Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
พี่เล่าให้น้องฟัง ตอนที่ 1
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
เทพ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 30 ธ.ค.2006, 11:12 pm
พี่เล่าให้น้องฟัง ตอนที่ 1
หลงทาง
สวัสดีจ้ะน้อง
วันนี้พี่ได้มีโอกาสไปวัด น้องที่วัดเค้าได้แนะนำให้พี่รู้จักกับพี่คนหนึ่ง เธอจัดว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมตัวยงคนหนึ่ง เราได้สนทนาธรรมแลกเปลี่ยนสภาวะกัน แต่ส่วนใหญ่พี่เค้าจะเป็นฝ่ายเล่าในเชิงสอนให้ฟังซะมากกว่า ซึ่งก็ดี มันจะได้ช่วยเตือนสติเรา มีคนมาสอนมาเตือนมันก็เป็นเรื่องที่ดี ทำให้เรามีความระมัดระวังมากขึ้น การที่มีคนให้มุมมองแก่เรา นั้นเปรียบได้กะเป็นผู้ชี้ขุมทรัพย์ ซึ่งอย่างน้อยเราก็จะได้ทดสอบอารมณ์ของตัวเองว่า เรายังมีกิเลสมากน้อยแค่ไหน
เธอได้เล่าสภาวะของเธอให้พี่ฟังว่า เธอปฏิบัติมานานแล้ว เธอเน้นการมีสติสัมปชัญญะ รู้เท่าทันอารมณ์ โดยไม่ยอมให้เผลอไปปรุงแต่งกะความเป็นจริงเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ให้เป็นผู้รู้ผู้ดูอย่างเดียว อย่าลงไปร่วมในเหตุการณ์นั้น เธอเห็นต้นคิดแล้ว เหตุที่มั่นใจว่าเธอเห็นต้นคิดแล้ว เพราะ ปกติของคนที่เห็นต้นคิด เห็นความเกิดดับแล้ว มักจะตื่นเต้นมาก ตอนนั้นศรัทธาจะมากจริง ๆ จะเห็นคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นการเห็นอาการของขันธ์ 5 ชัดเป็นครั้งแรก ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์คุมโดยมากมักคิดว่าตัวเองได้บรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง เนื่องจากไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน แล้วจะปฏิบัติไปตามความเข้าใจของตัวเองโดยการบังคับไม่ให้จิตคิด เพราะต้องการจะให้เห็นอาการดับบ่อย ๆ
ตรงนี้สำคัญนะ ที่บังคับไม่ให้จิตคิด เพราะอยากให้มันดับให้ดู มีความเชื่อว่าถ้ารู้ทันแล้วมันจะดับ ดังนั้นจึงบังคับไม่ให้จิตคิด ตรงนี้ผิดแล้ว ความจริง ถ้ารู้ทันอาการของจิต แล้วมันก็มีโอกาสดับจริง ๆ แหละ แต่ต้องเป็นผู้ดูจริง ๆ ด้วย ไม่ใช่เป็นผู้ที่ไปกำหนดให้มันเป็นตามใจอย่างนั้นอย่างนี้ ตัวความเชื่อ ความอยากที่จะให้มันดับนั้นกลับกลายเป็นตัวกิเลสที่แอบแฝงเร้นที่มองยาก เหมือนเส้นผมบังภูเขาได้อย่างลึกซึ้ง ขัดขวางความเป็นจริงตามธรรมชาติของจิต ทำให้ไม่เป็นผู้เห็นตามความเป็นจริง ไม่วางนั่นเอง และพยายามจะทำให้จิตนี้เป็นของที่บังคับได้ นี้กลายเป็นมิจฉาทิฏฐิแล้ว มีบางช่วงบางตอนเธอพูดถึงความว่าง ว่าเมื่อกำหนดรู้ไปเรื่อย ๆ จิตจะว่าง เป็นความว่างแบบที่ไม่สามารถอธิบายได้ นี่ก็เป็นสัญญาณที่บอกว่า เธอกำลังมีพัฒนาการของการปฏิบัติที่ผิดต่อไป
การที่เธอบังคับไม่ให้จิตคิดนั้น คือการเพ่ง การจ้องมองจิตเมื่อเวลามีผัสสะมากระทบ แล้วพยายามดับการปรุงแต่งนั้น แล้วจากนั้นพี่แทบจะเดาใจเธอออกได้เลยว่า เธอจะเกิดองค์ภาวนาที่ว่า เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน รู้ก็สักแต่ว่ารู้ อะไร ๆ ในทำนองนี้ เพื่อดับความปรุงแต่ง เป็นองค์ภาวนาในสมถกัมมัฏฐานทันที ซึ่งในช่วงแลกอาจมีอาการว่างแบบช่วงสั้น ๆ ให้เห็น จากนั้นมันจะพัฒนาไปเป็นการ ไม่คิด ไม่นึก ซึ่งจริงๆ จิตจะต้องคิดไปตามเรื่องตามเหตุปัจจัยของมัน ห้ามไม่ได้ เมื่อไม่คิดไม่นึก จิตดิ่งนิ่งลึกลงในองค์สมถกัมมัฏฐานจนเกิดฌาม แล้วด้วยความที่ฝึกไม่คิด ไม่นึก ฝึกเพ่งจ้องมองผัสสะที่มากระทบ ด้วยเชื่อว่า หากสติทันผัสสะที่มากระทบจะทำให้ตัดสามารถตัดวงจรการคิดนึกปรุงแต่ง เข้าสู่จิตว่างได้ จึงเป็นเหตุให้เธอไม่มีใจ มีแต่กายที่มีไว้รับผัสสะ คือ มีขันธ์ ๆ เดียว คือมีรูป ส่วนเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จะดับไป นั่นหมายถึงการพัฒนาในขั้นสุดท้าย แล้วเธอก็คงต้องไปเกิดเป็นพรหมลูกฟักแน่นอน
เธอสอนพี่เรื่องการติดในฤทธิ์ต่าง ๆ ซึ่งมันไม่เที่ยง ไม่ให้ไปติดเป็นการเสียเวลา เธอบอกว่ามันเป็นแค่โลกียะ ยังไม่เป็นโลกุตตระ พี่แทบไม่มีโอกาสได้อธิบายเลย เพราะเธอพูดดักทางไว้หมดแล้ว และแกมบังคับให้เชื่อตามที่เธอพูด มิฉะนั้นการปฏิบัติของพี่จะต้องมีปัญหา สีหน้าเธอยามนั้นจะค่อนข้างจริงจัง ดูเครียดเล็กน้อย
คงไม่ต้องบอกก็ได้มั๊งว่าพี่จะทำยังไง พี่ก็ต้องวางเฉยนะซี แต่ก็ให้กำลังใจ หากพี่ไปชี้ถูกชี้ผิดกะเธอตอนนี้ อาจจะทำให้เธอเสียกำลังใจมากเกินไป อาจมีผลให้เธอท้อถอยเบื่อหน่ายการประพฤติปฏิบัติไปได้ ยิ่งจะเป็นการซ้ำเติมเธอมากขึ้น เพราะที่จริงเธอมาถูกทางในตอนแรก แต่เธอเผลอไปเพ่ง ไปบังคับจิต ซึ่งเป็นการฝืนธรรมชาติฝืนความเป็นจริง ด้วยความอยากลึก ๆ ตามกิเลสว่า ถ้ารู้ทันแล้วมันจะดับ นั้นเอง
จำไว้นะน้อง เราจะปฏิบัติเพื่อให้เข้าใจและเข้าถึงธรรม คือธรรมชาติของจิตของใจของขันธ์ 5 เราต้องเห็นจริงตามธรรมชาติ การที่จะเห็นจริงตามธรรมชาติได้ เราต้องทำตัวให้เป็นธรรมชาติด้วย ด้วยการเป็นผู้ดูจริง ๆ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติธรรมดา พี่ก็เคยหลงเหมือนกันกะเธอนี้แหละ หลงอยู่นานมาก แต่พี่ก็เชื่อว่า ในที่สุด เมื่อบุญบารมีพร้อม พบกัลยาณมิตรที่ดีที่เธอไว้ใจ และตั้งใจปฏิบัติบนทางที่ถูกแล้ว เธอก็จะมีโอกาสเหมือนกะพี่นี้อย่างแน่นอน ดวงจิตของเธอบ่งบอกว่าเธอเป็นคนที่มีบุญล้นแล้ว แต่ไม่เต็มสักทีนะ คงต้องใช้เวลา และพบกัลยาณมิตรที่เคยเกื้อกูลกันมาถึงจะสามารถพาเธอถึงที่หมายได้
สุดท้ายนี้ขอให้น้องตั้งใจศึกษาปฏิบัติในแนวทางที่ถูกนี้ต่อไป เมื่อเห็นต้นทางแล้ว วันหนึ่งเมื่อถึงเวลา ถึงที่หมายแล้วจะรู้เองว่า อะไรหายไป อะไรเหลืออยู่ อะไรที่ยังต้องทำต่อไปจ้ะ
เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะ
เทพ
จำ เล่า ยาว
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 31 ธ.ค.2006, 12:23 am
พี่ก็เล่าตามความคิดพี่ซะยาวววเลย.....แค่ผู้รู้ ยังไม่เรียกว่าผู้ดู.....พี่ก็คิดจะยาวเลยยย
จาก
น้องเดา คิดนึก
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th