ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
นศ.สพ ณฐนน ปานเพ็ชร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
30 พ.ย.2006, 4:32 am |
  |
สงสัยในตัวเองมากค่ะ ทำไมถึงมีจิตที่ดูดวงให้คนอื่นได้ แบบว่ามองหน้าคนก็รู้ดวงชะตาได้ แต่ว่าดวงชะตาที่ทราบนั้น จู่ๆ ก็รู้เองโดยไม่มีสาเหตุค่ะ...ยัง งง กับตัวเอง
แต่หนูมีความสามารถดูดวงทางไพ่ยิปซี และลายมือ ค่ะ คือว่า ลายมือหนูศึกษาจากหนังสือมาก่อนแล้วตั้งแต่ ม.ต้น จนปัจจุบัน ส่วนไพ่ยิปซี หนูก็อ่านหนังสือและเรียนด้วยตัวเองตั้งแต่ ป.6 ค่ะ แต่การที่หนูดูดวงการได้พบเห็นคนแบบแค่เห็นหน้าก็รู้ หนูไม่เข้าใจว่าดูได้อย่างไรความคิดจู่ๆ ก็ออกมาโดยไม่รู้เลย....ใครรู้บ้างว่าเป็นเพราะอะไรค่ะ
แล้วมีอีกเรื่องนึงค่ะ คือการดูดวงให้ผู้อื่นเป็นบาปมั๊ยคะ |
|
|
|
|
 |
ปุ๋ย
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
|
ตอบเมื่อ:
30 พ.ย.2006, 3:25 pm |
  |
กราบสวัสดี คุณนศ.สพ ณฐนน ปานเพ็ชร
อือม...ก็ตัวเองก็บอกว่าศึกษามาจากหนังสือไง คงมีบารมีเดิมที่สะสมในทางนี้มาบ้างทำให้ไปสนใจศึกษาจากหนังสือเหล่านี้ มันก็เหมือนการทบทวนสัญญาเดิม ดูดวงนี่ ถ้ายังไปตีเป็นอดีต อนาคต รู้แค่ความคิดเค้า มันก็แค่นั้นแหละ มันก็บาป เพราะดูแล้วพลิกสถานการณ์เค้าไม่ได้ รู้แค่ความคิด หมอก็ยังคิดอยู่ คนดูฟังแล้วก็ปรุงคิดต่อ ก็ยังตามความคิดกันอยู่ก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะพลิกให้เค้าไม่ได้ ยิ่งบางคนแนะไปทางพิธีกรรมก็ยิ่งไปกันใหญ่ เรียกว่าไม่มีปัญญามาแก้ไขให้ตรงจุด
เจริญในธรรม
มณี ปัทมะ ตารา  |
|
|
|
   |
 |
สติสัมปันน์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
08 ธ.ค.2006, 6:54 pm |
  |
บางคนเรียกว่าการมีเซ้นต์ครับ ถ้าว่าตามโหราศาสตร์
ประเภทดวงดาวนะครับ เค้าถือว่าดาวมรณะ ดาวเกตุ
ดาวมฤตยู สัมพันธ์ถึงลัคณาครับ เป็นเรื่องธรรมดาครับ
ไม่แปลกครับ ถามว่าบาปไหม ก็มีบ้างครับจะบาปก็บาปในส่วนที่เราไม่
ได้รู้เป็นอนาคตจริงๆ (คือเราไม่ได้อนาคตังสญาน) แล้ว
ทำนายเค้าครับ เพราะถ้าไปแนะแนวเค้าในทางที่เราเป็นตามความรู้
สึกเรา แต่เหตุการณ์นั้น มันไม่เป้นไปตามที่เราเห็นละ มานจะเป็นแนะ
นำเค้าไม่ถูกนะซิครับ พระพุทธศาสนาเราสอนให้เชื่อเรื่องกรรม
เรื่องผลของกรรม เรียกกว่าเชื่อว่าทำสิ่งไร ย่อมได้รับผลตามสิ่งที่ตนทำนะครับ
เวทย์มนต์ คาถาทั้งมวล ไม่สู้อิทธิฤทธิ์
อิทธิฤทธิ์ ทั้งมวลไม่สู้ อภิญญาฤทธิ์
อภิญญาฤทธิ์ ทั้งมวลไม่สู้ บุญญฤทธิ์
บุญญฤทธิ์ ทั้งมวล ไม่สู้ วิบากกรรมฤทธิ์ |
|
|
|
|
 |
ภูมิภพ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
11 ธ.ค.2006, 9:42 pm |
  |
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในปัจจุบันนี้ มีเหตุปัจจัยก่อเนื่องหนุนมาจากอดีตส่วนหนึ่ง
จากการประพฤติปฏิบัติและลงมือกระทำในปัจจุบันอีกส่วนหนึ่ง
ถ้าเรานึกคิดสิ่งใดแล้วเป็นจริงปรากฏตามความคิดนั้น.. เรารู้เท่าทันกับสิ่งเหล่านั้นหรือไม่..
ถ้าเราไปติดยึดกับความสามารถที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน.. จริงแท้ตลอดไปหรือไม่..
สักวันเราจะหลงตัวเอง.. ว่ากูเป็นผู้วิเศษ.. กู้รู้กูเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้แล้ว..
จริงอยู่ว่า.. สิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง... แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นนิรันดร์.. ไม่ยืนยงถาวร..
จะมีเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งที่ได้สัมผัสเท่านั้น.. แล้วความไม่เที่ยงแท้ก็จะตามมา
ความเสื่อมถอยก็จะเริ่มปรากฏ.. แต่ทว่า.. เราผู้กำลังหลงไหลในอำนาจวิเศษ
หลงในความเป็นคนที่ไม่ธรรมดา.. จะรู้เท่าทันหรือไม่.. จะยอมรับกับความเป็นไป
ที่ไม่เหมือนกับที่เป็นมาได้หรือไม่.. เรารับได้หรือไม่ตั้งแต่เริ่มต้นจนสุดท้าย..
..."บุญกุศลเก่ามีมาให้ปรากฏ อย่าหลงชดใช้ไปให้หดหาย
รีบสร้างความดีใหม่ไม่เว้นวาย พ้นอบายสู่ภูมิธรรมนำความจริง"...
( พระพุทธองค์ก็ยังทรงดับขันธ์ .. แล้วเหล่ามวลมนุษย์ทั้งหลายยังมุ่งหวังสิ่งใดกัน.. ) |
|
|
|
|
 |
|