กฎแห่งกรรมมีจริงปล่าว

ผู้เยี่ยมชม

กฎแห่งกรรมมีจริงปล่าว
เราเห็นมีแต่คนชั่วได้ดีตลอด
คนโกหก ประจบสอพลอ ขี้โกง ขี้ขโมย ได้ดีกันเป็นแถว
เราไม่เคยขโมยของใคร ไม่เคยโกงใคร
แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ โดนล้วงกระเป๋าไป 1000 บาท
ตอนเรียนอยู่ก็โดนประมาณ 2 ครั้ง โดนขโมยไปหลายพันบาทอยู่
ในชีวิตนี้ทำดีไม่เคยได้ดีเลย
อ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ก็มีข่าว โจรปล้นบ้าน มือปืนยิงคนเสียชีวิต
ถามว่า คนที่ถูกโจรขึ้นบ้าน ทำบาปทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องเจอเรื่องร้าย ๆ แบบนี้
ทนายสมชาย ถูกอุ้มฆ่า ถามว่าเขาไปทำกรรมอะไรไว้ เขาถึงต้องถูกอุ้มฆ่า
เราเห็นแต่ผู้บริสุทธิ์ ถูกทำร้าย ถูกรังแก ข่มเหงต่าง ๆ นา ๆ
คนที่อธิบายกฎแห่งกรรม พออธิบายอะไรไม่ได้ก็อ้างแต่ชาติก่อน ชาติก่อน
แล้วมันขัดต่อหลักกาลามสูตร หรือปล่าวครับ

ตอบเมื่อ: 22 ต.ค.2006, 9:37 am

โลกนี้มีพืชพรรณ มากมาย การเจริญเติบโตก็ต่างกันไป ตามสถานที่ ตามสภาพอากาศ ก็คือตามปัจจัยนั้นเอง

โลกนี้ไม่ว่าท่านจะเอาพืชอะไรมาปลูก ท่านก็จะได้พืชนั้น เป็นหลักธรรมชาติ แต่จะได้ช้าหรือเร็วนั้นเราบอกไม่ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับปัจจัย เพราะแม้แต่พืชแบบเดียวกันมันยังโตไม่เท่ากันเลย แล้วพืชที่ต่างชนิดกัน เราจะไปคาดเดาอะไรได้

กรรมก็เช่นกัน เมื่อกระทำแล้ว ก็จะให้ผลเช่นเดียวกับพืชพรรณ ให้ผลช้าบ้างเร็วบ้างตามเหตุและปัจจัย

เราจึงไม่อาจคาดหมาย หรือให้เป็นอย่างที่เราต้องการได้ แต่ ธรรมชาติย่อมมีกฏของธรรมชาติ

กรรมก็เช่นเดียวกัน ย่อมมีกฏแห่งกรรม

มันขัดต่อหลักกาลามสูตร หรือปล่าวอันนี้ท่านต้องปฏิบัติเอง ถึงจะยอมรับธรรมนั้นๆได้
เพราะกาลามสูตรเป็นการสอนให้พิจารณาสิ่งที่เห็น ได้ยิน รู้ ว่าเป็นจริงตามธรรมชาติไหม

เพราะกฏหลักของธรรมชาติ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

หากจะขยายความต่อ ก็จะได้ อริยสัจสี่ ได้ มรรค 8 ได้ 84000 พระธรรมขันธ์

ย่อก็ได้ ขยายก็ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ออกมาจาก ธรรม เดียวกัน

ตอบเมื่อ: 25 ต.ค.2006, 4:46 pm

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
กรรมนั้นเป็นคำกลางๆ ครับ ไม่ว่าจะทำดีหรือทำชั่วก็เรียกว่ากรรมด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งนี้มีเจตนาเป็นที่ตั้ง แต่ในศาสนาพุทธของเรานั้นพระพุทธองค์ทรงตรัสสอนว่า ให้แยกกรรมออกจากลัทธิผิดๆ 3 ลัทธิคือ
1. บุพเพกตวาท บุคคลจะสุขก็ดี จะทุกข์ก็ดี หรือไม่สุข ไม่ทุกข์ก็ดี ล้วนเกิดจากกรรมเก่า
2. อิศวรนิรมิตวาท บุคคลจะสุขก็ดี จะทุกข์ก็ดี หรือไม่สุข ไม่ทุกข์ก็ดี ล้วนเกิดจากพระเจ้า หรือเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่บันดาลให้ทั้งสิ้น
3. อเหตุวาท บุคคลจะสุขก็ดี จะทุกข์ก็ดี หรือไม่สุข ไม่ทุกข์ก็ดี ล้วนเกิดจากความบังเอิญ โชคชะตาวาสนานำพาให้เป็นไป
-ถ้ายึดกรรมเก่าเป็นเหตุแล้ว ฉันทะ วิริยะ ที่เราทุกคนจะพึงกระทำก็ไม่ต้องทำรอกรรมเก่าก็แล้วกัน
-ถ้ายึดเทพเจ้าบันดาลแล้ว ก็อ้อนวอนเอาก็แล้วกัน ไม่ต้องทำอะไรอ้อนวอนเอาจากพระเจ้าก็ได้
-ถ้ายึดโชคชะตาวาสนาแล้ว แล้วต้องทำนั่นทำนี่ทำไมรอวาสนาโชคชะตาช่วยไม่ดีกว่าหรือ
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ศาสดาเป็นแต่เพียงผู้บอกผู้แนะนำ ถึงตอนทำเธอต้องทำเอง ไม่ไช่กรรมเก่าไม่ให้ผล กรรมเก่าให้ผลเหมือนกันแต่เราไม่ยึดติดแต่กรรมเก่าเท่านั้นต้องทำกรรมใหม่ให้ดีด้วย
พยายามปรับปรุงตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก ต้องระวังตัวเองไม่ให้ตกลงไปใน 3 ลัทธินี้
สำหรับการทำความดีนั้นย่อมได้ดีเสมอ แต่ที่ว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไปนั้น ต้องเข้าใจว่า กรรมจะไม่ส่งผลหรือให้ผลพร้อมกันได้ ในขณะที่เขาทำชั่วแต่ได้ดีนั้น คงเนื่องด้วยกรรมดีของเขายังให้ผลอยู่ ต่อเมื่อหมดกรรมดีเมื่อไร กรรมชั่วจึงจะให้ผลต่อไปได้ เหมือนเราดื่มน้ำถ้าเรากำลังดื่มน้ำแดงอยู่ เราก็ยกน้ำเขียวขึ้นมาดื่มไม่ได้ ต่อเมื่อเราดื่มน้ำแดงหมดเมื่อไร เราจึงจะดื่มน้ำเขียวต่อได้ กรรมก็เป็นเช่นนั้นเอง ขอแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
ถ้าต้องการหนังสือธรรมะ ติดต่อมาได้ที่ c-hayachai@hotmail.com ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และขอขอบคุณทุกท่านครับ

ตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 1:05 pm

เรื่องเดิมรึเปล่า สงสัย