Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
" โลกกลม หรือแบน ในพระไตรปิฎก ครับ "
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
สู้ ครับ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 31 มี.ค.2006, 8:54 pm
ผมได้อ่านจากเว็บไซด์หนึ่ง ได้สัมภาษณ์ นักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งที่ จุฬาฯ ซึ่งท่านเป็นผู้หนึ่งที่สนใจศึกษาพระพุทธศาสนา ทางพระอภิธรรมด้วย ผู้สัมภาษณ์ได้ถามตอนหนึ่ง ทำนองว่า มีสิ่งใดบ้างไหมที่วิทยาศาสตร์ไม่ตรงกับพระพุทธศาสนาบ้าง
ท่านได้บอกว่าในพระพุทธศาสนา บอกว่าโลกนั้นแบน
ทำให้อยากทราว่ามีบอกไว้ในพระไตรปิฎกหรือไม่ และอยู่ในเล่มไหน (ได้ถามบางท่านก็บอกว่าท่านเคยได้ยินมาอีกทีว่าพระไตรปิฎกบอกไว้ว่าโลกนั้นกลมเหมือนผลส้ม แต่ก็ไม่ทราบที่มาในพระไตรปิฎก)
สู้ ครับ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 31 มี.ค.2006, 8:56 pm
ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ - ความรู้ทั้ง 2 ทางมีความขัดแย้งกันบ้างหรือไม่
ศ.ดร.ระวี - เป็นธรรมดาบางเรื่องก็มีความขัดแย้ง บางเรื่องก็สอดคล้องกัน ยกตัวอย่างความรู้เรื่องโลก เอาง่ายๆ คือโลกที่เราอยู่ ที่มนุษย์เกิดมา คุณอาจจะไปอ่านพบในคัมภีร์กล่าวว่า โลกที่เราอยู่เป็นแผ่นแบน อาศัยความรู้ที่จำกัดในยุคที่ศาสนาเกิดขึ้น ในปัจจุบันเราได้เรียนรู้ว่าโลกที่เราอาศัยอยู่เป็นก้อนกลม เมื่อเอาคำสอนของศาสนาที่ว่าโลกแบนมาเทียบกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ว่าโลกกลม จะเห็นว่าคัมภีร์ศาสนาในเรื่องของโลกด้านนี้ไม่ถูก
เดี๋ยวนี้เรามีข้อพิสูจน์ตั้งมากมายว่าโลกกลม เรายืนอยู่บนพื้นที่โลกกลมไม่ใช่แบน ข้อนี้ต้องระวัง อย่าไปคิดเอาว่าผู้ประกาศศาสนาคือพระพุทธเจ้านั้นไม่รู้ เพราะว่าอย่างที่กล่าวไปแล้ว พระองค์ทรงหาความหลุดพ้นของมนุษย์แล้ว แล้วพระองค์ก็ทรงสอน สาระสำคัญคือเรื่องของ ทุกข์ และความ สิ้นทุกข์ สำหรับเรื่องธรรมชาติแวดล้อมของมนุษย์จะเป็นอย่างไร ไม่สำคัญ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
สำหรับผู้ที่เชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า จะไม่ถือเอาแนวคิดที่ว่าโลกแบนเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะเป็นความรู้ในยุคของพระองค์ พระองค์คงจะรู้อะไรอย่างจริงๆ ในเรื่องนี้เราไม่ทราบ แต่ผมวินิจฉัยว่าสมมติพระองค์รู้ว่าจริงๆ โลกไม่ได้แบน แต่ท่านไม่เสียเวลามาแก้ความเข้าใจผิดในเรื่องนี้ เพราะว่าโลกจะแบนหรือกลมไม่ใช่ประเด็นสำคัญ มนุษย์เป็นทุกข์ไม่ใช่เพราะเชื่อสิ่งเหล่านี้หรือไม่เชื่อสิ่งเหล่านี้ มนุษย์เป็นทุกข์เพราะเหตุผลอื่น ถ้าจะไปพูดเรื่องโลกกลมโลกแบนมันเสียเวลา ท่านพูดประเด็นสำคัญคือทุกข์และการดับทุกข์
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9490000035012
neoman
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 26 ก.พ. 2006
ตอบ: 64
ตอบเมื่อ: 31 มี.ค.2006, 11:11 pm
ดร.ระวี พูดว่า "คัมภีร์ศาสนา" น่าจะหมายถึงคัมภีร์ศาสนาคริสต์นะครับ... ไม่ใช่ศาสนาพุทธ
อ่านให้ดีๆ อย่าเข้าใจผิด ผมอ่านพระไตรปิฎกมาหลายเล่ม (แม้จะไม่ครบทุกเล่ม) แต่ก็ไม่เคยเจอในพระไตรที่บอกว่าโลกแบนเลย... พะเผื่อย
ใครมีโปรแกรมพระไตรปิฎกอยู่ในคอมพ์ ก็ลอง ค้นหา Search ดูได้นะครับ.... เหอๆ ๆ
พิมพ์คำว่า "โลกแบน" แล้ว Search ดูได้เลย
_________________
ความสุขหรือความทุกข์ อยู่ใจเราจะคิดเอา ถ้าคิดว่าสุขก็สุข ถ้าคิดว่าทุกข์ก็ทุกข์.
