Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เหตุผลที่ชาวพุทธ "จำเป็น" ต้องทำ "สมาธิ" อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
dharma_sawasdee
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 23
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 26 ต.ค.2006, 10:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เหตุผลที่ชาวพุทธ "จำเป็น" ต้องทำ "สมาธิ"

ทุกวันนี้ มีชาวพุทธจำนวนมาก ที่ไม่รู้ว่า....

สมาธิ คือ อะไร?
ทำไม ต้องทำสมาธิ?
สมาธิ มีประโยชน์ ?

หลายคนคิดว่า สมาธิเป็นเรื่องของพระสงฆ์ , คนที่ปล่อยวางทางโลกแล้ว,
ต้องเข้าป่า, ต้องหนีทางโลก , เรื่องของคนแก่ถือศีลตามวัด จึงจะทำสมาธิได้

แต่จริงๆ แล้ว
สมาธิเกี่ยวข้องกับ "ชีวิตประจำวัน" ของทุกคน ในทุกอย่างก้าว

และ เป็นเรื่องพื้นฐานที่สุด สำหรับชาวพุทธ (ที่ไม่ใช่แค่พุทธในทะเบียนบ้าน !)
สามารถฝึกสมาธิ ในทุกสถานที่ เช่น ที่บ้าน ที่โรงเรียน ที่ทำงาน
และ ทำได้ ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย (เด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน ผู้ใหญ่ คนชรา)


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

สมาธิ เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคน"จำเป็น" ต้องทำ


หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ
(ศิษย์เอกองค์หนึ่งของหลวงปู่มั่น)
สาธุ สาธุ สาธุ

ท่านได้อธิบายเรื่องสมาธิ ดังนี้


- สมาธิ คือ การที่จิตจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

*** วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการทำสมาธิ คือ เพิ่ม"พลังจิต"

- ร่างกาย ต้องมี กำลัง(พลัง)กาย และ จิต ก็ต้องมี พลังจิต เช่นกัน

- พลังกาย ได้จาก การกินอาหาร
พลังจิต ได้จาก การทำสมาธิ

- ในชีวิตประจำวัน :

ร่างกาย ต้องใช้ พลังกายในทุกๆกิจกรรม
ทำให้พลังกายลดลง ซึ่งต้องชดเชยกลับโดยการ ทานอาหาร
เพราะ ถ้าพลังกายลดลงมากเกินไป ร่างกายก็จะอ่อนแอถึงตายได้

จิต ก็จำเป็นต้องนำ พลังจิตออกมาใช้งาน ในทุกๆกิจกรรม เช่นกัน
ทำให้พลังจิตลดลง ซึ่งต้องโดยชดเชยกลับโดยการ ทำสมาธิ
เพราะ ถ้าพลังจิตลดลงมากเกินไป จิตใจก็จะอ่อนแอ-เสื่อม อาจถึงเป็นบ้าได้

ดังนั้น พลังกาย และ พลังจิต
จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์


- ความสุข / สงบในสมาธิ และ การเข้าฌานได้
เป็นแค่ “ผลพลอยได้” ที่เกิดการสะสมพลังจิตไว้มากเพียงพอแล้ว เท่านั้น
(ถ้าพลังจิตยังสะสมไม่มากพอ จิตก็จะยังไม่สงบ และ ยังเข้าฌานไม่ได้)

*** หลวงพ่อวิริยังค์ ท่านจึงเน้นการทำสมาธิ
เพื่อ นำพลังจิตมาใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องสำคัญ


ส่วนความสุข/สงบในสมาธิ หรือ การเข้าฌานได้ ก็ถือว่าเป็นกำไรของชีวิต

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

การทำสมาธิ “จำเป็น” ต้องบริกรรม

หลวงพ่อวิริยังค์ สอนว่า การทำสมาธิ “จำเป็น” ต้องบริกรรม

การบริกรรม
คือ การนึกคำเพียง 1 คำ เท่านั้น ในใจ นึกซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ
เช่น นึกคำว่า พุทโธ , สัมมาอรหัง, นะโมพุทธายะ, เตโชกสิณัง, ยุบหนอ-พองหนอ ฯลฯ
(เลือกใช้แค่ 1 คำ เท่านั้น)


กติกาที่สำคัญ คือ “ไม่ควรเปลี่ยนคำบริกรรม”
เช่น เลือกนึกคำว่า "พุทโธ" ก็ต้องใช้ "พุทโธ " เท่านั้น ในทุกครั้งที่ทำสมาธิ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขออนุโมทนากับผู้ใผ่ธรรมทุกท่าน ครับ สาธุ
 

_________________
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
dharma_sawasdee
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 23
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 27 ต.ค.2006, 9:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วิทิสาสมาธิ (ของหลวงพ่อวิริยังค์)

วิทิสาสมาธิ คือ
นั่งสมาธิ แค่ครั้งละ 5 นาที
วันละ 3 ครั้ง(เช้า-กลางวัน-เย็น) ทุกวัน


วิทิสาสมาธิ เป็นรูปแบบสมาธิที่ง่ายที่สุด
แต่ให้ผลเพิ่มพลังจิต ได้อย่างมหาศาล

เหมาะกับ คนสมัยใหม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาทำสมาธิ
ด้วยติดขัดภาระกิจ-การงาน-ปัญหาในชีวิตประจำวัน
เพราะใช้เวลาทำสมาธิแค่ 5 นาที ครับ


บางคน ถ้าจะให้หมั่นภาวนาเรื่อยๆ ในขณะยืน-เดิน-นั่ง-นอน / ระหว่างการทำงาน
แต่เอาเข้าจริงๆ เขาก็ทำไม่ได้ เพราะ ใจมัวแต่พะวง-กังวลเรื่องงาน

วิทิสาสมาธิ จึงเป็นการทำให้ง่าย สำหรับทุกคน
เพราะ กำหนดเป็นเวลาชัดเจน 3 เวลา คือ เช้า-กลางวัน-เย็น
เหมือน การทานข้าว/ยา ให้ตรงเวลา 3 มื้อ แค่นั้นเอง

สำคัญที่สุด คือ "ต้องทำทุกวัน" (ห้ามขาดแม้แต่วันเดียว)
และ ถ้าทำ ติดต่อกัน แค่ 1 - 3 เดือน รับรองเห็นผลดี แน่นอน ครับ


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขออนุโมทนากับผู้ใผ่ธรรมทุกท่าน ครับ สาธุ
 

_________________
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง