Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ไม่พอกิน ไม่พอแดก พระอาจารย์เจี๊ยะ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กรกต
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2006, 4:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วัดญาณสังวราราม เป็นที่แปลกประหลาดอยู่พอสมควร เป็นที่แห้งแล้งไม่น่าอยู่ แต่เวลานั่งภาวนาจะสงบมาก เมื่อสงบก็นั่งไม่หยุด เมื่อพระนั่งภาวนานานๆ เร่งภาวนา หลวงปู่ท่านก็จะดุว่า “พวกมึงไปนั่งแช่ๆ อย่างนี้มันจะไม่พอกิน มันไม่พอกินนะ มันไม่พอกินนะ” พวกหมู่พระกำลังนั่งสะดวกสบายท่านก็จะตำหนิอย่างนั้นตลอด “มันไม่พอกินๆ”

ตอนนั้นมีพระอยู่รูปหนึ่งนั่งภาวนาเกิดสงบมากๆ อัศจรรย์มหัศจรรย์ภายในจิต ใครจะไปใครจะมารู้ล่วงหน้าหมด ถึงขั้นไปอวดใส่พระอาจารย์เจี๊ยะเลย เพราะจิตมันสงบมากก็อาจหาญไม่กลัวท่าน เดินดุ่มๆ เข้าไปกราบเรียนท่านว่า
“ท่านอาจารย์พรุ่งนี้จะมีรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาที่วัด มันคันใหญ่ๆ คล้ายๆ รถไฟ ท่อต่ออยู่ข้างบนหลังคา คอยรอพิสูจน์ว่าพรุ่งนี้จะมีมาจริง หรือไม่เหมือนในนิมิตภาวนา”

พอวันรุ่งเช้าวันใหม่ ก็มีรถยนต์ยีเอ็มซีคันใหญ่ๆ มีปล่องท่อไอเสียอยู่ข้างบน วิ่งเข้ามา พระก็มาดูกันใหญ่ พระรูปนั้นก็กราบเรียนพระอาจารย์เจี๊ยะว่า
“นี่ไงๆ สิ่งที่ผมเห็นในนิมิตที่เล่าให้ฟังเมื่อวานนี้ ที่ท่านอาจารย์ว่า นั่งสมาธิจิตสงบเป็นอัปปนาสมาธิไม่พอกินได้อย่างไร ใครจะตายก็รู้ ใครจะไปจะมาก็รู้ มันวิเศษขนาดนี้จะไม่พอกินได้อย่างไรกันครับ”

พระอาจารย์เจี๊ยะก็ดุว่าด้วยเสียงดังๆ แบบตวาดๆ ใกล้ไปทางตะโกนแต่ไม่ตะโกน
“เฮ้ย!…ปฏิบัติอย่างนี้มันไม่พอกิน มันไม่พอแดก ประสารถ ไม่ต้องนั่งภาวนาให้เสียเวลาก็เห็นได้ชัดกว่านั่งภาวนาดูอีก เนี่ย! กูก็ยังเห็นอยู่เนี่ย มันจะวิเศษอะไร ประสาเห็นรถ”
พระรูปนั้นก็ไม่ยอมลงใจในสิ่งที่ท่านสอนว่า “ไม่พอกิน ไม่พอแดก ในการปฏิบัติแบบนี้” เพราะเธอเกิดความอัศจรรย์ในสมาธิมากหลาย จึงคัดค้านอยู่ในใจในสิ่งที่ท่านสอน
“เอ๊ะ..อาจารย์ของเรานี้เป็นอย่างไร?”
สักพักหนึ่งจึงได้โต้ตอบท้าทายพระอาจารย์เจี๊ยะว่า “ท่านอาจารย์… เดี๋ยววันพรุ่งนี้จะมีรถข้างหน้าสีขาวๆ ส่วนด้านข้างเป็นอีกสีหนึ่ง ดูๆ ไม่ค่อยเหมือนรถแต่มันก็เป็นรถ”

พอรุ่งเช้ามา ก็มีรถที่ยังโป๊วสีไม่เสร็จ ลักษณะอย่างที่ว่า วิ่งตะบึงเข้ามาจริงๆ พระทั้งหลายก็ชี้ไปที่รถว่า “นั่นไงๆ มาแล้ว แน่จริงๆ วาระจิตนี้” สมัยก่อนวัดญาณฯ อยู่กลางทุ่ง นานๆ จะมีรถมาคันหนึ่ง การที่จะสุ่มเดาทายเอา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ พระรูปนั้นก็กราบเรียนพระอาจารย์เจี๊ยะขึ้นอีกว่า
“เอ… ท่านอาจารย์ครับ มันอัศจรรย์มาก เรื่องการที่จิตออกไปรับรู้ ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยสอนเลย อันนี้จิตผมไปรู้เองท่านอาจารย์จะว่าไม่พอกินได้อย่างไรครับ”
 
กรกต
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2006, 4:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“เฮ้ย!… มันยังไม่พอกิน เฮ้ย!… มันยังไม่พอแดกพอยาไส้ สำหรับผู้ปฏิบัติเพื่อจะไปสู่พระนิพพาน ที่เธอว่าจิตเธอมันมหัศจรรย์ทางด้านสมาธิเหลือหลายนั้นให้เธอลองทางด้านปัญญาบ้างว่าจะอัศจรรย์แค่ไหน สมาธิเป็นเพียงเครื่องกั้นกิเลสแต่ปัญญาเป็นเครื่องทำลายเขื่อนคือกิเลสนั้นให้พังทลาย จะมหัศจรรย์แบบตาแจ้งๆ แบบท่านเดินไปไหนเห็นได้เลย ไม่ต้องมานั่งเข้าสมาธ่งสมาธิมหัศจรรย์ตาแจ้งๆ ทั้งๆ ที่คนอยู่เยอะๆ หรือคนน้อยๆ ทั้งที่กริยาท่าทางคุยกันได้ เดินคุยไปกันได้อย่างนี้ หรืออย่างที่ผมคุยกับท่านอยู่เวลานี้ ให้ท่านลองพิจารณาทางด้านปัญญาบ้าง ไอ้อันที่ท่านทำอยู่ทิ้งไปเลย… ไม่พอแดก… สำหรับภาษาธรรมของผมน่ะ”

พระอาจารย์เจี๊ยะท่านพยายามสอนพระทั้งหลายเหล่านั้นว่า
“ท่านทั้งหลายจงพยายามพิจารณาธาตุขันธ์ร่างกาย คิดค้นให้ละเอียดถี่ถ้วนถี่ยิบ ไม่ให้หลุดรอดไปได้ทุกส่วนทุกกระเบียดนิ้ว ท่านสอนแบบชำนาญมาก แต่ก่อนท่านไม่พูดจึงไม่มีใครรู้ ท่านบอกให้พยายามพิจารณากายเลื่อนขึ้นเลื่อนลงอยู่อย่างนั้น อย่าให้ขาด ให้เอาร่างกายเป็นตัวพิจารณา ตั้งแต่เล็บมีอะไร มีหนังกำพร้า ใต้หนังกำพร้ามีอะไร มีเนื้อ ใต้เนื้อมีอะไร มีเอ็น ใต้เอ็นมีอะไร มีกระดูกเป็นต้น และกำหนดตัดทีละชิ้นๆ จากปลายเท้าขึ้นมาบนศรีษะ จากศรีษะสู่ปลายเท้า พิจารณาไปจนเพลินอยู่อย่างนั้น อย่าหยุด ถ้าพวกท่านทำได้อย่างนี้ตลอด ซักวันพวกท่านจะมหัศจรรย์ในเรื่องนี้”
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง