ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
พี่ดอกแก้ว
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 07 มิ.ย. 2004
ตอบ: 118
|
ตอบเมื่อ:
09 พ.ย.2004, 9:53 am |
  |
ณ ท่ามกลางบทบาทของการเป็นผู้ดูละครชีวิตอยู่บนเรือลำน้อยนี้ ทำให้ชัดเจนในความแตกต่างระหว่างฝั่งแห่งความสงบและฝั่งแห่งการไขว่คว้าแก่งแย่ง หากเมื่อใดที่ชีวิตมีความเพียงพอแล้ว ... ความสงบและเยือกเย็นก็จะเกิดขึ้น ไร้ความเคลื่อนไหวเพื่อช่วงชิง ดุจดังไพรพฤกษ์ที่ให้ความร่มเย็นแก่ตน และผู้ที่พบเห็น แต่หากเมื่อใดที่ชีวิตยังมีความขาด ..ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ความเคลื่อนไหวที่ร้อนรนก็จะเกิดขึ้นมาก และมากไปตามปริมาณของความต้องการที่มีอยู่ในจิตใจ .. เพราะความไม่มี...จึงต้องแสวงหา และเพราะความไม่พอ...ก็ยิ่งต้องแสวงหาแม้ว่าจะมีแล้วก็ตาม
เมื่อยามราตรีเข้าครอบคลุมลำน้ำจนมืดมิด ฉากแห่งการพิจารณาได้เปลี่ยนทิศไปเพื่อการทัศนาธรรมชาติริมฝั่ง เพราะความมืดมิดมิใช่สิ่งงดงามที่ควรเพ่งมอง แต่ความสว่างต่างหากเล่าคือสิ่งที่น่าปรารถนาในทามกลางความมืด หิ่งห้อย...จึงเป็นเสน่ห์อีกบทหนึ่งของลำน้ำยามค่ำคืน
แสงไฟที่กระพริบอยู่ในลำตัวอันเนื่องมาจากการหายใจของหิ่งห้อยนั้น ก่อให้เกิดความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งหลาย นั่นก็เพราะว่า...แต่ละคนที่มาล้วนไม่มีไฟเรืองแสงในตนเองเช่นหิ่งห้อยเหล่านี้ จึงมองเห็นการมีแสงไฟเป็นสิ่งที่แปลก และต้องเดินทางมาหามาดูในสิ่งไม่มีในตน แต่ถ้าหากมนุษย์สามารถนำความสว่งนั้นมาให้เกิดขึ้นในตนได้แล้ว การเสาะแสวงหาเพื่อชมความงามในแสงสว่างของผู้อื่นก็จะหมดลงไปโดยปริยาย
เมื่อพิจารณาโดยนัยแห่งการดำเนินชีวิต ความสว่าง...จึงเป็นสิ่งที่มนุษย์ค้นหามาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟ หรือไฟฟ้าก็ตาม ไม่มีมนุษย์คนใดที่ไม่ต้องการความสว่างในช่วงชีวิตของตน แม้ความสว่างที่กล่าวถึงนี้จะเป็นเพียงแสงภายนอก ...ก็ยังเป็นที่ค้นหาและต้องการของทุกชีวิต จึงควรที่มนุษย์ผู้ไม่ชื่นชอบความมืดทั้งหลาย จะใส่ใจสร้างแสงสว่างให้เกิดขึ้นในตนด้วยการศึกษาพระธรรรมให้เกิดความเรืองแสงแห่งปัญญา เพื่อเป็นที่พึ่งแห่งตน และในบางคราวก็เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้เช่นกัน... ซึ่งในที่สุดก็จะหยุดการเดินทางเพื่อทัศนาจรไปยังถิ่นต่างๆเพื่อแสวงหาด้วยความอยากได้ใคร่ดี และสงบงามได้ดังฟากฝั่งแห่งไพรพฤกษ์ที่ไร้การดิ้นรนไขว่คว้านั่นเอง
[center] เลียบเรือน้อยลอยชลยลฝั่งคลอง [/center] |
|
_________________ เป็นประธานมูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ |
|
  |
 |
พี่ดอกแก้ว
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 07 มิ.ย. 2004
ตอบ: 118
|
ตอบเมื่อ:
09 พ.ย.2004, 9:55 am |
  |
เลียบเรือน้อยลอยชลยลฝั่งคลอง
มุ่งหมายมองความงามตามพฤกษา
เห็นโพงพางกางกั้นชั้นชลา
บ่งวิธีจับปลาของชาวคลอง
ล่องลอยไปหัวใจกลับสงบ
เมื่อได้พบความหมายในฝั่งสอง
หนึ่งนั้นพลุ่งพล่านไปในครรลอง
ที่หมายปองขายค้าเพื่อหากิน
ชนมากมายวุ่นวายแข่งขันเสียง
ตะเบ็งเถียงราคาค่าทรัพย์สิน
เรียกตลาดขายขาดเป็นอาจิณ
หลายชีวินคร่ำเคร่งเก็งราคา
อีกหนึ่งฝั่งยังเรือนเหมือนต้นไม้
สงบกายไร้พล่านขานโทสา
มีไม้ใหญ่ให้ร่มบ่มธารา
ไร้แสงสีร้านค้ามาเลียบเคียง
สองฝั่งคลองมองไปใจตรึกตรอง
ฝั่งที่ซ้องเซ็งแซ่ด้วยสรรพเสียง
ไม่ต่างจากชีพเราที่ร้อยเรียง
สร้างเสบียงโลกีย์ธรรมจนช้ำใจ
อีกฝั่งหนึ่งเปรียบซึ่งผู้หยุดคว้า
มีปัญญานำตนพ้นวิสัย
ทิ้งโลกีย์ไว้อีกฟากฝั่งไกล
สันโดษในความพร้อมย้อมจิตตา
ด้วยความปรารถนาดี
พี่ดอกแก้ว
7 พฤศจิกายน 2547
|
|
|
|
  |
 |
|