Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ความผูกพันธ์จากชาติที่แล้วจริงหรือไม่ ??? อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
AAA
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 10 ส.ค. 2006, 8:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ก่อนแต่งงานก็เคยมีแฟนแต่ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใคร
มีแต่กับสามีคนปัจจุบันคนเดียว บังเอิญไปเจอผู้ชายคนหนึ่งรู้สึกคุ้นเคย อยากมี
เพศสัมพันธ์กับเขา ทำไมเกิดความรู้สึกนี้ได้ กับสามีตัวเองก็ไม่เคยมีความรู้สึกนี้
มาก่อน เคยอ่านเรื่องความผูกพันธ์จากชาติที่แล้ว เป็นไปได้หรือเปล่า ปัจจุบันก็ยัง
นึกถึงเขาเสมอเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 10 ส.ค. 2006, 11:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดี คุณ AAA

เรื่องดังกล่าว เป็นไปไม่ได้ เกิดจากการนำตัวไปเข้าพิธีกรรมทางเสน่ห์ของคุณเอง อย่าไปโทษหรือหาเหตุจากความผูกพันธ์ในสัญญาเดิมเลย อะไรๆ ที่มันมีมากเกินธรรมดามนุษย์นี่ มันไปเสาะมาทั้งนั้น อย่าไปโทษใครหรืออะไร เกิดจากการกระทำของตนเองทั้งนั้น กรรมอดีตชาติเพียงแค่ส่วนหนึ่ง กรรมปัจจุบันชาตินี่แหละส่งผลมากที่สุด

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา
ธรรมจักร
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
จิศาณา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 ส.ค. 2006, 3:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
ที่จริง ก็มีความเป็นไปได้นะ ที่ว่า ชาตินี้เรามาพบใครสักคน แล้วอยากมีเพศสัมพันธ์ด้วย สัญญาเก่าอาจเป็นเพราะเคยคบชู้กัน หรืออาจเคย มีความสัมพันธ์กัน พอมาเจอกันชาตินี้ จึงมีความดึงดูดซึ่งกันและกันซาบซ่านอย่างไม่รู้สาเหตุ ได้

แต่ปัจจุบัน ก็คือ ปัจจุบัน ก็ต้องคิดว่า นั่นคือ ตัวกิเลสที่ร้ายแรงกำลัง ลองใจคุณอยู่ ว่าคุณอยากเลือกนรก หรือ สวรรค์ ถ้าเลือกสวรรค์บนดิน ก็ไปตกนรกเมื่อเปลี่ยนภพภูมิ หุหุ

ถ้ายอมเลือก ความถูกต้อง ว่าปัจจุบัน คุณกำลังเป็นของใครอยู่ กำลังดำรงสถานะภรรยาใครอยู่ ก็จง มั่นคง แน่วแน่ เป็นแม่ศรีเรือนที่ดี ของเขาเถิด


สัญญาเก่า ก็ เพียง อดีต หยุดติ กรรมนั้นให้สิ้นที่เพียงชาตินี้เสีย


เจริญในธรรม
หลับ จิศาณา
 
AAA
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 ส.ค. 2006, 4:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณสำหรับข้อคิดและคำแนะนำมากค่ะ
เรื่องแบบนี้บอกใครไม่ได้ จึงต้องหาทางออก
ด้วยการมาระบายในบอร์ดนี้ หวังจะให้ทุกท่าน
ช่วยให้คำแนะนำ (ต่อว่าเลยยิ่งดี) เพราะจะได้
เลิกคิดเสียที ปัจจุบัน คิดวนเวียน ไม่อยากคิด
แต่มันคิดเอง ไม่เข้าใจ อยากมีความสุขแบบ
เมื่อก่อน ตอนยังไม่เจอเขา
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 11 ส.ค. 2006, 5:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

3 กาเมสุ มิจฺฉาจารา เวรมณี

http://84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=270818

เรื่องที่เล่ามานี้ เก็บความมาจากนิทานชาดก จุลลธนุคคหชาดก เป็นเค้าของบทละครไทยเรื่องจันทโครพ แสดงให้เห็นโทษของหญิงผู้ประพฤติผิดในกาม

ส่วนเรื่องแสดงโทษของผู้ชายประพฤติผิด ดังเรื่อง รามเกียรติ์ เป็นเหตุให้พระรามยกทัพวานรไปติดพันกรุงลงกา ฆ่าญาติวงศ์ยักษ์ของทศกัณฐ์ตายไปโดยลำดับ จนถึงองค์ทศกัณฐ์เอง ตลอดถึงพลยักษ์และชาวเมือง ก็พลอยพินาศไปทั้งสิ้น เพราะความประพฤติผิดในกามของทศกัณฐ์ผู้เดียวเป็นเหตุ

ความประพฤติผิดในกาม เป็นเหตุให้เกิดโทษ มีตัวอย่างให้เห็นได้อยู่ในทุกกาลสมัย ในปัจจุบันนี้ ก็มีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่ไม่น้อย สามีภรรยาแตกร้าวกัน เพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประพฤตินอกใจกัน บ้างก็เพียงแตกแยกกัน บ้างก็ทำลายกัน ฝ่ายหญิงทำลายฝ่ายชายก็มี ฝ่ายชายทำลายฝ่ายหญิงก็มี

เป็นอันว่า เมื่อความประพฤติเช่นนี้เกิดขึ้นในที่ใด ก็เป็นเหตุเปลี่ยนรักให้เป็นความชิงชัง เปลี่ยนมิตรสหายให้เป็นศัตรู เปลี่ยนความไว้วางใจเป็นความกินแหน่งแคลงใจ ให้ร้าวฉานแตกแยก ให้ทำลายล้าง ทำสุขให้เป็นทุกข์ โดยเฉพาะ ทำให้เกิดความทุกข์ใจอย่างยิ่งแก่ผู้ที่เป็นฝ่ายเสีย

ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติศีลข้อ ๓ คือ
กาเมสุ มิจฺฉาจารา เวรมณี เว้นจากความประพฤติผิดในกาม

ศีลข้อนี้บัญญัติห้ามมิให้ประพฤติผิดในกาม แต่ไม่ห้ามประพฤติชอบในกาม คำว่ากามนั้น หมายถึงในเรื่องเกี่ยวกับความใคร่ระหว่างชายกับหญิง ที่เรียกว่าในบัดนี้ว่าความรักเกี่ยวกับเพศ ทุก ๆ คน

เมื่อเป็นเด็กย่อมพอใจในการเล่นต่าง ๆ อย่างเด็ก แต่เมื่อร่างกายเติบโตขึ้น ก็เกิดมีความรู้สึกเป็นอย่างชายหญิงแรกรุ่นหนุ่มสาว และโดยปกติก็มีการครองคู่เป็นสามีภริยาเกิดบุตรหลานสืบสกุลกันต่อ ๆ มาและจักสืบกันต่อ ๆ ไป

เชื้อสายของมนุษย์และสัตว์โลกทุกชนิด จึงไม่สิ้นสูญ

เศร้า
 
001
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 ส.ค. 2006, 6:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อย่าไปโทษอดีตเลยคุณนั่นแหละที่คิดอยากมีกิ๊กเอง
 
pp
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 ส.ค. 2006, 7:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เห็นใจเจ้าของกระทู้......... ดีที่ว่ายังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่......

คนที่ไม่เคยประสพคงไม่เข้าใจ ลำพังคำแนะนำ (ตามตำรา) คุณก็คงจะรู้ดีอยู่แล้ว

ขออนุญาติแนะนำตามความเห็นส่วนตัว พิจารณาดูก็แล้วกัน

1. ถ้าสามีคุณเป็นคนดี เขาไม่นอกใจคุณ ดีกับคุณ ก็อย่าทำร้ายเขาเลยนะ
2. ลองหักดิบดูสิครับ หักห้ามใจไม่ให้คิด ถ้ามันจะกระอักเลือดตายก็ให้รู้ไป
3. ต้องสังเกตุตัวเองดู ว่าพบคนหน้าตาดีอื่น ๆ ยังมีความต้องการหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกคนแสดงว่าเกิดจากอำนาจตัณหาราคะแต่อย่างเดียว
4. ผมเชื่อในคู่แท้ แต่อย่าลืมว่าอดีตชาติมีคู่กันนับไม่ถ้วนตัวคน สลับกันทั่วหมด ชาตินี้อาจจะเจอหลายคน แต่พระพุทธองค์ ท่านสอนให้คนอยู่ในศีล 5 ใครมาก่อนก็ได้ก่อน คนหลังหมดสิทธิ
5. คู่แท้ความรู้สึกแรกน่าจะเป็นความรู้สึกที่ดี ไม่น่าจะเน้นเรื่องทางเพศนะ
6. ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องอย่างว่ากับสามีคุณเอง (สมมุติ) คงต้องปรึกษากันนะครับ สุดท้ายถ้าทำอะไรไม่ได้ ก็ดูข้อ4 และถ้าเป็นเรื่องอื่น ก็คุยกันได้นิครับ
7. ถ้าทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ก็คงต้องหย่าขาดกันก่อน คุณจึงจะไม่ผิดศีลข้อ 3 (อีกฝ่ายหนึ่งต้องไม่มีเจ้าของด้วยนะ)

........และสุดท้าย มั่นใจแล้วหรือว่าคนนั้นรักคุณจริง เขาจะไม่หลอกลวงคุณ................. และเมื่อนานไป ความรู้สึกก็จะจางคลายไปตามกาลเวลา.... ความเข้มข้นก็จะเจือจางลง เป็นอนิจจัง ไม่แน่ ไม่แน่..................................... ต่อไปคุณอาจจะคิดได้ว่า คนนี้หรือที่เราหลงไหล ได้ปลื้ม จริง ๆ ก็งั้น ๆ แหละ แค่หลงไป...........เท่านั้นเอง ยิ้มเห็นฟัน ปรบมือให้
 
AAA
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 ส.ค. 2006, 9:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก่อนอื่นต้องบอกรายละเอียดก่อนค่ะว่า ดิฉันไม่ได้รู้สึกกับเขาในครั้งแรกที่เจอ เจอกันครั้งที่ 3
ถึงเริ่มรู้สึกคิดถึง พอเจอกันครั้งที่ 4 บังเอิญสบตากัน เหมือนจะลืมหายใจชั่วขณะ หลังจากนั้นถึงมีความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้น และเราก็ไม่เคยได้ติดติดหรือคุยกันเสียด้วยซ้ำ เห็นกันแค่ไกลๆ
ได้แต่ต่างคนต่างมองเท่านั้น เขาอาจจะรู้หรือไม่รู้ว่าดิฉันคิดอย่างไรกับ เขา แต่ตัวดิฉันคิดถึงเขา
แทบเป็นแทบตาย เมื่อก่อนเคยได้ฟังมาและต่อต้านคนประเภทนี้ (ผู้หญิงที่ชอบไปมีอะไรกับผู้ชายอื่นทั้งๆที่ตัวเองมีสามีแล้ว) แต่ปัจจุบันดันจะมาเกิดกับตัวเอง (ยังไม่ได้มีอะไรกันน่ะค่ะ) แต่บังเอิญนิสัยตัวเองเป็นคนที่ขี้อายมาก และไม่มีความมั่นใจในตัวเอง จึงเป็นเหมือนกำแพงกั้นไว้ (บางครั้งข้อเสียบางอย่าง ก็นำมาเป็นข้อดีได้ในบางสถานการณ์) ไม่รู้เป็นเวรกรรมหรือเปล่าเคยไปว่า
คนอื่นเขาไว้ (อะไรกรรมจะตามเร็วขนาดนั้น)

สามีดิฉันเป็นคนดีมาก คนในสังคมยกให้เขาเป็น Family man เลยละค่ะ
ทุกวันนี้ดิฉันได้แต่เอาความดีของสามีมาข่มไว้ด้วย อยากหายเร็วๆจัง

ขอบคุณทุกๆข้อคิดเห็นเลยค่ะ
 
สงสาร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2006, 4:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อายหน้าแดง เราสงสาร คุณจัง ขอให้คุณพระธรรม จงช่วยคุณนะ

ขอให้คุณน้อมคุณของพระธรรมเข้ามาสู่ตัวเองด้วยนะ ทุกอย่างจะดี และมีทางออกแก่คุณเอง หลับ หลับ
 
อังคาร
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2006
ตอบ: 2
ที่อยู่ (จังหวัด): นนทบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 14 ส.ค. 2006, 1:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีครับคุณ AAA

สามีคุณนั้นเป็นคู่ของคุณมาก่อน ทำบุญทำกรรมร่วมกันมา จึงได้มาอยู่ร่วมกันในปัจจุบัน
ผู้ชายคนนั้นก็คงเคยเป็นคู่คุณมาก่อน แต่ทำกรรมร่วมกันมา จึงได้มาพบกันและรู้สึกแบบนี้
แต่อดีตคือผ่านมาแล้ว ปัจจุบันคือที่กำลังเป็นอยู่ อย่าเอาอดีตที่มีภพชาติเป็นเส้นขีดขั้นมาเกี่ยวเนื่องกับปัจจุบัน เพราะมันจะเป็นต้นเหตุให้ศีลธรรมคุณถูกทำลายลง และอนาคตของคุณจะถูกทำลายลงเพราะความหลงผิด
ผมเชื่อว่าคุณเป็นคนดี และขณะนี้คุณก็รู้เท่าทันจิตที่ฟุ้งซ่านของคุณอยู่แล้ว ขอให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน อย่าเผลอเอาสิ่งที่จิตหลงเพ้อมาปรุงแต่งให้เป็นเรื่องราวต่อไปเลยนะครับ
ขอให้โชคดีครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
AAA
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2006, 1:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เหคุการณ์อย่างนี้ ถ้าพูดในเรื่องของกรรม อยากทราบว่า
ชาติที่แล้วได้ทำกรรมอะไรไว้ จึงมีความรู้สึกนี้ขึ้นมาได้
เพราะไม่ได้รู้สึกแบบนี่กับทุกคนที่เจอ ทั้งๆที่บางคนหน้าตี
หุ่นดี กว่าคนที่เรารู้สึกด้วยซ้ำไป
 
โมโม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2006, 2:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เหคุการณ์อย่างนี้ ถ้าพูดในเรื่องของกรรม อยากทราบว่า
ชาติที่แล้วได้ทำกรรมอะไรไว้ จึงมีความรู้สึกนี้ขึ้นมาได้
เพราะไม่ได้รู้สึกแบบนี่กับทุกคนที่เจอ ทั้งๆที่บางคนหน้าตี
หุ่นดี กว่าคนที่เรารู้สึกด้วยซ้ำไป

ก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันนะคะ แต่สันนิษฐานว่า....ผู้ชายที่คุณเจออาจจะอธิษฐานไว้ไหมคะ
ว่าสบตาใครแล้ว ขอให้ดึงดูดเพศตรงข้าม (เคยอ่านเจอ) ว่าถ้าอธิษฐานแบบนี้แล้ว
ฝ่ายตรงข้ามจะรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดให้เกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมา ซึ้ง

รักคนที่เขารักเราแหละคะ เพราะจะได้ไม่มีใครเจ็บปวด
เพราะเราเป็นคนเลือกเขาเอง เขาก็ต้องที่หนึ่งเสมอนะคะ

เจริญในธรรมค่ะ สาธุ
 
ครั้งแรกที่สัมผัสธรรม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2006, 4:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเพิ่งได้ศึกษาธรรมะมาบ้างนะครับ เรียกได้ว่า เพิ่งเริ่มต้น และบังเอิญมีประสบการณ์เหมือนที่เจ้าของกระทู้ได้ตั้งไว้ และได้เห็นอดีตของตนเองบ้างในนิมิต และรับรู้ว่าจะต้องผ่านเจอะเจอ ก่อนหน้านี้ผมปล่อยให้มันเจอ แต่เมื่อผมได้คิดตรึกตรองและเริ่มที่จะ "พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ" พบว่า พุทธองค์ได้อธิบายไว้แล้วในเรื่องขันธ์ 5 ของมนุษย์ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ การที่เรารู้สึกอย่างที่เจ้าของกระทู้ได้เกิดนั้น อาจเกิดจาก สัญญา ที่อาจจะเกิดได้จากเจ้ากรรมนายเวร หรือความผูกพันธ์ในอดีต หรือ อาจเป็นคำอธิษฐานร่วมกันจากอดีตก็ได้ ทั้งนั้นทั้งนี้ หากตัวของเรารู้เท่าทันจิต ก็จงพิจารณาและเราคือผู้ที่เลือกว่าจะปล่อยให้สัญญานั้นยังคงอยู่หรือไม่ หากปล่อยให้คงอยู่ก็จะพบเวียนว่ายต่อไปอีกหลายภพชาติ แต่หากเลือกตัดสัญญากรรม ก็จะจบ จะยุติ แต่เพียงเท่านี้ ท่านเจ้าของกระทู้ได้เข้ามาถามในเว็บนี้แสดงว่าเป็นผู้ที่พื้นฐานพุทธจิต ก็จงเลือกเห็นว่าเรามีบุญมากที่ได้รู้ได้เห็นธรรมะของพุทธองค์ และมีทางเลือกให้พิจารณาว่าจะตัดหรือไม่ตัดสัญญากรรม
 
AAA
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2006, 10:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าจะให้หายจากอาการดังกล่าว (คิดถึงเขาตลอด 5 เดือน) ในระหว่างนี้เจอกันแบบบังเอิญ
ครั้งเดียว ไม่ได้พูดกัน ต้องทำบุญแบบไหนค่ะ จึงจะให้หายจากอาการดังกล่าว
เพราะพยายามแล้วจากคำแนะนำของหลายๆบอร์ดที่ไปโพสท์ถาม ก็แค่ทุเลาเป็นบางขณะ
ไม่หายขาด เหมือนเขาเข้ามาอยู่ในความรู้สึกเราตลอด
 
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2006, 10:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หลวงปู่บุดดา ถาวโร สาธุ พระสุปฏิปันโน ผู้บรรลุวิชาสามประการ..... ท่านระลึกชาติได้มากมาย

ท่านเคยเล่าให้กับลูกศิษย์ฟังว่า ในอดีตชาติก่อนหน้านี้(ไม่ใช่ชาติสุดท้าย) ท่านได้เคยเกิดเป็นชายหนุ่ม รู้สึกชอบผู้หญิงคนหนึ่งเข้า จึงไปพูดคุยหวังจีบ. แทนที่ฝ่ายหญิง(ในอดีต)จะพูดคุยด้วยดี กลับเอาเรื่องในอดีตชาติที่ตนจำได้ก่อนหน้าชาตินั้นมาต่อว่าให้ชายหนุ่มฟังว่า ......ในชาติก่อนๆหน้านั้น หลวงปู่เป็นผู้ทำให้ผู้หญิงคนนั้นซึ่งตอนนั้นเกิดเป็นหมาถูกทุบตี และถูกจับผูกทรมานให้อดอาหารจนตาย..... เรื่องมีอยู่ว่า ในชาตินั้นหลวงปู่เป็นเจ้าอาวาสวัดที่วัดแห่งหนึ่งในประเทศลาว และกำลังป่วยหนักอยู่ ได้ให้เด็กวัดไล่หมาตัวเมียที่มาโขมยกินอาหารในวัด.....เด็กวัดก็ตีหมาและเอาหมาไปผูกไว้เสียไกลจากวัดมากเพื่อจะได้ไม่หนวกหูเสียงร้องของมัน..... เด็กวัดมามัวสาละวนดูอาการเจ็บของเจ้าอาวาสและคอยวุ่นกับการตายของเจ้าอาวาสในเวลาถัดมา จึงลืมไปแก้มัดหมาตัวนั้น หมาตัวนั้นเลยอดอาหารตายอย่างอนาถ...... หมานั้นมาเกิดเป็นหญิงสาวและจำเหตุการณ์นั้นได้ จึงต่อว่าหลวงปู่(ในชาติก่อน)เอา

นี่เป็นตัวอย่างครับว่า บางครั้งการเกิดความรู้สึกชอบใคร อาจจะไม่จำเป็นต้องเคยรักใคร่กันแบบคนต่อคน อาจจะเป็นเจ้านายกับสัตว์เลี้ยงก็ได้.....ภพ-ชาติ มันเป็นเรื่องสลับซับซ้อน.....เกินที่เรา-ท่านจะไปคาดเดาเอาง่ายๆ......เอาเป็นว่า ปัจจุบัน ไม่ผิดศีล ไม่ต้องไปอบายก็เอาแล้วล่ะครับ ยิ้ม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
วรากร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2006, 2:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผู้ใดยังยึดติดแม้สิ่งที่ผ่านล่วงมาแล้วก็ย่อมเป็นทุกข์

เมื่อเราอยู่ในปัจจุบัน มีอนาคต อยู่หลายทาง เป็นเหตุเป็นผลกัน
ทำดี ไปเกิด คน สวรรค์ พรหม
ทำไม่ดี ไปนรก เปรต สัตว์
ทำนิพพานให้แจ้ง ไม่ต้องมาเกิดเป็นอะไร

สิ่งเหล่านี้ล้วนมาจากเหตุ จึงเกิดผล

ตอนนี้ ท่านจะสร้างเหตุหรือไม่สร้างเหตุนั้นแล้วแต่ท่าน ท่านคือผู้กระทำ ผู้ที่ไดรับก็คือท่าน มิใช่ใครอื่น กิเลสนั้นมันหลอกให้เราทำอะไรที่ไม่ดีได้เสมอ คิดไม่ดีได้เสมอ แต่มันไม่เคยได้รับกรรมที่มันก่อ แต่เราซิทำตามกิเลส ก็ต้องได้รับผลที่กระทำ

แล้วอะไรละที่พอจะช่วยได้ ก็ ธรรม นั้นเอง มีกิเลส ก็ไม่มีธรรม มีธรรม ก็ไม่มีกิเลส

คนเราเวียนไหว้ตายเกิด ก็เพราะเราไปหลงกิเลส ไม่ยอมออกจากกิเลส เวียนอูยู่ในสามภพ นรก โลก สวรรค์ ไม่มีที่สิ้นสุด ดังกงล้อ ที่ไม่มีวันจะหยุดหมุน แต่เพราะพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และสอนชาวโลกว่า กิเลส ตัญหา อุปทาน นี้เองที่ทำให้เรา ต้องเวียนไหว้ตายเกิด หากท่านต้องการหลุดพ้นก็จงเดินทางตามข้าพเจ้ามา ด้วย คำสอนที่มีให้ท่านปฏิบัติมากมายเพื่อการหลุดพ้น แต่ก็มีเพียงส่วนน้อยที่จะยอมออกจากกงล้อนี้

เขายังคงผิดศีล หลงอยู่ในกองกิเลส ไม่ยอมแม้แต่หันมามองธรรมที่มีในตัวของเขาเอง หลงติดในโลก ว่านี้คือความสุข ทั้งๆ ที่มันไม่เป็นของไม่เที้ยง

เพียวแค่ท่านปล่อยว่างสิ่งต่างๆ แล้วหันมาพิจารณาจิต แล้ว ท่านก็ได้ชื่อว่าเดินตามพระพุทธเจ้าแล้ว
 
ช่วยตอบ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2006, 8:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สงสัย คุณกะ เขาอาจเคยลอบเป็นชู้กันมาก่อนอ่ะ ประมาณนี้นะคะ พอมาเจอกัน จึงมีความรู้สึก อย่างว่าทันทีอย่างไม่มีสาเหตุ ขอให้จบชาตินี้ เสีย ชาติหน้าคุณจะได้ไม่ต้องมาพบ อาการอย่างนี้อีก
 
โจโกโปะ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2006, 11:00 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ครับ

เรื่องนี้ก็เกิดด้วยกรรมเก่าเป็นเหตุคงมีส่วนอยู่บ้าง แต่ถึงกระนั้นบัดนี้ก็คือปัจจุบัน ไม่ควรยึดติดกับอดีต เพราะฉะนั้นดูปัญหาที่อยู่ปัจจุบันนี้ดีกว่า

เริ่มจากว่าคุณนั้นก็มีสามีแล้ว แต่เกิดคิดอยากเสพเมถุน(เพศสัมพันธุ์)กับชายอื่น นั่นหมายความว่าบัดนี้จิตนั้นปรุงไปให้เกิดนนิวรณ์คือ กามฉันทะ(ความติดใจในกามคุณซึ่งรวมถึงเมถุน) เป็นเครื่องกางกั้นความเจริญของจิต ทำจิตให้ตกต่ำ

จิตเรานั้นไม่เที่ยง แปรปรวน จับยึดนู่นยึดนี่อยู่เรื่อยหากไม่รู้วิธีละออก ตอนนี้ถือว่าดีแล้ว เพราะเห็นถึงว่าจิตเกิดความยึดมั่นถือมั่น ก็เป็นทุกข์ ต้องดูว่ายึดอะไร คุณก็เห็นแล้วว่ายึดด้วยอยากเมถุนกับชายอื่น ซึ่งหากทำเช่นนั้น ศีลข้อ 3 ย่อมขาดสะบั้น นำวิถีลงสู่อบายภูมิเป็นแน่

วิธีแก้มีอยู่หลาย แต่ผมก้ไม่รุ้ว่าแบบใดจึงจะถูกกับจริตของคุณ เพราะฉะนั้นจะขอแนะนำวีธีหนึ่งก่อน นั่นคือการแก้สำหรับผู้มีราคะมาก ให้ปลงสังขารเสีย ไปดูซากศพของมนุษย์เราสิ ดูได้ไหม น่ารักไหม น่าชื่นชมไหม
แค่เห็นยังไม่อยากจะเห็นกันเลย ทั้งเน่าเหม็น ทั้งน่าเกลียดน่ากลัว สกปรก มีแต่น้ำเหลืองเต็มไปหมด ก็ให้เห็นว่าร่างกายนี้เป็นที่อยู่แห่งของสกปรกทั้งปวง แม้มีชีวิตอยู่กายก็สกปรกไม่หวั่นไม่ไหวแล้ว มีของสกปรกออกมาอยู่ทุกเวลา ทั้งเหงื่อไคร ทั้งปัสสาวะ อุจจาระ เป็นแต่ของสกปรกเน่าเหม็นเต็มไปหมด หากว่ายังคงไม่เห็นว่าสกปรก เพราะมันก็อยู่แต่ภานใน ลองวันใดไม่อาบน้ำทำความสะอาดกายนี้ดูสิ ก็เหม็นตลบไปหมดแล้ว ทั้งสกปรกทั้งน่ารังเกลียด อย่างนี้ยังจะยินดีในกายอีกไหมเล่า กายที่มีแต่ของเน่าๆเหม็นๆ เป็นของไม่ควรแก่การยึดมั่นถือมั่น ไม่น่าดูเลย

บางคนอาจจะบอกว่าถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่เหมือนศพ มันจะไม่เหมือนได้อย่างไรเล่า ก็กายนี้ไม่ใช่เหรอที่สุดท้ายก็เป็นศพ เป็นซากเน่าเหม็น เป็นของน่ากลัว ทั้งๆที่ปัจจุบันมันก็เน่าเหม็นอยุ่แล้ว ไม่น่าดูเลย

ฉะนั้นก็ให้คิดเสียอย่างนี้ครับน่าจะเหมาะกับคุณที่สุดด้วยเพราะเป็นคนมีราคะมาก ลองดูสิส่วนไหนร่างกายที่สะอาดบ้าง ไม่มีเลย กายของผู้ชายคนนั้นก็เช่นกัน มาด้วยกรรมปรุงแต่ง เป็นของไม่น่ายุ่งเกี่ยวด้วย เป็นแต่ของน่าสะอิดสะเอียน ก็แค่ธาตุทั้ง 4 ที่ประชุมกัน ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมกันเรียกว่ากาย กายจริงๆไม่มีอยุ่เลย สักแต่ว่าธาตุ เห็นว่ากายไม่มีตัวตน ไม่ไปยึดมั่นมา ไม่น่ายึดติด

แล้วแบบนี้ยังจะอยากอีกหรือเปล่าเล่า?

อีกวิธีหนึ่งหากว่ายังละไม่ออกอีก ให้ดูจิตนั่นซิว่ามันจะอยากได้ถึงไหน ดูไปเรื่อยๆ อาการเกิดก็ดูไป ดูไป ไม่ไปจับยึดมา แค่ดูเฉยๆ ไม่ไปปรุงเพิ่ม ค่อยดู มันยังไม่ดับก็ดูไป ดูอย่างเดียว มีสติดำรงมั่งอยู่กับหายใจเข้า-ออก เข้าพุทธ - ออกโธ ดูไปเรื่อยๆ ว่ามันจะปรุงได้ถึงไหน แต่อย่าไปปรุงต่อเด็ดขาด แค่ดู สุดท้ายแล้วก็จะพบว่ามันไม่เที่ยง มันก็ดับไปเอง ไม่ไปยึดติด

ทีนี้พอมันเกิดอีก ก็ดูอีก แล้วใช้สติพิจารณาดูว่ามันเป็นทุกข์ไหม ถ้าเป็นจะไปยึดติดทำไม ไม่ควรยึดติด แล้วสุดท้ายมันจะดับหายไปเองครับ มีสติเสมอเกิดเมื่อไหร่จะได้ดับได้

.............................................................................

เพิ่มเติมครับ วิธีนี้ใช้ประโยชน์ได้อีกเพื่อไม่ให้ยึดติดในกาย ไม่ยินดีในกาย ให้เกิดความคลายกำหนัด แล้วจิตจะสงบหลุดพ้นจากความยึดติดในกาย จนในที่สุดจะเกิดความเบื่อหน่ายในวัฏฏะ และเห็นว่ากายไม่มีตัวตนอยู่ในเรา ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา เป็นเพียงกายกับจิตที่เนื่องกันเอง เป็นอิทิปัจตาเท่านั้น ไม่มีเราอยู่ที่ใด ไม่มีใครอยู่ที่ใด ไม่มีอะไรเลยนอกจากความว่าง

สาธุครับ

ขอธรรมรักษาทุกท่านและเจ้าของกระทู้ครับ
 
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2006, 1:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรียนคุณผู้อยู่ในกองไฟแห่ง ราคะ

คงกำลังทุกข์ ทรมาน มาก คุณ ยับยั้งใจ มาได้ นาน ขนาดนี้

คุณกำลังเป็นผู้ชนะ เหนือมาร ร้าย นี้ ในไม่ช้า

อย่าไปสนใจ ใน บุรุษ ผู้มีร่างกายห่อขี้เอาไว้ มีแต่ของเหม็น ทั้งนั้น

ขนาดยังไม่ได้คบหากัน ยังทำให้คุณเริ่มเหม็นแล้ว

ถ้ามีโอกาสให้คุณเข้าไปใกล้เขาอีกหน่อย คุณจะยิ่งทุกข์ทรมาน และความเหม็น ฉาวโฉ่ก็ยิ่งติดตัว

คุณหึ่งขึ้นไปอีกคือถ้า รู้ไปถึงไหน ก็เหม็น ถึงนั่น

ตัวคุณเหม็น สามีคุณเหม็น

ลูกคุณก็เหม็น พ่อ - แม่ ก็ทั้งถูกเหม็น ทั้งทุกข์ใจกับการกระทำของคุณ

หลงรูปเขาไปก็เท่านั้น ร่างกายห่อขี้

ร่างกายห่อขี้ ห่อขี้ ห่อขี้ ท่องเอาไว้ แล้วนึกถึงกลิ่นขี้เหม็น ๆๆ ถ้านึกไม่ออก ให้ไปดมของจริง

คุณจะทนไม่ไหวเลยหล่ะ อ้วก! ! !

ขอความดีของคุณจงเตือนสติคุณ อย่าได้เผลอตัว เผลอ ใจ ถ้ามี โอกาส อำนวย เลย สา ....ธุ

สู้ สู้ สู้ สู้ สู้ สู้ แลบลิ้น แลบลิ้น แลบลิ้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
แก้วลักษณ์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 03 ส.ค. 2006
ตอบ: 35

ตอบตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2006, 2:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากให้คุณลองสวดมนต์ นั่งสมาธิ ดู แล้วคุณจะรู้ด้วยตัวเองว่าจะแก้ปัญหาชีวิตนี้อย่างไร
เพราะสิ่งที่ตัวเราจะได้รับมันคือความจริงของชีวิต ตามที่พระพุทธเจ้าได้สั่งสอนไว้ อย่าคิดฟุ้งซ่าน บังคับจิตให้สงบ อืมม์ อืมม์
 

_________________
ธรรมะคือความจริงของชีวิต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง