Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 อาศัยกิเลส - อาศัยโลกธรรม บำเพ็ญบารมี อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
I am
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 ต.ค.2006, 8:52 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อาศัยโลกธรรมบำเพ็ญบารมี

ทุกคนก็สามารถปฏิบัติบารมี ในเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิต ทั้งในด้านดี ในด้านร้าย ในด้านดีนั้น เมื่อได้ประสบโลกธรรมส่วนที่ดี คือลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็อาศัยโลกธรรมส่วนที่ดีนี้ประกอบคุณงามความดีทั้งหลาย ให้เป็นทานบ้างเป็นศีลบ้างเป็นต้น

เพราะว่าการที่จะประกอบประโยชน์ เพื่อให้เกิดความสุข บรรเทาทุกข์แก่คนทั้งหลาย
แก่สัตว์ทั้งหลาย ต้องอาศัย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เมื่อมี ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มาก
ก็สามารถที่จะประกอบคุณงามความดีได้มาก

ทำทานคือทำการช่วยเหลือต่างๆ ให้แก่บุคคลทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายได้มาก ปฏิบัติศีลได้มาก และปฏิบัติในเนกขัมมะคือการออกได้มาก ปฏิบัติปัญญาได้มาก และข้ออื่นทุกๆข้อสามารถทำได้ดีได้มาก

แม้เมื่อประสบโลกธรรมส่วนที่เสีย คือความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์
ก็ใช้ความเสื่อมเหล่านี้มาบำเพ็ญบารมีได้ โดยที่มีขันติคือความอดทน

และมีข้ออื่นเช่นเนกขัมมะคือการออก อันหมายความว่าไม่ทำใจให้ติดอยู่ในสิ่งที่เสื่อมไปนั้น จะเป็นลาภก็ตาม เป็นยศก็ตาม เป็นสรรเสริญก็ตาม เป็นสุขก็ตาม แต่นำจิตให้ออกได้และอบรมปัญาคือความรู้ พิจารณาให้เห็นว่าเป็นโลกธรรม ธรรมดาโลก และเป็นธรรมดาของกรรม เป็นธรรมดาของสังขารคือสิ่งผสมปรุงแต่ง

ให้เกิดปัญญารู้ตามเป็นจริง อาศัยความเพียรพยายามที่จะระงับใจตัวเอง และอบรมใจตัวเองให้มีความรู้ให้มีความอดทนเป็นต้นดังกล่าวนั้น และไม่ให้ทิ้งความดี ขวนขวายกระทำความดีเท่าที่จะทำได้ให้ยิ่งขึ้น ดั่งนี้ก็เป็นการเพิ่มบารมี

อาศัยกิเลสบำเพ็ญบารมี

และแม้ว่าเวลาบังเกิดกิเลสขึ้น เช่นเกิดราคะความติดใจยินดี โทสะความโกรธแค้นขัดเคือง โมหะความหลง หรือเกิดความโลภอยากได้ เกิดตัณหาความดิ้นรนทะยานอยากต่างๆ ก็ปฏิบัติระงับใจตัวเอง

มั่นคงอยู่ในศีลที่จะไม่ประพฤติละเมิดไปตามอำนาจของกิเลส
เว้นจากการฆ่าการทำร้ายเขาได้
เว้นจากการลักขะโมยเขาได้
เว้นจากประพฤติผิดประเพณีในทางกามได้
เว้นจากพูดเท็จได้
เว้นจากน้ำเมาคือสุราเมรัยอันเป็นฐานของความประมาทได้ เป็นต้น


คือแปลว่าเว้นใจตัวเองได้ เว้นกิเลสในใจของตัวเองได้ มีความอดทนเอาไว้ไม่ปล่อยกิเลสออกไป ให้เป็นกรรมที่เป็นบาปเป็นอกุศล เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นให้เดือดร้อน
ประกอบด้วยใช้สติ ใช้ปัญญา ใช้ความอดทน วางใจลงไปให้เป็นอุเบกขาให้ได้ คือทำตนมัธยัสถ์เป็นกลาง ไม่ยอมให้ฝ่ายยินดีหรือยินร้ายดึงเอาไป

ดั่งนี้ก็เป็นการบำเพ็ญบารมี เวลาโกรธขึ้นมาก็ปฏิบัติดับโกรธให้ได้ ก็เป็นการบำเพ็ญบารมีกันอย่างหนึ่งๆ โลภอะไรขึ้นมาเมื่อเป็นสิ่งที่ไม่สมควรก็ปฏิบัติดับโลภได้

ดับได้ทีหนึ่งก็เป็นการเพิ่มบารมีขึ้นทีหนึ่ง เพราะฉะนั้น จึงสามารถที่จะบำเพ็ญบารมี หรือความดีได้ในทุกโอกาส ได้ในทุกขณะ ได้ในทุกสถานที่

: บารมีและอาสวะ
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

สาธุ
 
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 19 ต.ค.2006, 3:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุจ้า...คุณ I am

ยิ้ม ยิ้มแก้มปริ อายหน้าแดง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง