ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
I am
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
19 ต.ค.2006, 9:03 am |
  |
ความคิดย่อมพ่ายแพ้แก่อำนาจของปัญญา
ปัญญาควบคุมความคิดได้ ความคิดย่อมพ่ายแพ้แก่อำนาจของปัญญา ดังนั้นผู้มีปัญญาเท่านั้นที่จะสามารถควบคุมความคิดมิให้ก่อให้เกิดความทุกข์ได้ นั่นคือผู้มีปัญญาเท่านั้นที่จะสามรถพาใจหลีกพ้นความเศร้าหมองของกิเลสได้ ผู้ไม่มีปัญญาหาทำได้ไม่
ความทุกข์ทั้งหลายหลีกไกลด้วยปัญญา
ปัญญามีอำนาจเหนือความคิด ก็คือปัญญาที่มีอำนาจเหนือกิเลสนั่นเอง เพราะเมื่อปัญญาควบคุมความคิดได้ ความคิดก็จะไม่ปรุงแต่งไปกวนกิเลสที่มีอยู่เต็มโลก ให้โลดแล่นเข้าประชิดติดใจ จึงเป็นการควบคุมกิเลสได้พร้อมกับควบคุมความคิด
ความเกิดเป็นทุกข์ เพราะความเกิดนำมาซึ่งความเกิด ความแก่ ความตาย ความพรัดพรากจากของรักของชอบใจและความไม่ประจวบด้วยสิ่งที่ปรารถนาทั้งปวง
ความทุกข์เหล่านี้หนีไม่พ้น เพราะเป็นผลตามมาของ ความเกิดอย่างแน่นอน ความทุกข์ทางกาย หนีพ้นได้ด้วยการไม่เกิดเท่านั้น ส่วนความทุกข์ทางใจ หนีได้ด้วยความคิด
อนุภาพแห่งแสงปัญญา
สติต้องรู้ก่อนว่า กิเลสคือโลภะ หรือราคะ โทสะ โมหะ ตัวใดกำลังเข้ามาประชิดติดใจ เมื่อมีสติรู้ก็ให้ใช้ “ปัญญาวุธ” คือใช้ปัญญาเป็นอาวุธ ด้วยความคิดง่ายๆ ว่า กิเลสเป็นความเศร้าหมอง
กิเลสไม่ว่าความโลภ ความโกรธ ความหลง นำความมืดมัวเศร้าหมองให้เกิดแก่จิตใจ ยังให้เป็นทุกข์เป็นร้อนไปร้อยแปดประการ
เมื่อปรารถนาความไม่ทุกข์ ต้องไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจของ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ต้องไม่โกรธ ต้องไม่หลง ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวเสมอด้วยความไม่สบายใจ ไม่มีอะไรเลยที่มีค่าเสมอกับจิตใจ
สมบัติทั้งปวงที่เกิดแต่ความโลภ ก็มีค่าไม่คุ้มกับความเสียหายที่เกิดแก่จิตใจ จึงควรรักษาใจไม่ให้เสียหาย ไม่ให้เศร้าหมอง ด้วยความบดบังของกิเลส
ความคิดอันประกอบด้วยปัญญา
ความคิดอันประกอบด้วยปัญญา สามารถหยุดยั้งความโลภ ความโกรธ ความหลง มิให้เคลื่อนตัวห้อมล้อมจิตใจได้จริง เช่นเมื่อเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ว่าไม่ได้รับความความรักความสนใจจากคนนั้นคนนี้ ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจะสิ้นสุดลงได้ ถ้าจะคิดได้ด้วยปัญญา
ความไกลกิเลสได้ พาให้ไกลทุกข์ได้
ชีวิตนี้ของทุกคนน้อยนัก น้อยจริงๆ และวาระสุดท้ายจะมาถึงวินาทีใดวินาทีหนึ่งหารู้ไม่ จึงไม่ควรประมาทอย่างยิ่ง คิดให้ไกลกิเลสให้ได้จริงๆ เถิด เพราะความไกลกิเลสเท่านั้นที่จะพาให้ไกลทุกข์ได้
ความคิดนั้นแก้กิเลสได้ ดับกิเลสได้ คือทำที่ร้อนให้เย็นได้ ความสำคัญอยู่ที่ต้องคิดให้เป็น คิดให้ถูกเรื่อง ถูกจริตนิสัยของตน ความสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ต้องมีความจริงจังที่จะดับความร้อนในใจตน
: รสแห่งความเมตตา ชุ่มเย็นยิ่งนัก
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
 |
|
|
|
|
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
19 ต.ค.2006, 4:01 pm |
  |
สาธุจ้า...คุณ I am
ธรรมสวัสดีค่ะ
 |
|
|
|
   |
 |
ผู้เยี่ยมชม
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 27 ต.ค. 2006
ตอบ: 35
|
ตอบเมื่อ:
09 พ.ย.2006, 1:51 pm |
  |
ปาฏิหาริย์แห่งการใช้สติและปัญญา
จิม โลเวลล์, จอห์น สวิเกิร์ต และ เฟรด เฮส ขึ้นยานอวกาศเพื่อเดินทางไปดวงจันทร์ในเดือนเมษายน ปีค.ศ. 1970
หลังจากจรวดทะยานขึ้นห้วงอวกาศ เดินทางจากโลกไปได้ไกล 321,860 กิโลเมตร นาซาก็ได้ยินเสียงของสวิเกิร์ตผ่านลำโพงว่า "โอเค ฮิวสตัน เราเจอปัญหาที่นี่"
เสียงของจิมเสริมตามมาว่า "ฮิวสตัน เรามีปัญหา"
ปัญหาของสามนักบินอวกาศอาจไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายหากมันเกิดขึ้นบนโลก
แต่การที่ถังออกซิเจนในยานบริการเกิดระเบิด ตัวยานหลักเสียหายหนัก เป็นเรื่องคอขาดบาดตายแน่ๆ
อพอลโล 13 เดินทางไปไม่ถึงฝัน
แรงระเบิดทำลายยานบริการบางส่วน ถังบรรจุออกซิเจน ระบบสื่อสารหลักถูกทำลาย หมายความว่าสามนักบินอาจมีอากาศไม่พอจนกลับโลก - ถ้าหากพวกเขามีหนทางกลับโลกจริง
เป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างยิ่ง นอกจากจะไปไม่ถึงดวงจันทร์แล้ว นักบินอวกาศทั้งสามนายมีโอกาสสูงมากที่จะเสียชีวิตกลางอวกาศ
ในชีวิตจริงของเราทุกคน อาจจะมีสักครั้งหรือสองครั้งที่พบพานปัญหาที่จัดอยู่ในขั้น ‘หนักหนาสาหัส’ เกินเยียวยา ไร้ความหวังโดยสิ้นเชิง
มองไปรอบตัว เห็นแต่ความมืด...
จิม โลเวลล์, จอห์น สวิเกิร์ต, เฟรด เฮส มองไปรอบตัว และเห็นแต่ความมืด
ความมืดก็เช่นความตาย ห่มคลุมชีวิตของพวกเขา
แต่หากมองให้ดี ในความมืดที่สุดยังมีจุดสว่าง
นาซาระดมสมองของนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร ฯลฯ ทุกคนมาคิดแก้ปัญหา ภายใต้แรงกดดันเรื่องเวลา ปริมาณจำกัดของออกซิเจนในยาน เส้นตายของการแก้ปัญหาก็คือเส้นตายชีวิตของนักบินอวกาศทั้งสาม
นาซาสั่งการให้นักบินทั้งสามย้ายตัวไปอยู่ในยานเล็ก อควอเรียส ซึ่งออกแบบสำหรับนักบินสองคนอยู่เป็นเวลาสองวัน ทั้งสามยัดร่างเข้าไปอยู่ในนั้น หมกตัวสี่วันกลางความหนาวเหน็บของห้วงอวกาศ ใช้ออกซิเจนและพลังงานทุกหน่วยอย่างประหยัด
นักบินอวกาศอาศัยแรงเหวี่ยงจากดวงจันทร์ และการจุดเครื่องยนต์ปรับทิศทาง ยานหันหัวกลับคืนสู่โลก
ประโยคที่เรามักได้ยินคนเอ่ยเสมอคือ "ปัญหาของฉัน ต่อให้เทวดาก็แก้ไม่ได้"
แต่ลองคิดดู สมมุติตัวเองเป็นหนึ่งในสามนักบินอวกาศอพอลโล 13 ในชั่วชีวิตของเรา ยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่านี้อีกหรือ?
มืดมิดและสิ้นหวัง...
สามนักบินมิได้ก่นด่าความมืดมิด ยิ่งไม่ได้สิ้นหวัง
ในสภาพสะบักสะบอมทั้งร่างกายและจิตใจ ยานลำเล็กกลับคืนสู่วงโคจรโลก และฝ่าชั้นบรรยากาศลงไปสู่ห้วงสมุทร
พวกเขากลับคืนสู่โลกอย่างปลอดภัยและไม่น่าเชื่อที่สุด
เรื่องนี้ดูคล้ายปาฏิหาริย์ แต่ความจริงไม่ใช่ปาฏิหาริย์ เป็นผลจากการตั้งสติ ไม่ลนลาน และใช้ปัญญาแก้ปัญหา
ไม่ยอมแพ้ ใช้สมองไตร่ตรอง
บางทีทุกครั้งที่เราคิดว่าสิ้นหวังในชีวิต ลองดูตัวอย่างของคนที่ผ่านสถานการณ์ที่สิ้นหวังกว่าเรา โลกนี้อาจไม่ได้มืดมิดตลอดเวลา
ตั้งสติ ใช้ปัญญา มองให้ดี ในความมืดอาจมีจุดสว่างที่มองเผินผ่านไม่เห็น
เพราะบางปัญหาที่เทวดาแก้ไม่ได้นั้น มนุษย์แก้ได้
ที่มา http://www.winbookclub.com/frontpage.php |
|
|
|
  |
 |
|