neoman
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 26 ก.พ. 2006
ตอบ: 64
ตอบเมื่อ: 31 มี.ค.2006, 11:22 pm
สมัยหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว หลายร้อยปี พวกฝรั่งก็ยังเชื่อกันว่าโลกแบน
แต่ลองดูคำสอนพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกดูนะครับ...
ผมลองไป ค้นหาดู พบแต่คำว่า ทรงอุปมาโลกทั้งปวง เหมือนผลมะขามป้อม ที่ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 14 ครับ
ดังนี้....
[๓๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบ
ด้วยศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า สหัสสพรหม มีอายุยืน
มีวรรณะ มากด้วยความสุข ดูกรภิกษุทั้งหลาย สหัสสพรหมย่อมน้อมจิตแผ่ไป
ตลอดโลกธาตุพันหนึ่งอยู่ แม้สัตว์ทั้งหลายที่เกิดแล้วในสหัสสพรหมนั้น ก็น้อม
จิตแผ่ไปอยู่ได้ เปรียบเหมือนบุรุษมีนัยน์ตาดี วาง "มะขามป้อม" ผลหนึ่งในมือแล้ว
พิจารณาดูได้ ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย สหัสสพรหมก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
ย่อมน้อมจิตแผ่ไปตลอดโลกธาตุพันหนึ่งอยู่ แม้สัตว์ทั้งหลายที่เกิดแล้วในสหัสส-
*พรหมนั้น ก็น้อมจิตแผ่ไปอยู่ได้ เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เราเมื่อ
ตายไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งสหัสสพรหมเถิด เธอจึงตั้งจิตนั้น
อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น ความปรารถนาและวิหารธรรมเหล่านั้น อันเธอ
เจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสำเร็จในภาวะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อความสำเร็จในความเป็นสหาย
แห่งสหัสสพรหม ฯ
[๓๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า ทวิสหัสสพรหม...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า ติสหัสสพรหม...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า จตุสหัสสพรหม ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า ปัญจสหัสสพรหม มีอายุยืน มีวรรณะ
มากด้วยความสุข ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญจสหัสสพรหมย่อมน้อมจิตแผ่ไปตลอด
โลกธาตุห้าพันอยู่ แม้สัตว์ทั้งหลายที่เกิดแล้วในปัญจสหัสสพรหมนั้น ก็น้อมจิต
แผ่ไปอยู่ได้ เปรียบเหมือนบุรุษมีนัยน์ตาดี วางผลมะขามป้อม ๕ ผลในมือแล้ว
พิจารณาดูได้ ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญจสหัสสพรหมก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
ย่อมน้อมจิตแผ่ไปสู่โลกธาตุห้าพันอยู่ แม้สัตว์ทั้งหลายที่เกิดแล้วในปัญจสหัสส-
*พรหม ก็น้อมจิตแผ่ไปอยู่ได้ เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เราเมื่อ
ตายไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งปัญจสหัสสพรหมเถิด เธอจึงตั้งจิตนั้น
อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น ความปรารถนาและวิหารธรรมเหล่านั้น อันเธอ
เจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไป เพื่อความสำเร็จในภาวะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อความสำเร็จในความเป็นสหาย
แห่งปัญจสหัสสพรหม ฯ
[๓๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า ทสสหัสสพรหม มีอายุยืน
มีวรรณะ มากด้วยความสุข ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทสสหัสสพรหมย่อมน้อมจิตแผ่ไป
ตลอดโลกธาตุหมื่นหนึ่งอยู่ แม้สัตว์ทั้งหลายที่เกิดแล้วในทสสหัสสพรหมนั้น ก็
น้อมจิตแผ่ไปอยู่ได้ เปรียบเหมือนแก้ว ไพฑูรย์ งามโชติช่วง แปดเหลี่ยม
อันเขาเจียระไนดีแล้ว วางไว้บนผ้ากัมพลเหลือง ย่อมส่องแสงเรือง ไพโรจน์
ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทสสหัสสพรหมก็ฉันนั้นเหมือนกันแล ย่อมน้อมจิต
แผ่ไปตลอดโลกธาตุหมื่นหนึ่งอยู่ แม้สัตว์ทั้งหลายที่เกิดแล้วในทสสหัสสพรหม
นั้น ก็น้อมจิตแผ่ไปอยู่ได้ เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เราเมื่อตาย
ไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งทสสหัสสพรหมเถิด เธอจึงตั้งจิตนั้น
อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น ความปรารถนาและวิหารธรรมเหล่านั้น อันเธอ
เจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสำเร็จในภาวะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อความสำเร็จในความเป็นสหาย
แห่งทสสหัสสพรหม ฯ
[๓๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่าสตสหัสสพรหม มีอายุยืน มี
วรรณะ มากด้วยความสุข ดูกรภิกษุทั้งหลาย สตสหัสสพรหมย่อมน้อมจิตแผ่ไป
ตลอดโลกธาตุแสนหนึ่งอยู่ แม้สัตว์ทั้งหลายที่เกิดแล้วในสตสหัสสพรหมนั้น ก็
น้อมจิตแผ่ไปอยู่ได้ เปรียบเหมือนแท่งทองชมพูนุท ที่เขาหลอมด้วยความชำนาญ
ดี ในเบ้าของช่างทองผู้ฉลาดแล้ว วางไว้บนผ้ากัมพลสีเหลือง ย่อมส่องแสง
เรือง ไพโรจน์ ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย สตสหัสสพรหมก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
ย่อมน้อมจิตแผ่ไปตลอดโลกธาตุแสนหนึ่งอยู่ แม้สัตว์ทั้งหลายที่เกิดแล้วใน
สตสหัสสพรหมนั้นก็น้อมจิตแผ่ไปอยู่ได้ เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ โอหนอ
เราเมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งสตสหัสสพรหมเถิด เธอจึงตั้ง
จิตนั้น อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น ความปรารถนาและวิหารธรรมเหล่านั้น
อันเธอเจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสำเร็จใน
ภาวะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อความเป็นสหายแห่ง
สตสหัสสพรหม ฯ
[๓๒๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นอาภา มีอายุยืน มีวรรณะ
มากด้วยความสุข เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เราเมื่อตายไปแล้ว
พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นอาภาเถิด เธอจึงตั้งจิตนั้น อธิษฐานจิตนั้น
เจริญจิตนั้น ความปรารถนาและวิหารธรรมเหล่านั้น อันเธอเจริญแล้วอย่างนี้
ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสำเร็จในภาวะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อความสำเร็จในความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นอาภา ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นปริตตาภา ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นอัปปมาณาภา...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นอาภัสสรา มีอายุยืน มีวรรณะ
มากด้วยความสุข เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เราเมื่อตายไปแล้ว
พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นอาภัสสราเถิด เธอจึงตั้งจิตนั้น อธิษฐาน
จิตนั้น เจริญจิตนั้น ความปรารถนาและวิหารธรรมเหล่านั้น อันเธอเจริญแล้ว
อย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสำเร็จในภาวะนั้น ดูกรภิกษุ-
*ทั้งหลาย นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อความสำเร็จในความเป็นสหายแห่งเทวดา
ชั้นอาภัสสรา ฯ
[๓๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นสุภา...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นปริตตสุภา...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นอัปปมาณสุภา...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นสุภกิณหา มีอายุยืน มีวรรณะ
มากด้วยความสุข เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เราเมื่อตายไปแล้ว
พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นสุภกิณหาเถิด เธอจึงตั้งจิตนั้น อธิษฐาน-
*จิตนั้น เจริญจิตนั้น ความปรารถนาและวิหารธรรมเหล่านั้น อันเธอเจริญแล้ว
อย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสำเร็จในภาวะนั้น ดูกรภิกษุ-
*ทั้งหลาย นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อความสำเร็จในความเป็นสหายแห่งเทวดา
ชั้นสุภกิณหา ฯ
[๓๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นเวหัปปผลา...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นอวิหา...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นอตัปปา...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นสุทัสสา...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นสุทัสสี...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นอกนิฏฐา มีอายุยืน มีวรรณะ
มากด้วยความสุข เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อเราตายไปแล้ว
พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นอกนิฏฐาเถิด เธอจึงตั้งจิตนั้น อธิษฐานจิต
นั้น เจริญจิตนั้น ความปรารถนาและวิหารธรรมเหล่านั้น อันเธอเจริญแล้วอย่างนี้
ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสำเร็จในภาวะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อความสำเร็จในความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นอกนิฏ-
*ฐา ฯ
[๓๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาผู้เข้าถึงอากาสานัญจายตนภพ
มีอายุยืน ดำรงอยู่นาน มากด้วยความสุข เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ
เมื่อเราตายไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้เข้าถึงอากาสานัญจายตน-
*ภพเถิด เธอจึงตั้งจิตนั้น อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น ความปรารถนาและ
วิหารธรรมเหล่านั้น อันเธอเจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไป
เพื่อความสำเร็จในภาวะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อ
ความสำเร็จในความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้เข้าถึงอากาสานัญจายตนภพ ฯ
[๓๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาผู้เข้าถึงวิญญาณัญจายตนภพ
มีอายุยืน ดำรงอยู่นาน มากด้วยความสุข เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ
เราเมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้เข้าถึงวิญญาณัญจายตนภพ
เถิด เธอจึงตั้งจิตนั้น อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น ความปรารถนาและวิหารธรรม
เหล่านั้น อันเธอเจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความ
สำเร็จในภาวะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อความสำเร็จ
ในความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้เข้าถึงวิญญาณัญจายตนภพ ฯ
[๓๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาผู้เข้าถึงอากิญจัญญายตนภพ ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาผู้เข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนภพ
มีอายุยืน ดำรงอยู่นาน มากด้วยความสุข เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ
เราเมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้เข้าถึงเนวสัญญานา-
*สัญญายตนภพเถิด เธอจึงตั้งจิตนั้น อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น ความปรารถนา
และวิหารธรรมเหล่านั้น อันเธอเจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็น
ไปเพื่อความสำเร็จในภาวะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อ
ความสำเร็จในความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้เข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนภพ ฯ
[๓๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึง
เข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป
ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันอยู่ เธอจึงเข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญา
วิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วย
ตนเอง ในปัจจุบันอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้ย่อมไม่เกิดในที่ไหนๆ ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่างชื่นชมยินดี
พระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล ฯ
จบ สังขารูปปัตติสูตร ที่ ๑๐
จบ อนุปทวรรค ที่ ๒
_________________
ความสุขหรือความทุกข์ อยู่ใจเราจะคิดเอา ถ้าคิดว่าสุขก็สุข ถ้าคิดว่าทุกข์ก็ทุกข์.
สู้ ครับ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 01 เม.ย.2006, 12:40 am
คุณ neoman ครับ
จากพจนานุกรมศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์ ความหมาย ของ "โลกธาตุ" แสดงว่า
โลกธาตุ แผ่นดิน; จักรวาลหนึ่งๆ
ซึ่งในพระสูตรที่ยกมา นั้น มิได้หมาย ถึง โลกของเรา(บาลี คือ "โอกาสโลก") ใช่หรือไม่ครับ
สู้ ครับ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2006, 5:16 pm
มีความเห็นจากท่านผู้รู้หลายๆท่านตามลิ้งค์ครับ
http://www.budpage.com/budboard/show_content.pl?b=1&t=9315
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4245629/Y4245629.html
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th