ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
T
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
23 มิ.ย.2005, 1:50 pm |
  |
ไม่ไช่ว่าผมไม่เชื่อว่านรก สวรรค์ไม่มี แต่ผมก็ยังสงสัยตรงจุดหนึ่ง
ถ้าบอกว่ามีการเวียนว่ายตายเกิด แต่ผมสงสัยข้อหนึ่ง อย่างการเกิดของสิ่งมีชีวิติด้วยวิวัฒนาการทางด้านการผสมเทียม หรือ โคลนนิ่ง จะมีคำอธิบายการเกิดแบบนี้ได้อย่างไร แล้วทุกอย่างบนโลก ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ สัตว์เล็กน้อยใหญ่เช่นมด และอื่นๆเป็นการเกิดเพื่อใช้กรรมอย่างไร ผมอยากได้ความกระจ่างชัดเจน เพราะผมอยากจะมีความเชื่อมั่นว่า ทุกชีวิต มีการเวียนไหว้ตายเกิด ผมจะได้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาธรรมอย่างจิงจังโดยไม่มีข้อสงสัยว่าทำไปแล้วจะได้จิงหรือไม่ให้แนบแน่นมากขึ้น คือทุกวันก็ทำดีอยู่แล้ว แต่มีความรู้สึกว่า กฎที่ว่าทำดีได้ดี มนษย์ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นตัวกฎเกณการอยู่ร่วมกันเท่านั้น แท้ที่จิงแล้วทุกสิ่งเป็นวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น
ขอบคุณครับ
|
|
|
|
|
 |
อัครเทพ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
23 มิ.ย.2005, 2:03 pm |
  |
เป็นคำถามที่ดีมาก ผมเป็นคนธรรมดาไม่มีความรู้มากพอที่จะตอบคำถามนี้ได้ ขอตอบตามประสาชาวบ้านแล้วท่านลองใช้คำตอบต่างๆเหล่านี้หาเหตุผลเอาเองตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาว่ามีเหตุจึงเกิดผล
ผมเคยอ่านหนังสือธรรมมะเล่มหนึ่งเขาบอกว่า
คนที่ตายแล้วถ้าวิญญาณออกทางกระหม่อมจะเกิดเป็นมนุษย์ผู้มียศฐา
คนที่ตายแล้วถ้าวิญญาณออกทางสะดือเกิดเป็นมนุษย์หาเช้ากินค่ำ
คนที่ตายแล้วถ้าวิญญาณออกทางหูเกิดเป็นสัตว์ตั้งท้องทุกประเภท
คนที่ตายแล้วถ้าวิญญาณออกทางจมูกเกิดเป็นแมลงทุกประเภท
คนที่ตายแล้วถ้าวิญญาณออกทางตาเกิดเป็นสัตว์ตั้งไข่ทุกประเภท
คนที่ตายแล้วถ้าวิญญาณออกทางปากเกิดเป็นสัตว์น้ำทุกประเภท
หนังสือเล่มนี้ชื่อ ตรัยรัตน์ ถ้าจากหนังสือเล่มนี้จะเห็นว่าสัตว์ทุกชนิดบนโลกล้วนเกิดมาจากกรรมที่ทำไว้ แล้วการที่วิญญาณจะออกทางใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำไว้
การเกิดมี 4 ชนิด
1 ขลาพุขะ สัตว์เกิดในครรภ์ คือคลอดออกมาเป็นตัว เช่น คน โค สุนัข แมว
2 อัณทขะ สัตว์เกิดในไข่ คือออกไข่เป็นฟองก่อนแล้วจึงฟักเป็นตัวเช่น นก เป็ด ไก่
3 สังเสทขะ สัตว์เกิดในไคล คือเกิดในของชื้นแฉะหมักหมมเน่าเปื่อย ขยายแพร่ออกไปเองเช่น มิกิชาติบางชนิด
4 โอปปาติกะ สัตว์เกิดผุดขึ้นคือ เกิดผุดเต็มตัวในทันใด เช่น เทวดา สัตว์นรก มนุษย์บางพวกและเปรตบางพวก เกิดและตายไม่ต้องมีเชื้อหรือซากปรากฎ
ข้อคิดเห็นส่วนตัวไม่ได้เอามาจากหนังสือ การผสมเทียมนั้นเป็นการเกิดแบบขลาพุขะเพราะเกิดในครรภ์เพียงแต่ไม่ได้ผสมพันธุ์ตามธรรมชาติคือการฉีดอสุจิเข้าไปในรังไข่ตัวเมียเท่านั้นไม่มีการร่วมเพศ ส่วนการโคลนนิ่งก็น่าจะอยู่กับการเกิดประเภทนี้เพราะยังไงก็ต้องใช้เนื้อเยื่อของต้นแบบในการโคลนนิ่ง เพียงแต่เกิดจากคนคนเดียวหรือสัตว์ชนิดเดียวเท่านั้น
|
|
|
|
|
 |
อัครเทพ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
23 มิ.ย.2005, 2:09 pm |
  |
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตนั้นท่านลองศึกษาจากประวัติของบุคคลเหล่านี้ดูเพราะมีเยอะมากและเท่าที่ผมเคยอ่านมาวิทยาศาสตร์กับพระพุทธศาสนาเข้ากันได้ดีมาก
อริสโตเติลนักชีววิทยาผู้ยิ่งใหญ่ คศ 304-322
ชาร์ล ดาร์วิน ได้ตั้งทฤษฎีสมัยใหม่เรื่องวิวัฒนาการ คศ 1831 เป็นคนแรกที่รวบรวมซากของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากไว้เป็นหลักฐาน
คาโรลัส ลินเนียส นักธรรมชาติวิทยาชาวสวีเดน
ถ้าท่านศึกษาอย่างจริงจัง ท่านจะรู้ว่ากฎแห่งกรรมมีอยู่จริงและเข้ากันได้กับหลักวิทยาศาสตร์ |
|
|
|
|
 |
T
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
23 มิ.ย.2005, 2:15 pm |
  |
ขอขอบคุณมากนะครับ ที่ให้คำตอบ
คือจริงๆ ผมพึ่งจะมาเริ่มศึกษา ธรรมะ ก็เคยสงสัยมาตลอดเรื่องนี้
ว่าทำมัยไม่มีใครพูดถึง มนุษย์หรือสัตว์เกิดมาเกียวข้องกับเวียนไหว้ตายเกิดยังงัย
อย่างการสร้างโคนนิ่ง ก็เป็นผลงานของมนุษย์ที่คิดค้น ก็เลยเกิดข้อสงสัย เรื่องเวียนไหว้ตายเกิด แต่พอมีคำอธิบายดังเช่นข้างบนก็พอทำให้เข้าใจขึ้นมาอีกนิดครับ
ขอบคุณครับ
|
|
|
|
|
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
23 มิ.ย.2005, 3:12 pm |
  |
ลองอ่านอัคคัญสูตรก่อนนะครับ |
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
23 มิ.ย.2005, 6:06 pm |
  |
ต้องอธิบายเพิ่มนิดนึงโดยใช้ความรู้ในเรื่องธาตุ 6 นะครับ
ธาตุ 6 เป็นการแบ่งสรรพสิ่งอย่างกว้างๆ ในทางพระพุทธศาสนา แบ่งได้เป็น 6 อย่างครับ ได้แก่
1. ธาตุดิน หรือ ที่วิทยาศาสตร์เรียกว่า ของแข็ง
2. ธาตุน้ำ หรือ ที่วิทยาศาสตร์ เรียกว่า ของเหลว
3. ธาตุลม หรือ ที่วิทยาศาสตร์ เรียกว่า ก๊าซ
4. ธาตุไฟ หรือ ที่วิทยาศาสตร์ เรียกว่า อุณหภูมิ
5. อากาศธาตุ หรือ ที่วิทยาศาสตร์ เรียกว่า สูญญากาศ คือ ที่ว่างที่ไม่มีธาตุใดๆ อยู่
วิทยาศาสตร์ จัดแบ่งสรรพสิ่งกว้างได้เพียงเท่านี้ครับ แต่พระพุทธศาสนาจะแบ่งได้มากกว่านี้อีก คือ ธาตุที่ 6
6. วิญญาณธาตุ ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว หรือ ไร้ชีวิตก็ตามจะประกอบด้วยธาตุทั้ง 5 ข้างบนทั้งสิ้น แต่สิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตอยู่ (ชีวิตในความหมายของพระพุทธศาสนานะครับ) จะมีวิญญาณธาตุ เป็นธาตุที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ธาตุ รวมเป็น ธาตุ 6 ครับ
ดังนั้น สิ่งมีชีวิตที่วิทยาศาสตร์เรียกบางอย่าง เช่น เชื้อโรค ต้นไม้ ฯลฯ ในทางพระพุทธศาสนาถือว่า ไม่มีวิญญาณครอง ครับ คือไม่มีวิญญาณธาตุนั้นเอง จึงถือได้ว่า ไม่ได้เกิดมาใช้กรรม หรือไม่ใช้กรรมแต่อย่างใด เพราะไม่มีชีวิต (ในทางพุทธศาสนา)
แล้วจะนับอย่างไรว่า มีวิญญาณครอง ทางพระพุทธศาสนา เริ่มนับจาก มีระบบประสาท ครับ เช่น ไฮดร้า ถือว่า มีวิญญาณครอง ต่ำกว่านั้น เช่น สัตว์เซลเดียว ต้นไม้ ถือว่าไม่มีวิญญาณครองครับ
ทีนี้การผสมเทียม หรือแม้แต่โคลนนิ่ง ได้เป็นคนขึ้นมา โดยเฉพาะถ้าโคลนนิ่ง จะได้คนเหมือนกันทุกอย่างเลย อย่างนี้นับอย่างไร ต้องดุจาก Flow Chart ครับ
Flow Chart ของวิทยาศาสตร์
ไข่ของแม่ รวมเข้ากับ เชื้อของพ่อ กลายเป็น ชีวิตเกิดขึ้น แต่บางครั้งทำไมผสมดีแล้ว ไข่ถึงฝ่อ ไม่เกิดเป็นชีวิต วิทยาศาสตร์ตอบไม่ได้
Flow Chart ของพระพุทธศาสนา
ไข่ของแม่ รวมเข้ากับ เชื้อของพ่อ ยังไม่เป็นชีวิตนะครับ ต้องมีปฏิสนธิวิญญาณ เข้ามารวมเป็นองค์ประกอบด้วย กลายเป็น ชีวิตเกิดขึ้นครับ
ดังนั้น การผสมเทียม เมื่อครบตาม Flow Chart คือ ปฏิสนธิวิญญาณ เข้ามารวม ชีวิตก็เกิดขึ้นได้ครับ
ส่วนการโคลนนิ่ง แม้จะแบ่งตัวไปจากไข่ใบเดียวกัน แต่ ปฏิสนธิวิญญาณ คนละวิญญาณกันครับ จึงเกิดเป็นคน 2 คน 3 คน 4 คน ไปเรื่อยๆ ได้
ถึงแม้จะเป็นคนเหมือนกัน หน้าตา ทุกอย่าง แต่นิสัย จิตใจ ไม่เหมือนกันครับ เหมือนพวกคู่แฝดไงล่ะครับ
ทำไมมาเป็นมด มดถือว่ามีวิญญาณครองครับ เพราะมีระบบประสาท มันเกิดจากการผสมสีของกรรม คือ บุญ บาป ไม่บุญไม่บาป 3 อย่างนี้ ผสมกัน ปรุงกันได้พอเหมาะ ออกมาเป็นชีวิตต่างๆ ไงล่ะครับ
นึกถือ แม่สี 3 สี ซิครับ แดง น้ำเงิน เหลือง มีแค่ 3 สี แต่ผสมกันด้วยxxxส่วนต่างๆ กันไป จะได้สีต่างๆ ขึ้นมา ถึงเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านสีเลยนะครับ
|
|
|
|
|
 |
*_*
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
23 มิ.ย.2005, 9:46 pm |
  |
คนที่ตายแล้วถ้าวิญญาณออกจากร่าง ไม่สามารถไปเกิดเป็นอย่างอื่นได้นอกจากคน
เพราะ วิญาณของคนไม่สามารถจะพัทนาในกายของสึตว์อื่นๆได้ |
|
|
|
|
 |
ลุงใหญ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
24 มิ.ย.2005, 9:52 am |
  |
นรก และสวรรค์มีอยู่จริง โลกของเราก็เป็นสวรรค์ชั้นหนึ่ง
นรก อยู่ภายใต้พื้นผิวของโลก มนุษย์เป็นดินแดน ที่สรรพสิ่งไม่ว่าจะเป็น เทพ อสูร คนธรรพ์ และอื่นๆ ลงมาเกิดเพื่อประกอบกรรมดีให้กับตัวเอง และสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้กับโลกไปในตัว
การเกิดของสรรพสิ่งเป็นไปตามธรรมชาติ เป็นการกระทำของเพศผู้และเพศเมีย เป็นการกระทำของสิ่งแวดล้อม นี้เป็นหลักความจริง การเวียนว่ายตายเกิด ย่อมมีอยู่อย่างแน่นอน และแน่ชัด เพราะทุกวันนี้เมื่อมีคนตาย ก็มีคนเกิดใหม่ และเมื่อมีคนเกิดใหม่ก็มีคนตาย เป็นระบบนิเวศน์แห่งโลกมนุษย์ การเวียนว่ายตายเกิดของตัวเราก็มีอยู่จริง เพียงแต่ว่า เมื่อเราตายไปแล้ว ดวงจิตหรือวิญญาณของเราไม่สามารถเก็บข้อมูลความจำของชาติปัจจุบันได้ทั้งหมด ลองนึกถึงหลักความจริงซิว่า ดวงจิตหรือวิญญาณ ดวงเล็กกระจ้อยร่อย คงไม่เกินหัวแม่โป้ง จะเก็บข้อมูลความจำได้กี่มากน้อย อีกประการหนึ่ง ดวงจิตของมนุษย์เรา เมื่อออกจากร่างแล้ว ย่อมถูกกระแสคลื่นต่างๆที่มีอยู่ในอากาศดึงหรือดัน ฉุดหรือผลัก หรือแทรกเข้าไปอยู่ในดวงจิตของเราได้เป็นบางส่วน เรื่องนี้แม้พิสูจน์ได้อยาก เพราะการพิสูจน์นั้น ต้องอาศัยพลังจิต ควบคู่ไปกับวิชชาต่างๆมากมาย แต่ตามที่คุณพบเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก็คงเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อมีเกิด ก็ย่อมมีตาย เวียนว่ายกันไป ตามระบบแห่งโลกมนุษย์ฉะนี้ |
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
24 มิ.ย.2005, 12:42 pm |
  |
ขอแก้ความเห็นที่ว่า วิญณานคนไม่สามารถเกิดในกายของสัตว์ได้ นะครับ เนื่องจากภพภูมิของสัตว์โลกในพระพุทธศาสนามีถึง 31 ภพภูมิ ถ้าแบ่งกว้างๆ ของจะเป็น สัตว์นรก เปรต เดรัจฉาน อสุรกาย มนุษย์ เทวดา พรหม อรูปพรหม ดังนั้น เมื่อชีวิตใด ทำกรรมใด ที่เป็นเหตุให้ จะต้องเป็นสัตว์ในภพภูมินั้น ย่อมเป็นกันได้หมดครับ เช่น มนุษย์ ไปเป็นวัวได้ ไปเป็นเทวดาได้ ฯลฯ
สำหรับทฤษฎีวิวัฒนาการของชาลล์ ดาร์วิน ปัจจุบัน กำลังจะถูกทฤษฎีหมายหักล้างลงเรื่อยๆ ครับ นับตั้งแต่ การค้นพบ โครงกระดูก ของมนุษย์แคระเมื่อหลายพันล้านปีก่อน ซึ่งดูเผินๆ จะเหมือนลิงชิมแปนซี แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดกลับไม่ใช่ครับ เป็นโครงกระดูกของมนุษย์จริงๆ เพราะมีการสร้างเครื่องมือ เครื่องใช้ ใช้เอง รู้จักใช้ไฟ เป็นความสามารถที่ลิงทำไม่ได้ครับ และมนุษย์นี่แหละที่เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง ไม่ใช่ลิง ดังนั้น จึงเกิดแนวคิดใหม่ ที่มาหักล้างแนวคิดเดิม แนวคิดเดิมบอกว่า คนวิวัฒนาการมาจากลิง แต่แนวคิดใหม่ บอกว่า คนไม่ได้มาจากลิง แต่มาจากคนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
