Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 อยากประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักวิธีวางแผนการแก้ปัญหาการเรี อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
PhramahaSurasak Suramedhi
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 ส.ค. 2006, 5:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักวิธีวางแผนการแก้ปัญหาการเรียนที่ถูกต้อง
: ข้อคิดและแนวทางปฏิบัติสำหรับเพื่อนนักเรียน นักศึกษา
โดย พระมหาสุรศักดิ์ สุรเมธี (ชะมารัมย์)
นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครราชสีมา
3rd Year Student of Dhammakaya Open University, California, USA
………………………………………..

เราทุกคนต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการศึกษาและมีหน้าที่การงานที่ดีในอนาคต แต่มีสักกี่คนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องดังกล่าว เพราะการที่จะประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมีการวางแผนเอาไว้อย่างรอบคอบรัดกุม เพื่อให้สามารถเดินทางตามเป้าหมายที่วางไว้นั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อความล้มเหลว หรือการเดินออกนอกลู่ทาง การวางแผนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเรา เพราะคนเราจะชนะกันได้นั้นการวางแผนก็มีส่วนสำคัญไม่น้อย เคยสังเกตบ้างไหมว่า ทำไมเพื่อนของเราเรียนประสบความสำเร็จได้คะแนนดี นั่นเป็นเพราะว่า เขารู้จักวางแผนในการศึกษาเล่าเรียนของเขาและก็ได้ปฏิบัติตามแผนการดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ

แม้แต่ในสมัยก่อน การวางแผนถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการรบ ฝ่ายไหนที่มีการวางแผนเอาไว้อย่างรอบคอบรัดกุม ย่อมมีโอกาสที่จะเป็นฝ่ายชนะได้มากกว่า กว่าฝ่ายที่ขาดการวางแผน ซึ่งฝ่ายที่ขาดการวางแผนย่อมมีแต่จะพ่ายแพ้ ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนกำลังพลมากกว่าก็ตาม พระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นอุทาหรณ์ในเรื่องนี้เป็นอย่างดี กล่าวคือ พระองค์ทรงมีจำนวนกำลังพลน้อยกว่าฝ่ายพม่าอยู่มาก แต่เพราะการที่ทรงวางแผนการรบเอาไว้อย่างรัดกุม จึงเป็นเหตุให้พระองค์สามารถขับไล่พม่าออกจากแผ่นดินไทยได้สำเร็จ

เราก็เช่นเดียวกัน หากต้องการประสบความสำเร็จ ต้องมีการวางแผนและดำเนินการตามแผนการที่ตั้งเอาไว้ดังกล่าว แล้วเราจะวางแผนกันอย่างไรละ? เชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามเช่นนี้อยู่ในใจเป็นแน่ การวางแผนไม่ใช่เรื่องยาก แต่การดำเนินการตามแผนการที่วางไว้นี้สิเป็นเรื่องที่ยากกว่า เพราะในบางสถานการณ์เราไม่สามารถดำเนินการตามแผนการที่วางเอาไว้ได้ครบถ้วน เนื่องจากเหตุการณ์บางเหตุการณ์บีบบังคับเราทำให้เราขาดสติหลงลืมไป ในที่นี้ผมอยากจะนำเสนอแนวคิดในการวางแผน เพื่อเป็นแบบอย่างในการวางแผนการของแต่ละคนอันนำไปสู่ความสำเร็จต่อไป แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น แผนการของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เนื่องมาจากความแต่งต่างในหลายเรื่อง อาทิ ด้านสติปัญญา ความสามารถ การความมีไหวพริบ ล้วนแล้วแต่ทำให้คนคิดวางแผนการอันนำไปสู่ความสำเร็จไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าการวางแผนไม่เหมือนกัน แต่ก็มีเป้าหมายเหมือนการคือ ความสำเร็จ ปัจจุบันได้มีผู้นำเสนอแนวคิดและแผนการเรียนให้ประสบความสำเร็จไว้หลายวิธีการ ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบวิธีการไหนมาก แต่ในที่นี้ผมจะขอนำเสนอแผนการเรียนให้ประสบความสำเร็จไว้แผนการหนึ่ง คือ แผนการแก้ปัญหาการเรียน

หากจะว่าไปแล้ว ปัญหาการเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่คอยเป็นตัวบั่นทอนความสำเร็จของเรา เปรียบเสมือนกับต้นไม้ที่หักล้มขวางทางไม่ให้รถวิ่งได้ฉันใด ปัญหาก็เป็นตัวขัดขวางไม่ให้เราก้าวเดินต่อไปได้ฉันนั้น ถึงแม้ว่าเราจะก้าวเดินได้ แต่ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเดินตกหลุมตกบ่อได้โดยง่าย เราจึงต้องมาหาวิธีการแก้ปัญหาในการเรียนของเรา ขืนปล่อยไว้ก็มีแต่จะตกหลุมตกบ่อ อันนำไปสู่ความล้มเหลวไปในที่สุด ผมขอเสนอทางเลือกในการแก้ปัญหาการเรียนไว้ 4 แผนการ คือ
1. แผนการหาปัญหา (Planning of searching for problems)
สำรวจดูตัวเราเองว่าเรามีปัญหาในการเรียนอะไรบ้าง ซึ่งโดยปกติแต่ละคนจะมีปัญหาในการเรียนไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น แจ่ม สำรวจดูปัญหาในการเรียนของตัวเองแล้วพบว่า ตัวเองเรียนไม่รู้เรื่องในบางวิชา เลยเป็นผลทำให้ตัวเองเรียนไม่รู้เรื่องในวิชานั้นๆ และมีผลต่อเกรดเฉลี่ยโดยรวมของตัวเองด้วย เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาในการเรียนของแจ่ม ที่ทำให้แจ่มเรียนไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เมื่อแจ่มทราบปัญหาแล้ว ก็จะคิดแก้ปัญหาต่อไป เป็นต้น ฉะนั้น การหาปัญหาในการเรียนจึงเป็นวิธีการแรกที่จะนำพาเราไปสู่กระบวนการคิดแก้ปัญหาต่อไป และที่สำคัญเราต้องระบุปัญหาในการเรียนของเราไว้ให้ชัดเจน เพื่อจะทำให้ง่ายในการคิดหากระบวนการแก้ปัญหา หากระบุปัญหาไม่ชัดเจนแล้วปัญหาก็จะไม่ถูกแก้ ยังคงอยู่เหมือนเดิม

2. แผนการหาสาเหตุของปัญหา (Planning of searching for the cause of problems)
เมื่อเราทราบปัญหาในการเรียนของเราแล้ว ก็ให้เรามาหาสาเหตุของปัญหานั้นว่า มีสาเหตุมาจากอะไร หรืออะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหานั้น โดยการพิจารณาให้กว้างและครอบคลุมให้ได้มากที่สุด เช่น กรณีปัญหาการเรียนของแจ่มคือ การเรียนบางวิชาไม่รู้เรื่อง สาเหตุปัญหาดังกล่าวของแจ่ม อาจมาจาก
1. ตัวแจ่มเองที่ไม่ชอบและไม่สนใจเรียนในวิชาดังกล่าว
2. อาจารย์สอนอธิบายไม่ชัดเจน ทำให้เข้าใจยากและไม่รู้เรื่อง
3. สื่อการนำเสนอของอาจารย์ไม่น่าสนใจหรือไม่กระตุ้นให้เกิดการโต้ตอบ
4. หนังสือวิชานั้นมีเนื้อหาที่ยากเกินไป ฯลฯ

ตัวอย่าง แผนผังสาเหตุของปัญหาการเรียนไม่รู้เรื่องบางวิชาของแจ่ม


? ตัวแจ่มเองที่ไม่ชอบและ ?
ไม่สนใจเรียนในวิชาดังกล่าว




อาจารย์สอนอธิบาย สาเหตุของปัญหาการเรียนไม่รู้เรื่องบางวิชา สื่อการนำเสนอของ ไม่ชัดเจนทำให้เข้าใจยาก อาจารย์ไม่น่าสนใจหรือ และไม่รู้เรื่อง ไม่กระตุ้นให้เกิดการโต้ตอบ


? หนังสือวิชานั้นมีเนื้อหาที่ยากเกินไป ?


