Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 คืนเดียวเจอ 3 แบบ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
คืนเดียวเจอ 3 แบบ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2006, 5:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ซึ้ง . พอนั่ง สมาธิรวมดีๆ รู้สึก ว่างๆๆ ลึกไปเรื่อยๆ แล้วก็มีอาการที่ลูกตา คือ ขยับไป-มา แรงมาก อ่ะ เป็นพักใหญ่ๆ ยิบยับในตา กลัวด้วย ทำให้ไม่กล้าลืมต้อง ปิดตาไว้ ทำให้ เหงื่อออกเลย

ขำ 2. นั่งอีก สมาธิรวม อยู่ดี รู้สึกอาการเบาๆทีมือ และใบหน้า ที่มือเคยเป็นมาบ้าง ก็เลยเฉย แต่ที่หน้าไม่เคยเป็น บอกกะตัวเองว่า หรือว่านั่งนานไป เกร็งที่กล้ามเนื้อ ก็เลยค่อย ผ่อนคลาย แต่อาการที่หน้ากลับกระตุก สั่นๆ ๆ ก็กลัวอีก แต่ก็ลองปล่อยไปๆๆ สักพัก ก็ตั้งสติ ใหม่ ก็หาย (ตอนหน้าสั่น แรงพอสมควร)

อายหน้าแดง 3. เลิกนั่งจะนอน ตอนนอน เห็นว่ายังไม่หลับ ก็ ทำสมาธิอีก พอร่างกายว่า สงบดี ไปสักพัก เหมือนอึดอัด และ เหมือนตัวเองจะดันขึ้น ก็ปล่อยไปดูต่อไป รู้สึกภายในร่างกาย แน่นๆ สุดท้าย พอผ่านอาการที่ว่า หอบเหนื่อยมากๆ ใจเต้นแรงมาก หอบอยู่พักใหญ่ๆ งงมาก ที่ว่าตอนนอน สงบนะ แต่ทำไมอาการที่ว่าคนละเรื่องกันเลย ( รู้ตัว 100 % ตอนที่นอน)



ตอบด้วยเน้อ อายหน้าแดง
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2006, 6:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คืนเดียวเจอ 3 แบบ พิมพ์ว่า:
ซึ้ง 1. พอนั่ง สมาธิรวมดีๆ รู้สึก ว่างๆๆ ลึกไปเรื่อยๆ แล้วก็มีอาการที่ลูกตา คือ ขยับไป-มา แรงมาก อ่ะ เป็นพักใหญ่ๆ ยิบยับในตา กลัวด้วย ทำให้ไม่กล้าลืมต้อง ปิดตาไว้ ทำให้ เหงื่อออกเลย

ขำ 2. นั่งอีก สมาธิรวม อยู่ดี รู้สึกอาการเบาๆทีมือ และใบหน้า ที่มือเคยเป็นมาบ้าง ก็เลยเฉย แต่ที่หน้าไม่เคยเป็น บอกกะตัวเองว่า หรือว่านั่งนานไป เกร็งที่กล้ามเนื้อ ก็เลยค่อย ผ่อนคลาย แต่อาการที่หน้ากลับกระตุก สั่นๆ ๆ ก็กลัวอีก แต่ก็ลองปล่อยไปๆๆ สักพัก ก็ตั้งสติ ใหม่ ก็หาย (ตอนหน้าสั่น แรงพอสมควร)

อายหน้าแดง 3. เลิกนั่งจะนอน ตอนนอน เห็นว่ายังไม่หลับ ก็ ทำสมาธิอีก พอร่างกายว่า สงบดี ไปสักพัก เหมือนอึดอัด และ เหมือนตัวเองจะดันขึ้น ก็ปล่อยไปดูต่อไป รู้สึกภายในร่างกาย แน่นๆ สุดท้าย พอผ่านอาการที่ว่า หอบเหนื่อยมากๆ ใจเต้นแรงมาก หอบอยู่พักใหญ่ๆ งงมาก ที่ว่าตอนนอน สงบนะ แต่ทำไมอาการที่ว่าคนละเรื่องกันเลย ( รู้ตัว 100 % ตอนที่นอน)



ตอบด้วยเน้อ อายหน้าแดง
 
ดักดาน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2006, 8:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อืมม์ เป็นเหมือนกันเลย คับ
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2006, 9:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ประเภทของสมาธิ

สมาธิแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1. อุปจารสมาธิ สมาธิเฉียดๆ
2. อัปปนาสมาธิ สมาธิแนบแน่น

อุปจารสมาธิ คือ สมาธิที่เฉียดๆ (อุปจาร) ใกล้จะได้ฌานเข้าไปแล้ว แต่ยังไม่แนบแน่น จิตในขณะแห่งอุปจารสมาธินี้ละนิวรณ์ 5 ได้แล้ว แต่องค์ฌานทั้ง 5 ยังไม่ปรากฎชัด โดยเฉพาะเอกัคคตา คือ ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ยังไม่รวมตัวกันสนิท แต่จิตในขณะอุปจารนี้ก็สงบและมีความสุขมาก แม้จะไม่ถึงขั้นฌานก็ตาม

อัปปนาสมาธิ คือ สมาธิที่แนบแน่น (อัปปนา) ไม่หวั่นไหว มีอารมณ์เป็นหนึ่ง (เอกัคคตา) สำเร็จเป็นองค์ฌานละนิวรณ์ 5 ได้ และมีองค์ฌานทั้ง 5 คือ วิตก วิจาร ปิติ สุข และเอกัคคตา ปรากฎชัด ผู้ได้อัปปนาสมาธิ ก็คือผู้สำเร็จถึงขั้นฌานนั้นเอง ซึ่งฌานนั้นมีถึง 8 ขั้น แล้วแต่ว่าผู้ปฏิบัติจะบรรลุถึงฌานขั้นใด ผู้ได้สมาธิประเภทนี้ย่อมสามารถนั่งเสวยสุขอยู่โดยไม่ลุกขึ้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง หรือเป็นวันๆก็ยังทำได้

จิตของผู้ใด หากพัฒนาถึงขั้นอัปปนาสมาธิ ก็นับว่าปราบกิเลสอย่างกลางได้สิ้นเชิง เป็นผู้ถึงความสงบสุขอย่างยิ่งในด้านจิตใจ เป็นผู้พัฒนาถึงขั้นกลางแห่งหลักธรรมในพระพุทธศาสนา

องค์ฌาน

การทำสมาธิก็เพื่อให้ละนิวรณ์ 5 และให้ได้องค์ฌาน 5 อันประกอบไปด้วย

1. วิตก
2. วิจาร
3. ปีติ
4. สุข
5. เอกัคคตา

องค์ฌานทั้ง 5 เป็นตัวกำจัดหรือคู่ปรับนิวรณ์ทั้ง 5 อย่าง คือ

1. เอกัคคตา (สมาธิ) เป็นคู่ปรับกามฉันท์
2. ปีติ เป็นคู่ปรับพยาบาท
3. วิตก เป็นคู่ปรับถีนมิทธะ
4. สุข เป็นคู่ปรับอุทธัจจะกุกกุจจะ
5. วิจาร เป็นคู่ปรับวิจิกิจฉา

3. ปีติ คือ ความเอิบอิ่มใจ อันเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของฌาน เป็นผลที่เกิดขึ้นจากความสงบของจิต ปีตินี้จะเกิดแก่คนทุกคนที่ได้ทำสมาธิ แม้เมื่อจิตเริ่มสงบ ยังไม่ได้สมาธิ ปีติบางอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว เช่น มีอาการเหมือนกับมดหรือไรมาไต่บนใบหน้า หรือตัวเบา เป็นต้น ลักษณะของอาการปีติมีมาก เกิดแก่นักปฏิบัติเหมือนกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง ทั้งนี้เพราะบุญบารมีที่สั่งสมมาไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน และเพราะวิธีปฏิบัติของแต่ละท่านไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน แต่เมื่อกล่าวโดยสรุป แล้วปีติมี 5 อย่าง คือ

1. ขุททกาปิติ ปิติเล็กน้อย
2. ขณิกาปิติ ปิติชั่วขณะ
3. โอกกันติกาปิติ ปิติเป็นพักๆ
4. อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน
5. ผรณาปิติ ปิติซาบซ่าน

ขุททกาปิติ ปิติเล็กน้อย

เช่น เกิดขนลุกชูชันขึ้น เกิดน้ำตาไหล บางครั้งก็เกิดขนลุกซู่ทั่วร่างกาย บางทีก็เกิดผมตั้งชูชันขึ้น แต่เกิดนิดหน่อย แล้วก็ดับไป นี้คือลักษณะของขุททกาปิติ ซึ่งเกิดแก่นักปฏิบัติบ่อย แต่ไม่ใช่ทุกท่าน

ขณิกาปิติ ปิติชั่วขณะ

เช่น รู้สึกเสียวแปลบขึ้นตามร่างกายเหมือนสายฟ้าแลบ แต่พักหนึ่งก็ดับไป หรือบางครั้งเกิดคันตามใบหน้าเหมือนมีมดหรือมีไรมาไต่ หรือเหมือนกับมีใยแมงมุมมาพาดบนใบหน้า บางทีเนื้อตัวกระตุก หรือบางทีกระดูกสันหลังกระตุก บางทีเส้นกระตุก ปิติชนิดนี้มักจะบังเกิดแก่นักปฏิบัติทุกท่าน แต่อาการเหมือนกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง

โอกกันติกาปิติ ปิติเป็นพักๆ

ปิติเช่นนี้จะรู้สึกซู่ซ่าแรงกว่าขณิกาปิติ คือแรงกว่าสายฟ้าแลบ มีอาการเหมือนกับคลื่นกระทบฝั่ง บางทีเหมือนกับคนนั่งเรือไปในมหาสมุทรถูกคลื่น ทำให้รู้สึกโคลงเคลงเหมือนจะล้ม ลักษณะเช่นนี้ ถ้าใครเกิดปิติเช่นนี้ขึ้น บางทีจะรู้สึกรำคาญ เพราะว่าขณะที่เดินจงกรมหรือนั่งสมาธิอยู่นั้น ตึกทั้งหลังหรือแม้แผ่นดินที่ตนเดินหรือนั่งบางครั้งอยู่จะรู้สึกตะแคง บางท่านเข้าใจว่าปิตินั้นต้องรู้สึกอิ่มใจ แต่นี้ไม่เสมอไป เช่น โอกกันติกาปิตินี้ มักจะรู้เฉยๆมากกว่า แต่ปิติข้อสุดท้าย คือ ผรณาปิติมีความอิ่มใจอย่างเห็นได้ชัด

อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน

ปิตินี้มีลักษณะทำให้ใจฟู บางทีทำให้การกระทำบางอย่างเกิดขึ้นเว้นจากเจตนาก็มี เช่น เปล่งอุทาน เป็นต้น หรือบางท่านมีตัวลอยขึ้นเหนือพื้น ซึ่งยังปรากฎว่ามีอยู่ในหมู่นักปฏิบัติในปัจจุบันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

ผรณาปิติ ปิติซาบซ่าน

คือ ทำให้รู้สึกซาบซ่านเอิบอิ่มไปทั่วร่างกาย ถ้าใครเคยประสบมาแล้วจะรู้สึกพอใจมาก เพราะรู้สึกซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ปิติประเภทนี้ เป็นปิติโดยองค์ฌานโดยตรง แต่ผู้ปฏิบัติที่ยังไม่ถึงขั้นฌานบางท่าน ก็เกิดปิติชนิดนี้ได้เหมือนกัน

นี้คือลักษณะของปิติ 5 ประการที่เกิดขึ้นแก่ผู้บำเพ็ญสมาธิหรือวิปัสสนา แต่ปิติในองค์ฌานเป็นผรณาปิติ คือ ปิติซาบซ่าน ส่วนอีก 4 ชนิด ย่อมเกิดได้แก่ผู้บำเพ็ญสมาธิและวิปัสสนาทั่วไป แม้จะไม่ได้ฌานก็ได้ และไม่ใช่ปิติในองค์ฌาน


ศึกษาได้ตามลิ้งค์ข้างล่างค่ะ

http://www.buildboard.com/viewtopic.php?id=795&topic=78469&fx=2&forum=6324&10
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง