Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทำได้แค่สวดมนต์ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
หนูนิด
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 มิ.ย.2005, 3:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดิฉันเคยไปนั่งสมาธิที่วัดปากน้ำมาบ้างค่ะ แต่เป็นวันเสาร์- อาทิตย์ แต่ช่วงหลังไม่ได้ไปเพราะไม่ค่อยมีเวลา แต่จะใช้วิธีสวดมนต์ทุกคืนก่อนนอน ถ้าเป็นวันพระ กับวันเกิดของตัวเองก็จะสวดบทยาว และหลายบทรวมทั้งถวายพวงมาลัยมะลิหอมด้วย แต่ไม่ได้นั่สมาธิเพราะน้องเปิดทีวีเสียงดัง เลยไม่ได้นั่งสมาธิ อย่างนี้ก็จะได้แต่การภาวนาอย่างเดียวรึเปล่าค่ะ แล้วเวลาสวดมนต์เสร็จดิฉันก็ขอพรพระด้วยถือว่าทำถูกต้องหรือไม่ค่ะ (ดิฉันคิดว่าการถวายดอกไม้หรือพวงมาลัยชาติหน้าเราจะได้เกิดมามีหน้าตาดีค่ะ) กรุณาตอบคำถามหน่อยนะคะ ขอขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 มิ.ย.2005, 7:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การพัฒนาตนในทางพระพุทธศาสนา โดยย่อมี 3 ประการครับ คือ ทาน ศีล และภาวนา สำหรับผู้ครองเรือน ตามที่คุณเล่ามา (ยึดตามข้อมูลแค่นี้) ถือว่า ได้รักษาศีล (ผมคิดว่าการที่เข้ามาพูดคุยกันเว็บธรรมะ ย่อมมีศีลน่ะครับ) และเจริญภาวนาแบบยังไม่สมบูรณ์นะครับ



ก็ยังขาดทาน และภาวนาที่สมบูรณ์ไป โบราณท่านสอนไว้ ลองทำดูสิครับ

เช้าใดยังไม่ทำทาน เช้านั้น อย่าเพิ่งทานข้าว (ฝึกให้เราตื่นมารู้จักให้ ก่อน รับ)

วันใดยังไม่ตั้งใจรักษาศีล วันนั้น อย่าเพิ่งออกจากบ้าน

คืนใดยังไม่ได้สวดมนต์เจริญภาวนา คืนนั้น อย่าเพิ่งนอน



ที่นี้ถ้าภาวนาถือเป็นยารักษาโรค โบราณเขาจะเปรียบต่ออีกครับว่า

สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน ถ้าจะหายจากโรค ต้องทั้งกิน ทั้งทา



การที่จะมีหน้าตาดีได้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่การรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ครับ

ทำทาน จะทำให้ได้ทรัพย์

รักษาศีล จะทำให้ได้บุคลิกภาพ หน้าตาดี สุขภาพแข็งแรง

ภาวนา จะทำให้ได้ความเฉลียวฉลาด ครับ



การถวายดอกไม้ ดอกบัว ย่อมทำให้ได้ของสวยงามครับ เช่น ชูชกมีเมียสาว เพราะในอดีตถวายดอกไม้สวยๆ บูชาพระ ส่วนเมียชูชก ได้สามีแก่ เพราะในอดีตถวายดอกไม้เxxx่ยว บูชาพระครับ

 
มังกรห้าหัว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 มิ.ย.2005, 9:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนาที่ไปวัดหัดนั่งสมาธิ ทั้งๆที่ไม่ค่อยจะมีเวลา และขออนุโมทนาที่คุณหนูนิดหมั่นสวดมนต์ไหว้พระทุกๆวัน....เรื่องดอกไม้บูชาพระนั้น โดยส่วนตัวแล้ว ผมทำไม่เคยสำเร็จด้วยดีเลย ซื้อดอกไม้สดๆไว้ตั้งใจจะไปบูชาพระพุทธรูป กว่าจะไปถึงวัด ดอกไม้เxxx่ยว ผมเลยได้แต่บูชาพระด้วยดอกไม้เxxx่ยวๆ มาหลายครั้งแล้ว ส่วนการจุดธูปเทียนบูชาพระ นั้นผมหมดสิทธิ้ครับ เพราะแพ้ควันธูปเทียน จามสนั่นศาลา น้ำมูกน้ำตาเล็ด อับอายเหลือประมาณ....ยังดีที่หาวัดที่ไม่จุดธูปเทียนได้ เป็นวัดที่ท่านใช้ปฏิบัติบูชาเอาครับ เพราะพระอาจารย์ก็แพ้ควันธูปเหมือนกัน (เพื่อนผมหืดกำเริบทุกทีที่หายใจถูกควันธูป) ดังนั้น ธรรมะบทนี้จึงโดนใจผม ที่สุด......." อานนท์! พุทธบริษัท ทั้งสี่ คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทำสักการะบูชาเราด้วย เครื่องบูชาสักการะทั้งหลาย อันเป็นอามิส เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น หาชื่อว่า บูชาตถาคต ด้วยการบูชา อันยิ่งไม่ อานนท์ เอ๋ย! ผู้ใดปฏิบัติตามธรรมปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติธรรมอันเหมาะสม ผู้นั้นแล ชื่อว่า สักการะ บูชาเราด้วยการบูชาอันยอดเยี่ยม" ..........................................................................เด๋ว ผมจะเล่าเรื่องภาวนาในที่มีเสียงดัง รบกวนนะครับ
 
มังกรห้าหัว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 มิ.ย.2005, 10:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นั่งสมาธิ ในที่เงียบๆ จิตย่อมจะเป็นสมาธิ ได้ง่าย แต่หลายๆท่าน ต้องอยู่รวมกับผู้อื่นที่เค้า พูดคุยกัน เปิดวิทยุ ทีวี เสียงเหล่านั้น รบกวนความสงบแห่งจิต เป็นอุปสรรคต่อการทำสมาธิ ผมเคยเจอเหตุการณ์เช่นนั้น เหมือนกัน ไม่รู้จะทำไง บางครั้งเกิด โทสะกะฉูด ขึ้นมาแบบสกัดไม่อยู่........ต่อมา ผมลองวิธีพิจารณาสิ่งที่กำลังกระทบอยู่ ในขณะนั้น คุณหนูนิด ลองทำดู ก็ได้นะครับ...ก่อนภาวนา ตั้งสัจจะ ว่า " ข้าพเจ้าจะตั้งใจพิจารณาธรรมะที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ เพื่อบูชาคุณพระรัตนตรัย คุณบิดามารดา ครูอาจารย์ บุญกุศลที่เกิดขึ้น ขออุทิสให้เจ้ากรรมนายเวร และญาติๆที่ล่วงลับ ตลอดจน ดวงวิญญาณ ทั้งหลายที่กำลังรอส่วนบุญจากผู้อุทิสให้ ขอให้ข้าพเจ้าผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปได้" จากนั้นนั่งหลับตา เริ่มพิจารณาลมหายใจ โดยบรรยาย อาการที่เกิดขึ้น ป้อนข้อมูลเข้าไปในจิตว่า กายของเรานี้ มีอาการสามสิบสอง กำลังพึ่งลมหายใจเข้า ออก กายเรานี้ จะตั้งอยู่ หรือ ดับไป ในขณะนี้ ก็แขวนไว้ที่ลมหายใจนี้เอง ถ้าหายใจเข้าแล้ว ไม่ออก เราก็ตาย ถ้าหายใจออก แล้วไม่เข้า เราก็เด้ด ลมหายใจนี้ก็เป็นของไม่เที่ยง มีการเกิดดับ ในช่วงรอยต่อ ระหว่างการหายใจเข้า กับการหายใจออก โอ! ชีวิตนี้มีแค่นี้ หนอ! กายไม่เที่ยง พี่งพากับลมหายใจที่ไม่เที่ยง หมิ่นเหม่กับความตายอยู่ทุกวินาที พิจารณาทำนองนี้ไป แล้วเมื่อมีเสียงมากระทบอายตนะ คือหู ก็พิจารณาเสียงว่า เมื่อเสียงกระทบหูแล้ว สัญญาจะทำงาน สิ่งที่จำไว้ ความพอใจ ความไม่พอใจต่างๆ จะผุดขึ้นมา เสียงอย่างนี้เราชอบ เสียงนี้เราไม่ชอบ จากนั้นสังขารก็รับเอาสิ่งที่สัญญา จำไว้ไปปรุงต่อ ปรุงแต่งสิ่งที่ได้ยินในเสียงนั้น ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ กระบวนการเสียงนี้ เข้าไปต่อในเวทนา เกิดความทุกข์ใจหงุดหงิดใจ ตัณหาเข้ามามีบทบาทในจุดนี้ คือเมื่อไม่อยากได้ยิน แล้วต้องได้ยิน สิ่งที่อยากได้ยินไม่ได้ยิน เมื่อพิจารณาอย่างนี้ จะเห็นกระบวนการทำงานของขันธ์ห้า มีปฏิกิริยาต่อผัสสะ อายาตนะ กระทบกัน สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือน ปฏิกิริยา ลูกโซ่ ....ลองทำดูนะครับ ภาวนาให้เห็นปฏิกิริยาในขันธ์ห้า ใหม่ๆ ทำแค่สิบนาที สิบห้านาที ก่อนก็ได้ พิจารณาอย่างหยาบเหล่านี้ไปก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลา ขยันทำบ่อยๆ บุญกุศลนี้ จะเป็นทุนจะส่งให้ได้ ที่อยู่ที่สัปปายะมากขึ้น สดวกสบายขึ้น ลงทุนกุศลไว้ต่อกุศล กุศลแปลว่า ความฉลาดในการทำความดี ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค .....เหมือน พระมหาชนกกุมาร ว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุท แม้ไม่เห็นหนทางว่า จะถึงฝั่ง ๆอยูไหน ก็ไม่เห็น แต่ก็พยายามหมั่นว่ายน้ำ ไม่หยุด นางเทพธิดา มณีเมขลา ทนดูอยู่ ไม่ได้ ต้องลงมาช่วย เหาะพาพระมหาชนกไปส่ง ถึงฝั่งอย่างปลอดภัย....หากติดขัดข้อภาวนาจุดไหน ลองไปหาถามครูอาจารย์ สายวิปัสนา ท่านจะต่อให้การภาวนาของคุณก้าวหน้าต่อไปได้....การเล่าภาวนานี้ เนื่องจากรีบๆพิมพ์ จึงไม่สมบูรณ์ นัก หากจะมีท่านใดเข้ามาช่วยขัดเกลาแก้ไขให้ คห นี้ สมบูรณ์ จะขอบคุณมากครับ.....จริงใจ ไม่จิงโจ้......
 