จากตัวอย่างข้างต้น เป็นเพียงแนวทางการคิดหาสาเหตุของปัญหา ซึ่งสิ่งสำคัญในการหาสาเหตุของปัญหาคืออย่ายึดติดกับสาเหตุเดียว เช่น คิดว่าปัญหาการเรียนของเราที่เป็นเช่นนี้น่าจะมาจากอาจารย์ผู้สอนที่สอนไม่รู้เรื่องเพียงอย่างเดียว แต่ลืมคิดในอีกหลายมุมที่ว่า สาเหตุไม่ใช่อยู่ที่อาจารย์ผู้สอนเพียงอย่างเดียว อาจมาจากเราที่ไม่สนใจ หรืออีกหลายๆ สาเหตุประกอบกันขึ้นทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว เป็นต้น เราจึงจำเป็นต้องคิดวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาในการเรียนของเราให้ได้มากที่สุดและครอบคลุมที่สุด อันจะเป็นผลดีที่ช่วยให้เราสามารถที่จะหาทางออกของปัญหาดังกล่าวได้
3. แผนการหาทางออกของปัญหา(Planning of searching for the ways to solve problems)
แผนการนี้เป็นแผนการในการหาทางออกของปัญหา ซึ่งปัญหาจะถูกแก้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับแผนการดังกล่าวข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว กล่าวคือ หากเราระบุปัญหาและหาสาเหตุของปัญหาการเรียนของเราไว้อย่างถูกจุดแล้ว ก็จะทำให้เราสามารถหาทางออกของปัญหาได้ด้วย แผนการนี้เริ่มหลังจากที่เราทราบปัญหาและสาเหตุในการเรียนของเราแล้ว ก็ให้เราพยายามคิดหาทางออกของปัญหา โดยให้คิดหาทางออกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะทางออกของปัญหาไม่ได้มีแค่วิธีการเดียว มันมีอยู่หลายวิธี เปรียบเสมือนกับ บ้านที่มีทางออกอยู่หลายด้าน โดยไม่ได้จำกัดอยู่ที่ประตูหน้าและประตูหลังเพียงอย่างเดียว หน้าต่างก็สามารถใช้เป็นทางออกได้ เช่น ในกรณีที่ไฟไหม้บ้านและในขณะนั้นไฟกำลังไหม้อยู่ตรงประตูพอดี หากเรามัวแต่คิดที่จะหนีไฟทางประตูแล้ว ก็มีแต่ตายกับตายลูกเดียว โอกาสรอดแทบไม่มีให้เห็นเลย หากว่าในขณะนั้นเราออกทางหน้าต่างในด้านที่ไฟไม่ไหม้ก็จะทำให้เราปลอดภัยและรอดตายได้ เป็นต้น บางที่ทางออกของปัญหาบางปัญหาเป็นสิ่งที่เรามองข้ามทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ทางออกของปัญหานั้นอาจเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาที่ถูกต้องก็ได้ ฉะนั้น เราไม่ควรมองข้ามทางออกของปัญหาที่เราคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เราควรรวบรวมทางออกของปัญหานั้นๆมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้มีตัวเลือกหลายทางในการใช้แก้ปัญหาซึ่งจะได้กล่าวต่อไป

ตัวอย่าง แผนผังทางออกของปัญหาการเรียนไม่รู้เรื่องบางวิชาของแจ่ม


? การปรับเปลี่ยนความคิดว่าชอบวิชานั้น ?




การอ่านหนังสือ ทางออกของปัญหาการเรียนไม่รู้เรื่องบางวิชา การถามผู้รู้




? การเข้าเรียนพิเศษเพิ่มเติม ?

4. แผนการแก้ปัญหา (Planning of solving problems)
แผนการนี้เป็นแผนการที่ใช้ในการตรวจสอบการแก้ปัญหา เพราะเป็นแผนการสุดท้ายที่ใช้ในการแก้ปัญหาและเป็นตัวตัดสินว่าปัญหาจะถูกแก้หรือไม่ แผนการนี้จึงเป็นแผนการที่สำคัญมากๆ ที่เราควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ หากว่าเราทำการวางแผนการตามข้อที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น แต่เราไม่นำไปแก้ปัญหา แน่นอนปัญหาก็ย่อมไม่ถูกแก้หรือยังคงอยู่เหมือนเดิม แผนการแก้ปัญหาจะได้ผลดีมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับการหาทางออกของปัญหา เพราะหากเราสามารถหาทางออกของปัญหาได้อย่างถูกต้องแล้ว เราก็สามารถที่จะนำทางออกของปัญหานั้นไปใช้ในแก้ปัญหานั้นให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีได้ เช่น ในกรณีของ แจ่ม ทางออกของการเรียนบางวิชาไม่รู้เรื่อง คือ การปรับเปลี่ยนความคิดว่าชอบวิชานั้น การอ่านหนังสือ การถามผู้รู้ การเข้าเรียนพิเศษเพิ่มเติม การอ่านหนังสือโดยคิดว่าเหมือนการอ่านหนังสือบันเทิง การดูสื่อการเรียนการสอนเกี่ยวกับวิชานั้นเพิ่มเติม ฯลฯ


ตัวอย่าง แผนผังการแก้ปัญหาการเรียนไม่รู้เรื่องบางวิชาของแจ่ม


การแก้ปัญหาการเรียนไม่รู้เรื่องของแจ่ม



เลือกทางออกปัญหา



การปรับเปลี่ยนความคิดว่า การอ่านหนังสือ การถามผู้รู้ การเข้าเรียนพิเศษเพิ่มเติม ? ?
ชอบวิชานั้น



แก้ปัญหาการเรียนสำเร็จ



จากตัวอย่างดังกล่าว ล้วนแล้วแต่เป็นแผนการแก้ปัญหาการเรียนบางวิชาไม่รู้เรื่องของแจ่มทั้งนั้น ซึ่งแจ่มสามารถนำแผนการดังกล่าวทั้งหมดนี้มาใช้ในการแก้ปัญหาของตัวเองในขณะเดียวกันได้ หรือเลือกเอาวิธีการใดวิธีการหนึ่งมาใช้ในการแก้ปัญหาก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวแจ่มเองในขณะนั้นว่าชอบวิธีการใดมากที่สุดและคิดว่าทำแล้วจะเป็นผลทำให้ตัวเองเรียนดีขึ้นและเข้าใจในวิชานั้นดีขึ้น หากแจ่มเลือกวิธีการแก้ปัญหาถูก ปัญหาของแจ่มก็จะถูกแก้ ปัญหาก็จะหมดไป และสุดท้ายก็ทำให้ประสบความสำเร็จในที่สุด
สรุปแล้วแผนการแก้ปัญหาการเรียนให้ประสบความสำเร็จ
อาจเขียนเป็นแผนผังได้ดังนี้

เริ่มใหม่
หาปัญหา


หาสาเหตุของปัญหา


หาทางออกของปัญหา


ประสบความล้มเหลว แก้ปัญหา ประสบความสำเร็จ



บทส่งท้าย

การวางแผนการแก้ปัญหาในการเรียนอยู่อย่างสม่ำเสมอ เป็นสิ่งที่เราทุกคนจะต้องทำ หากต้องการประสบความสำเร็จ เพราะการเรียนของเรามันไม่ได้ราบรื่นเสมอไป ในแต่ละนาที หรือแทบจะทุกวินาทีเลยก็ว่าได้ที่เราจะต้องพบเจอกับปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับการเรียนของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องคิดวางแผนการแก้ปัญหาดังกล่าวนั้น หากเรารู้จักและเข้าใจในกระบวนการแก้ปัญหาแล้ว ก็จะทำให้เป็นสิ่งที่ง่ายขึ้นสำหรับเราในการคิดหาทางหรือวางแผนการแก้ปัญหานั้นๆ และในที่สุดก็จะทำให้เราสามารถแก้ปัญหานั้นๆได้และทำให้เราเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนได้
แผนการแก้ปัญหาในการเรียนที่ได้นำเสนอไปนั้น ถือได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างมากแก่เรา หากเราได้ปฏิบัติตามทุกขั้นตอนของแผนการอย่างจริงจัง และสม่ำเสมอ และที่สำคัญจงจำไว้อยู่เสมอว่า ปัญหาในการเรียนของเราแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน ฉะนั้นกระบวนการวางแผนการแก้ปัญหา ก็จะแตกต่างกันตามไปด้วย จะใช้วิธีการเดียวกับที่ได้นำเสนอไปแก้ปัญหาในการเรียนต่างๆของเราแต่ละคนคงเป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้เลย แต่ก็อยากให้เรานำแผนการที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้นไปประยุกต์ใช้ ปรับใช้ในการแก้ปัญหาของเราแต่ละคน และเราต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ตลอดจนมีการวางแผนอย่างสม่ำเสมอในการเรียนของเรา เพียงแค่นี้เราก็จะประสบความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนและไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามเราก็จะมีแต่ความสำเร็จ หากเป็นเช่นนี้แล้วผมคิดว่าเมืองไทยคงมีบุคคลากรที่เป็นปราชญ์เกิดขึ้นอย่างมากมายเป็นแน่ และก็จะเป็นผลโดยตรงต่อการพัฒนาประเทศให้ทัดเทียมกับนานาประเทศด้วย
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง