านมาเรายังไม่เข้าใจในสภาพธรรมะอะไรเลย มีความเป็นตัวเป็นตนที่อยากจะปฏิบัติ รู้สึกว่ามันจะไม่ตรงทางที่จะทำให้เกิดปัญญาอย่างแท้จริง ก็เลยกลับมาศึกษาแนวใหม่โดยการอ่าน การฟังเรื่อยๆ ตามที่ทำได้ ไม่เคร่งเครียด ไม่หวังผล เพราะเหตุต้องตรงกับผล ทำเหตุใดก็ต้องได้รับผลอย่างนั้น จริงไหมคะ

ผู้เยี่ยมชม

ใช่แล้วครับ ดังที่คุณ Rung ให้ความเห็นมา หมั่นศึกษาและฟังธรรมจากผู้รู้เป็นเบื้องต้น และลงมือปฏิบัติ จนเห็นผลของการปฏิบัติขึ้นไปเรื่อยๆ ดังภาษาพระว่า ปรัยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ นั่นแหละครับ