การค้นพบต่อมา คือ การค้นพบโครโมโซม ในระดับ จีโนม เขาค้นพบความลับอันน่าทึ่งว่า โครโมโซมของมนุษย์สมบูรณ์ที่สุด แต่สัตว์ทั้งหลาย มีโครโมโซมที่ผิดเพี้ยนไปจากมนุษย์ ตัวนั้นบ้าง ตัวนี้บ้าง ซึ่งสอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างยิ่ง (แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้) ว่า มนุษย์คือ สิ่งมีชีวิตเริ่มแรก ต่อมา เมื่อมีการทำบาปทำกรรม ผลของบาปกรรม ทำให้มนุษย์กลายพันธุ์ไปเป็นสัตว์ต่างๆ (ที่มีวิญญาณครอง) ขึ้นมา จนกระทั่งปัจจุบัน (ท่านใดอยากศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด ต้องไปอ่านกำเนิดโลก และจักรวาล ในพระไตรปิฎกครับ)
ดังนั้น ก็มีแนวคิดใหม่มาหักล้างแนวคิดเดิม อีกแล้วว่า สัตว์ชั้นต่ำ วิวัฒนาการมาจนกลายเป็นคน แต่แนวคิดใหม่คือ คน ผิดเพี้ยน (เพราะวิบากกรรม) ไปเป็นสัตว์ต่างๆ ขึ้นมา
เอาล่ะสิ จะไปกันใหญ่แล้ว เมื่อใดก็ตาม ที่วิทยาศาสตร์ ตามทัน พระพุทธศาสนา เมื่อนั้น สันติสุข ที่แท้จริง จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เพราะมนุษย์จะรู้ความจริงของชีวิตกันทั้งหมด
|
|
|
|
|
 |
t
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
24 มิ.ย.2005, 1:19 pm |
  |
ได้ความกระจ่างเพิ่มขึ้นอย่างมากครับ
สาธุ |
|
|
|
|
 |
นายประแจ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 มิ.ย.2005, 1:21 am |
  |
การเวียนว่ายตายเกิดในความคิดของผม จะอยู่ตรงแค่ เกิดคือเกิดทุกข์ ตายคือดับทุกข์ ในแต่ละวันเวลา ก็จะมีการเกิดดับ เกิดดับ อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เป็นการเวียนว่ายตายเกิด ถ้าบรรลุนิพพานก็จะไม่มีการเวียนวายตายเกิดอีก คือ ดับทุกข์โดยสิ้นเชิง
เรื่องนรก สวรรค์ ก็แค่ สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ
สวรรค์คือความสบายใจ เราทำบุญ เราสบายใจ ขณะนั้นเราได้ขึ้นสวรรค์
นรกคือความทุกข์ใจ ความว้าวุ่นใจ ความวิตกกังวล ฯลฯ ถ้าเราทำบาป ใจไม่สบาย คือเราตกนรกแล้วละครับ คิดแค่ชาตินี้ชาติเดียวพอ เพราะยังไม่มีขอพิสูจน์ที่พอจะเชื่อได้ว่าชาติหน้ามีจริง อย่าเชื่อเพราะคำบอกเล่า แต่จงเชื่อเมื่อเราพิสูจน์รู้แล้วด้วนตนเอง
การกระทำใดก็ตามที่ทำให้ได้ผลสุดท้ายคือความสบายใจ การกระทำนั้นจะเรียกว่าการทำบุญ
การกระทำใดก็ตามที่ทำให้ได้ผลสุดท้ายคือความไม่สบายใจ การกระทำนั้นเรียกว่าการทำบาป
ทำบุญต้องได้บุญ ทำบาปต้องได้บาป เสมอครับ |
|
|
|
|
 |
asima
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 มิ.ย.2005, 9:25 am |
  |
นี่ คุณรู้มั๊ยว่าวิญาณของคนนะ เขามีมาก่อนจะมีคนด้วยนะ สมัยที่คนยังไม่ฉลาดนะ คนไม่มีวิญาณตายแล้วตายเลยคล้าย ปิดสวิ๊ก a i ของหุ่นยนต์ เมื่อมาวันนึงคนฉลาดมากๆ วิญาณ
จึงพัทนามาอาศัยอยู่ในร่างคน เมื่อร่างคนดับไปวิญาณจะไปหาร่างใหม่ๆ
ที่เป็นคน บางทีอาจไดด้ดีหรือไม่ได้แล้วแต่ บารมี ถ้าบารมีมากก็ไปเกิดในที่ดี ถ้า บารมีน้อยก็ไปเกิดในที่อับจนนะ ฮะ
ซึ่งแน่นอนว่ามันเชื่อมต่อกับร่างสัตว์ไม่ได้ ดังนั้นเราจึงไม่เคยพบรายงานเรื่อง ผี หมู ผี แมว ผีไก่ ผีหมา มันไม่มีนะ มีแต่ ผี คน
|
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 มิ.ย.2005, 12:39 pm |
  |
เหตุที่ไม่เคยพบผีหมา แมว ฯลฯ พบแต่ผีคน ก็เพราะ กายละเอียด (วิญญาณ) ในร่าง ยังเป็นร่างของคนอยู่นั่นเองครับ แม้กายหยาบข้างนอกจะกลายเป็นคน หรือ หมู หมา กา ไก่ ด้วยอำนาจวิบากกรรมก็ตาม
เหมือนเราเป็นคนขับ เข้าไปนั่งในรถเก่งที่ตัวถังดี กับเข้าไปนั่งในรถที่ตัวถังบุบๆ บี้ๆ นั่นแหละครับ ตัวถังภายนอกจะเป็นอย่างไร แต่คนขับภายในก็ยังเป็นคนอยู่นั่นเองครับ |
|
|
|
|
 |
ต้นกก
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
26 มิ.ย.2005, 8:20 am |
  |
คุณอัครเทพ ใน ค.ห ที่2 กะ คุณT ใน ค.ห. ที่3 ใช้เวลาแค่หกนาทีในการตอบคำถาม เอาใจใส่ในการหาความรู้ธัมมะ กันดีนะคับ สาธุด้วยคับ ว่าแต่นั่งอยู่หน้าคอมเครื่องเดียวกันเหรอคับ ip เลขเดียวกัน ....ก้อดีๆๆ.....  |
|
|
|
|
 |
นายประแจ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
26 มิ.ย.2005, 11:16 pm |
  |
|
|
 |
t
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
27 มิ.ย.2005, 9:37 am |
  |
ต้องขอโทษนะครับ อาจจะเกิดข้อผิดพลาดที่ระบบเวบเองนะครับ เป็นคนละคนจิงๆ ด้วยใจบริษุทนะครับ
ผมชื่อทอง ทับทิม ครับไม่ได้สมัครสมาชิก แต่ก็กำลังจะสมัครอยู่ พอดีผมอยากศึกษาเรื่องธรรม เพราะว่ามีความรู้สึกว่า เราคิดดี ทำดี ไม่ค่อยได้ผลดีอย่างที่คิด |
|
|
|
|
 |
mm
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ค.2005, 12:34 pm |
  |
:p
|
|
|
|
|
 |
อยากรู้
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
06 ธ.ค.2005, 10:46 am |
  |
สูบบุหรี่ กินเหล้า แล้วสบายใจ มีความสุข เป็นบุญ ? |
|
|
|
|
 |
|