มังกรห้าหัว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 มิ.ย.2005, 10:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จากหลวงปู่ฝากไว้.....วัดบูรพารามที่หลวงปู่ดูลย์จำพรรษาตลอดห้าสิบปี ไม่มีได้ไปจำพรรษาที่ไหนเลย วัดนี้เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง หน้าศาลากลางติดกับศาลจังหวัดสุรินทร์ ด้วยเหตุนี้จึงมีเสียงรบกวนความสงบอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อถึงฤดูงานช้างแฟร์ หรือฤดูเทศกาลแต่ละอย่าง แสงเสียงอึกทึกครึกครื้นตลอดเจ็ดวันบ้าง สิบห้าวันบ้าง ภิกษุสามเณรผู้มีจิตใจยังอ่อนไหวอยู่ ย่อมได้รับความกระทบกระเทือนเป็นอย่างยิ่ง......เมื่อนำเรื่องนี้ไปกราบหลวงปู่ทีไร ก็ได้คำตอบทำนองเดียวกันทุกครั้งว่า " มัวสนใจอะไรกับสิ่งเหล่านี้ ธรรมดาแสงย่อมสว่าง ธรรมดาเสียงย่อมดัง หน้าที่ของมันเป็นเช่นนั้นเอง เราไม่ใส่ใจฟังเสียอย่างก็หมดเรื่อง จงทำตัวเราไม่ให้เป็นปฏิปักษ์กับสิ่งแวดล้อม เพราะมันมีอยู่อย่างนี้ เป็นอยู่อย่างนี้เอง เพียงแต่ทำความเข้าใจกับมัน ให้ถ่องแท้ด้วยปัญญาอันลึกซึ้งเท่านั้นเอง "
 
ความคิดเห็นที่ห้า
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 มิ.ย.2005, 4:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เห็นด้วยกับทุกความคิดเห็นครับหากเลือกปฏิบัติสิ่งใดรู้สึกสะดวกเห็นผลไวก็เลือกสิ่งนั้นแล้วทำแบบสม่ำเสมอยิ่งได้ทุกวันยิ่งดีครับ สำหรับเรื่องเสียงรบกวนของผมจะซื้อ EAR PLUG ที่อุดกันเสียง ตามซุปเปอร์มาเก็ต ของตัวเองเก้าสิบบาทกระมัง รู้สึกแพงแต่ตอนนี้ใช้มานานหลายปี ก็ยังรู้สึกใช้ได้ดีอยู่ อาจจะดำไปหน่อยก็คงรู้สึกอายหากใครเห็นว่าเราใช้เท่านั้น แต่รู้สึกเงียบดีครับ ครั้งแรกใช้อาจรำคาญหน่อยแต่ทุกวันนี้ผมใช้ด้วยความเคยชินทุกครั้งนั่งสมาธิต้องเอามาอุด เคยบังเอิญได้ไปวัดไม่ได้เอาไปด้วยก็ยังรู้สึกนั่งสมาธิได้ดีจึงไม่คิดว่าจะทำให้ติดว่าต้องใช้เสมอไปครับ ขอให้การปฏิบัติธรรมเจริญก้าวหน้าครับ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง