Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 แปลกจัง อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
ผู้ตั้ง ข้อความ
มนพัทธ์ สุขขี
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ธ.ค.2006, 1:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรียนถามผู้รู้

เนื่องด้วยผมนั้นอยากมีอาจารย์เพื่อที่จะได้เรียนกรรมฐานผมก็หาอาจารย์นะ
เพราะฝึกเองมา หนึ่งปี ปรากฎว่าไม่รู้เรื่องเลยไม่ได้ผลเลยหาอาจาย์บางท่าก็ไม่รับไม่สอนบ้าง
อ่อบ้านผมอยู่ นครสวรรค์นะ เรื่องมีอยู่ว่า เมือวันที่ 24 /12/49 ผมไปกับเพือนที่วัดป่ากลางบุญ
ที่ ทางเข้าวัดเขาทอง เพื่อจะไปหาอาจาย์ ชาญ ชาโน แต่ผมไม่เจอท่านนะ
เจอแต่พี่ที่เช่าวัตถุมงคลนะ ผมได้ถามถึงเรื่องค้าขายกันว่าอะไรดีพี่เขาบอกว่าไก่ดีมากนะ
แล้วผมถ่ามพี่เขาว่าที่ท่าสอนกรรมฐานไหม พี่บอกว่าสอน ผมนี่แหละสอนนะ
พอดีผมซื้อดอกไม้ไปด้วย เป็นอันว่าได้ฝึกกับพี่นะ
แต่ เรื่อง ของเรื่องคือ เวลาฝึกนั้นนะพี่ให้ พอง ยุบนะ
พอผ่านไป 1 ชัวโมง ปากผมจู๋ นะแล้วมือผมก็ งีกงอ ก้มตัวลงด้วย จากท่าสมาธิก็เปลียนเป็นท่า แปลกๆๆ นะเพือนผมนั่งไม่ได้นานบอกหายใจไม่ออกก็เลยเลิกทำผมทำต่อนะ
แล้วสักก็ขานะเหมือนโดน ล๊อกอย่างแรงเลย แล้วก็หายโล่งเลยแล้วนั่งต่ออีกพักใหญ่แล้วก็หยุดทำนะ
โล่งสบายดี
ถามผู้รู้ว่า ท่าท่างที่เป็นนะคืออะไร คิดไปเองหรือว่าเป็นอะไรคราบ เนื่องจากผมมีความรู้น้อยมากในธรรม ขอบคุณมากครับ

ผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะครับ supermans007@hotmail.com กราบขอบพระคุณมากคราบ
 
ผ่านมาพบ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ธ.ค.2006, 4:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สถานที่ปฏิบัติธรรม จ.นครสวรรค์
เชิญคลิกที่ข้างล่างนี้ :
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1678

ถ้ารวมสถานที่ปฏิบัติธรรมทั่วประเทศ+แยกรายจังหวัด
เชิญคลิกที่ข้างล่างนี้ :
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=9

ขออนุโมทนาบุญที่ใฝ่ธรรมครับ สาธุ
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 26 ธ.ค.2006, 12:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดี คุณมนพัทธ์

อาการต่างๆที่คุณแสดงออกมาในช่วงปฏิบัติธรรม ก็มีสาเหตุมาจากการนำตัวเข้าไปสักยันต์ หรือการเข้าไปหลงในเรื่องวัตถุ เครื่องลางนั่นแหละ วิธีการปฏิบัติธรรมไม่ว่าแนวทางใด หากจิตสงบ เป็นสมาธิ และสามารถแก้ไขอาการต่างๆให้ตนเองกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หายจากเวทนาด้วยการปฏิบัติธรรม ให้ใช้วิธีนั้น

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา


ผีเสื้อ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 26 ธ.ค.2006, 6:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

( แล้วสักก็ขานะเหมือนโดน ล๊อกอย่างแรงเลย)

ไม่เข้าใจคำว่า "สักก็ขา" หมายถึงอะไรครับ สักก็ขา หรือคุณสักที่ขา งงอะนะ แต่ก็พอจับใจความได้ว่า คุณใช้พอง-ยุบ เป็นกรรมฐาน ภาวนาพองหนอ ยุบหนอ ถูกไหมครับ

-อาการที่เกิดนั้นไม่แปลกเลยธรรมดาๆ เพราะคุณมีสมาธิแล้วตอนนั้น จึงเกิดอาการเช่นนั้น
แต่คุณไม่กำหนดรู้อาการที่เกิดนั้นด้วย ภาวนาแต่พองหนอ ยุบหนอ อย่างเดียว

-ต่อไปถ้าคุณทำกรรมฐานแบบนี้อีก ก็ให้ภาวนาอาการที่เกิดขึ้นนตามความเป็นจริงด้วย

- ความเป็นจริงอย่างไรก็ภาวนาไปอย่างนึ้น เช่น อาการ.....ปากผมจู๋....มือผมก็ หงิกงอ..... ก้มตัวลงด้วย.... จากท่าสมาธิก็เปลียนเป็นท่า แปลกๆๆ

-อย่างนี้ก็ภาวนาตามอาการนั้นได้ทันที ปากจู๋....รู้สึกตัวภาวนา...ปากจู๋หนอๆๆๆ....

มือหงิกงอ...ให้ภาวนา มือหงิกหนอๆๆๆ....

ก้มตัวลง...ภาวนา...ก้มหนอๆๆ..เป็นต้น..

สรุปว่า ในขณะที่พองหนอ ยุบหนออยู่นั้น เกิดอาการใดทางกาย หรือคิดอะไรรู้สึกอย่างไร
ก็ทิ้งพองหนอ ยุบหนอก่อน

ไปภาวนาอาการนั้นก่อน หรือความคิดนั้นก่อน แล้วก็กลับมาภาวนาพองหนอ ยุบหนอ ต่อไปอีก เท่านี้แหละครับ หลักการภาวนามัย

เมื่อภาวนาหรือกำหนดรู้อาการนั้นแล้ว สิ่งที่ผิดแปลกก็จะคืนสู่สภาวะปกติทุกประการ

ขอให้เจริญในธรรมครับ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 26 ธ.ค.2006, 10:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดนิวรณ์
โดยพระครูเกษมธรรมทัติ
วัดมเหยงค์ อยุธยา

เปิดฟังได้ตามลิ้งค์ค่ะ คุณมนพัทธ์

http://www.suadmon.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=29
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
กระทะ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 ธ.ค.2006, 9:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อาการที่คุณกล่าวมานั้น ผู้ที่ตอบทุกๆคนให้ความเห็นไว้ดีแล้วครับ แต่ผมขอเพิ่มเติมนิดนะครับว่า อาการที่คุณเป็นนั้นอาจเกิดได้จาก พวกผีปีศาจที่อาจจะเป็นญาติของเราที่อยู่ในโลกทิพย์หรืออาจเป็นพวกผีปีศาจที่อยู่บริเวณนั้น เค้ามาส่งสัญญาณให้คุณได้ทราบว่า พวกเขาได้รับความลำบากและอยากให้คุณได้ส่งบุญที่เกิดจากการภาวนานั้นให้ถึงแก่พวกเขา
 
โนเนม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 ธ.ค.2006, 1:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ควรทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนเพื่อความหลุดพ้นจากกิเลสนั้น ไม่ใช่ให้ไปทำอะไรด้วยความเป็นตัวตน เช่นการไปนั่งเพ่งอะไรสักอย่างนานๆ หรือยุบๆพองๆแบบนั้น แต่สิ่งที่สำคัญก็คือในขณะนี้ สติสามารถระลึกรู้ถึงสภาพของธรรม ที่เป็นรูปหรือนามได้อย่างถูกต้องตรงตามอรรถ หรือไม่ เพราะการเจริญสตินั้นเป็นปรกติ ไม่ใช่ผิดปรกติ
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 28 ธ.ค.2006, 3:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นั่นซีแล้วทำอย่างไรล่ะ สติจึงจะเจริญขึ้นแบบปกติซึ่งเรียกกันว่า สติปัฏฐาน
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 28 ธ.ค.2006, 7:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นอาการของปีติ อุปจาระสมาธิ ถ้าลืมคำภาวนาก็จะเป็นฌาน ๒
 
มนพัทธ์ สุขขี
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ม.ค. 2007, 3:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีปีใม่ พี่ๆๆทุกๆๆคน
ครับผมจะนำคำสอนของพี่ๆๆ ไปปฎิบัติคราบ ผมควบคุมได้แล้วคราบครั้งหลังสุดเกิดกับผมอย่างแรง เลย แต่ไม่เป็นไรผมไมสนใจเลนนะ อยากเกิดไรก็เกิด มันไม่มีตัวตน ผมชนะใจตัวเองได้ก็พอแล้ว 555 ผมรู้สึกดีขึ้นมากครับ แต่ผมจะปฏิบัติต่อนะคราบ ไว้เป็นอย่างไร ผมจะมาขอคำชี้แนะจากพี่ๆๆอีกนะคราบ ผมว่าท่าทำไม่ได้ก็ให้ตาย คาที่นั่งเลย 5555

ขอบคุณคราบพี่ทุกๆๆคน
มนพัทธ์ สุขขี
เออผมลืมผมอยากมีอาจารย์มั่งจังไปหาที่ไหนได้ครับใครรู้ช่วยบอกด้วยครับ "ศิษย์หาอาจารย์'
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 03 ม.ค. 2007, 6:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองศึกษาการฝ่าเสียง ฝ่าเวทนาที่ลิงค์นั้นครับคุณมนพัทธ์ สุขขี
http://larndham.net/index.php?showtopic=24026&st=0

http://larndham.net/index.php?showtopic=23961&st=0

ว่าเค้าสู้กันขนาดไหน
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มนพัทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 05 ม.ค. 2007, 8:18 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีคราบ
ผมก็ฝึกต่อนะคราบผมก็เจอไรแปลกอีกมือผมมันสั่นเหมือนนกเลยเหมือนบินได้นะแต่ผมไม่สนใจนะผมก็ พอง ยุบ อย่างเดียวเลย แล้วก็หายโล่งดีนะ ใครเคยเจออาการคล้ายผมบ้างเล่าให้ฟังบ้างสิแล้วทำไงต่อใครรู้ช่วยตอบหน่อยจิ
ขอบคุณคราบ
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 05 ม.ค. 2007, 4:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

-คุณทำลักษณะนั้นแหละ กำหนดรู้ไปเรื่อยๆ การ กำหนดรู้สภาวธรรมนั่นจะทำ

การชะล้างสิ่งต่างๆซึ่งเกิดขึ้นให้หมดไป...ไม่มีอกุศลหรือตะกอนตกค้างอยู่ภายในใจ อะไรที่เกิด

แล้วเรากำหนดรู้แล้ว สิ่งนั้นจะไม่เวียนมาอีก

คุณลองสังเกตตัวเองสิครับ สิ่งที่เกิดกับคุณครั้งก่อนที่ถาม...คุณฝ่าหรือผ่านมันได้แล้ว วันนี้ ณ

ขณะนี้ยังรบกวนคุณอีกไหม

คุณผ่านได้ฝ่าได้ สภาวะต่างๆจะละเอียดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าผ่านได้อีก...จิตใจเราก็จะสะอาดขึ้น

เรื่อยๆเช่นกัน จิตจะเป็นอิสระโล่งเบาปลอดโปร่ง ไม่ตกเป็นทาสของสิ่งต่างๆ อะไรเกิดก็รู้....

หลักการทำกรรมฐานควรพิจารณาให้ครบดังนี้ครับ...กาย เวทนา จิต ธรรม แนวสติปัฏฐาน ๔

ขอให้เจริญในธรรมครับ
 
มนพัทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 06 ม.ค. 2007, 11:52 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีคราบ
พี่ที่แนะนำ จริงอย่างที่พี่ว่าคราบ ใช่เลย กิริยาท่าทางเปลี่ยนไปเลื่อยๆๆ นะคราบแต่การหายใจของผม ว่างโล่ง กว่าเก่าและได้ยาวกว่าเก่าด้วยครับ ผมนั่งได้นานขึ้น นะคราบ เวลาผมปวดขาหนักนะคราบ ถ้านั่งเกิน 1 ชัวโมงผมปวดมาก ผมก็จะหายใจให้แรงและเร็ว แรงดังสนั่นเลยพักเดียวผมก็จะมีอาการ แปลกๆๆ อีกแล้วก็โล่งไม่ปวดขานั่งต่อได้อีกนะคราบนานเลยครับแต่โลงแล้วนะ นั่งสบาย นังดีๆๆ ผมชอบตอนนี้มากมันเบาสบายดี ผมก็จะทำต่อนะคราบ อ่ออาการสั่นอาการต่างๆๆน้อยลงครับ
ขอบพระคุณผู้รู้ที่มาชี้แนะทุกท่านคราบ
มนพัทธ์
มีอะไรชี้แนะบอกผมด้วยนะคราบ สวัสดีคราบ
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 06 ม.ค. 2007, 12:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณมนพัทธ์คราบ นั่ง 1 ชม. ก็พอแค่นั้นก่อนคราบ

เดินจงกรมเสียบ้างคราบ

เดิน 1 ชม. นั่ง 1 ชม.

นั่งเพียงอิริยาบถเดียวไม่ดีเท่าไหร่ เดี๋ยวสมาธิมากเกินไปต้องแก้กันอีก

เราควรดูความเป็นจริงมันมากกว่าไปจัดแต่งอะไรให้มันนะคราบ อย่างลมหายใจง่ะ ยาวสั้นก็รู้

ตามที่มันเป็นนะคราบ ดูให้ครบ ดูกาย ดูเวทนา ดูความคิด ธรรมะ มีนิวรณ์เป็นต้น ตามเป็น

จริง มันเป็นอย่างไรก็รู้อย่างนั้น ดูมันเกิด ดูมันเปลี่ยน เราก็จะเห็นมันเปลี่ยนแปลงไปไม่มีสิ่งใด

จิรังสักกะอย่างเดียว ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ถูกไหมคราบ

แม้แต่ความรู้สึกสบายเองก็เถอะคราบ สบายก็รู้ว่าสบาย ไม่สบายก็รู้ว่าไม่สบาย รู้สึกชอบก็รู้ว่า

ชอบ ไม่ชอบก็รู้ว่าไม่ชอบ ดูมันคราบ ถ้าคุณนึกชอบสภาวะใด ยึดเข้าไว้ เกิดสภาวะนั้นเปลี่ยน

ไปตามกฎของมัน คุณจะนึกเสียใจนะคราบ

แต่ก็ดีเหมือนกัน สภาวธรรมนั่นแหละสอนเราได้ดีกว่า

ใครคราบ

ค่อยๆเรียนรู้สัจธรรมเรื่อยๆไปนะคราบ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 06 ม.ค. 2007, 1:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง
http://larndham.net/index.php?showtopic=24070&st=0

คำถามและตอบกระทู้นี้ไม่มีวันสัมฤทธิ์ผล
เพราะถาม/ตอบคนละอารมณ์ความรู้สึกกัน
ผู้ถามตกอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกหนึ่ง
ผู้ตอบก็ตอบตามความรู้สึกหนึ่งของตน ซึ่งไม่ตรงกับผู้ถาม
ผู้ถาม ๆ ในสิ่งที่ตนปฏิบัติ แล้วได้สัมผัสสภาวธรรมเช่นว่านั้น...จึงต้องการวิธีแก้ และต้องการหลุดพ้นไปจากสภาวะนั้น

แต่ผู้ตอบๆ เชิงวิชาการและอนุมานเอาตามเหตุผล โดยไม่เข้าใจสภาวะซึ่งเกิดจากการปฏิบัติโดยตรง จึงแก้ปัญหาในเชิงปฏิบัติไม่ได้
สรุปว่า เป็นหมันทั้งผู้ถามและผู้ตอบ
ผู้ถามก็ผ่านภาวะนั้นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้คำตอบที่ตรงประเด็นที่ตนถาม

นี่คือปัญหาซึ่งเกิดแก่ผู้ปฏิบัติกรรมฐานและผู้ให้คำแนะนำซึ่งไม่สัมพันธ์กันสวนทางกัน
และจะเป็นปัญหาต่อไปแบบน่าเป็นห่วง

-ทางออกจากสภาวะนั้น มีอยู่มิใช่ไม่มี ก็แค่รู้ทันสภาวะนั้นตามเป็นจริง ตามที่มันเป็นของมัน คือรู้เท่ารู้ทันมัน ได้แก่มันเป็นเช่นว่านั้นเอง ก็ในเมื่อมันเป็นเช่นนั้น แต่เราไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น คือ ต้องการให้มันเป็นไปตามความต้องการของตน...ความต้องต้องการของตนนั้นได้เข้าไปฝืนธรรมชาติฝืนสภาวธรรมความเป็นจริงแล้ว

ความจริงภาวะที่เกิดขึ้นทุกอย่างมันสอนเราทั้งนั้น รู้เท่าทันมันแล้วยอมรับความจริงก็จบ ผ่านไปได้....
ในการปฏิบัติแบบพอง-ยุบ ท่านให้กำหนดรู้อารมณ์ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาทุกขณะ
นั้นแหละเป็นการแก้ แก้โดยการรับรู้ รู้จัก รู้ทันสภาวธรรมทั้งหลายตามความเป็นจริงแล้วก็ผ่านได้
แต่เราติดแค่วิธีการมองไม่ทะลุผลที่ลึกลงไป

กำหนดรู้ตามที่เป็นจริงในขณะนั้นๆว่า ปวดหนอ ร้อนหนอ ทุกข์หนอ.... ตามที่รู้สึกในขณะนั้นๆ แค่นี้เองก็ผ่านสภาวะนั้นแล้ว รู้จักมันแล้วกำหนดรู้แล้ว

- แต่บางทีเราใจร้อนอีก กำหนดรู้อย่างนั้น 2-3 หน จะให้หายจ้อยเลย ใจร้อนไป บางสิ่งบางอย่างเรายังไม่เห็นมันโดยชัดเจน...ใจเย็นๆกำหนดรู้ตามความเป็นจริงไว้...
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา

แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 07 ม.ค. 2007, 4:51 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มนพัทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 06 ม.ค. 2007, 2:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมลองเดินดูนะ ก็ไม่รู้กำหนดอย่างไรนะ
อ่านเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนะแต่ลองแล้วนะ
ก็ดีนะแต่ก่อนก็เดินนะ ที่ดาดฟ้าที่บ้าน 5 รอบได้ 1ชัวโมงพอดีเลย แต่ก็ทำไปแบบไม่มีครูนะก็ลองดูแล้วเดียวลองทำอีกทีนะ คืนนี้เลย 555 เดียวมาเล่าให้ฟังนะ
คืนนี้ผมจะลองดูคราบขอบคุณคราบ
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 06 ม.ค. 2007, 4:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดูหลักการทำกรรมฐาน

กรรมฐาน แปลว่า ที่ให้จิตทำงาน หลักก็ใช้ รูป-นามนี่เองเป็นที่ทำงาน

ใช้อิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำการทำงาน... ใช้เป็นอารมณ์ ใช้กำหนดรู้ได้หมด

มาพูดถึงการใช้รูป หรือ การเดินจงกรมกันบ้าง ก็ใช้รูปหรือร่างกายนี่แหละกำหนดรู้เพื่อสร้าง

สติสัมปชัญญะ เรามีสองขาเอง คือ ขาซ้าย ข้างหนึ่ง กับขาขวาข้างหนึ่ง ขาไหนก้าวไปก็เอาขานั้น

กำหนดรู้ไป

ซ้าย - ยกเท้าซ้ายขึ้น
ย่าง- ก้าวเดิน
หนอ - ถึงพื้น
ขวา
ย่าง
หนอ

เดินตามปกติล่ะนะ ไม่สร้างสรรการเดินให้แปลกพิสดาร เดินเพื่อสร้างสติ

สัมปชัญญะ เดินเพื่อทำความระลึกรู้สึกตัว ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ...ฯลฯ...

เดินสุดพื้นที่แล้วหยุด กำหนดรู้ยืนหนอ ๆๆ ก่อน แล้วหมุนตัวกลับหลัง

กำหนดรู้พร้อมกับหมุนตัวกลับด้วย กลับหนอๆๆ ตรงที่ตรงทางแล้วเดินต่อไป ซ้าย ย่าง หนอ

ขวา ย่าง หนอ...ต่อ เท่านี้เอง

ไปดูหลักการเดินจงกรมทั้งหมดที่ลิงค์นี้

http://larndham.net/index.php?showtopic=21157&st=7

คุณเดินระยะที่ 1 พอนะคราบ

-ปล.ทำกรรมฐานไม่มีสิ่งศักดิ์ผีสางนางไม้ที่ไหนช่วยได้ ทำเองช่วยตนเองด้วยการกำหนด

รู้อารมณ์ต่าง ๆ ตามหลักสติปัฏฐาน (แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง

ให้

ส่วนการดำเนินไปตามหนทาง (อริยมรรค) นั้น ท่านให้เราไปทำเอง ยังมีผู้เข้าใจคลาดเคลื่อน)
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา

แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 06 ม.ค. 2007, 6:10 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มนพัทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 08 ม.ค. 2007, 3:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีคราบทุกๆๆท่านที่ผ่านมาให้คำชี้แนะ
เมือวันอาทิตย์ ที่ 7 นี้ผมก็ไปทีวัดมาคราบ วัดป่ากลางบุญ นะคราบ
ผมไปนั่งสมาธินะคราบ ผมก็เจอกับความแปลกอีกแล้วนะคราบวันนี้มีท่าแปลกเล่าให้ฟังคราบ
วันนี้ผมนั่งได้ประมาณ 45 นาทีผมก็เหมือนกับขาดการควบคุมตัวนะคราบแต่ผมก็ไม่สนใจจะเป็นอย่างไรช่าง เพราะมันไม่ใช่ พอง ยุบ นะ ผมก็พองยุบ ๆๆๆไปเลื่อย จะเป็นท่าไหนก็ช่างไม่สนใจเลยจบผมรู้สึกว่าสงบ แล้วก็พองยุบต่อนะ ตอนจะสงบนั้นนะผมมีความรู้สึกเหมือนมองเห็นแต่ผมหลับตาอยู่นะเป็นสีแดง และ เหมือนมีคนตัวสีแดงด้วยนะไม่รู้เพราะอะไร แต่ ผมก็พองยุบต่ออีกนะไม่สนแล้วก็โล่งนะ พอลืมตา ก็ประมาณ เกือบ 2ชั่วโมงที่นั่งนะคราบ
ปรากฎว่าผมมานั่งอยู่อีกที่ หนึ่งนะคราบ ไกลกว่าจุดที่ผมนั่งเดิมเกือบ 2 เมตรนะ เพราะผมวางเสื้อ คลุมไว้นะ ผมก็แปลกใจนะคราบ มาได้ไงแต่ก็ไม่ได้ติดใจไร แต่ตอนนั่งสิครับเหมือนกำลังต่อสู้ไรสักอยางมันหนักหน่วง กว่าจะเอาชนะใจได้นะ แต่ ผมหายใจแรงมากเลยเสียงดังมากเลยแต่ตื่นเต้นดีครับ แต่หาข้อเท็จจริงให้ได้ครับ ผมจะหาจุดสิ้นสุดให้ได้คราบแล้วจะมาเล่าให้ฟังครับ อ่อ แต่ที่วัดมีหมาเป็นร้อยเลยคราบ หลวงพ่อชาญ ชาโน พูดเสียงดังดี

มนพัทธ์ สุขขี
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 09 ม.ค. 2007, 8:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก่อนนั่ง ได้นั่งตรงไหนกำหนดรู้ตัวดี ๆ ก่อนนะครับ

เมื่ออาการอื่นๆเกิดกำหนดรู้อาการที่เกิดขึ้นก่อน แล้วค่อยกลับมาพองหนอ ยุบหนอ นะคราบ

เห็นอะไรก็กำหนดรู้ "เห็นหนอๆๆ" ก่อนคราบ

เดินจงกรมบ้างนะคราบตามที่ให้แนวทางไว้

เล่าอาการให้หลวงพ่อฟังบ้างมั้ยคราบ และท่านว่าอย่างไรบ้าง เล่าให้ฟัง

บ้างสิคราบ

ขอให้ปฏิบัติรุดหน้าขึ้นเรื่อยๆนะคราบ

อ้อ...ที่ผมได้เขียนมาแต่ต้น เป็นการแนะนำทางให้นะคราบ ไม่ได้สอนนะคราบ นึกว่า เราเป็น

กัลยาณมิตรกันเป็นเพื่อนกันทางธรรม ให้ถือว่าเพื่อนช่วยเพื่อน
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง