Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 แยกรูปแยกนาม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
อาทิตยา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ค.2006, 2:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีผู้สอนธรรมปฏิบัติในอินเทอร์เน็ตว่าการปฏิบัติต้องปฏิบัติให้ถึงขั้นแยกรูปแยกนาม

การแยกรูปแยกนามดังกล่าวนั้นทำอย่างไร และรู้ได้อย่างไรว่าสามารถแยกรูปแยกนามได้
 
กรัชกาย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ค.2006, 4:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทำความเข้าใจแยกอย่างนี้ครับ
ความรู้สึกนึกคิด เป็น นาม
สิ่งที่สัมผัสคือร่างกายเ ป็น รูป
แล้วก็เข้าปฏิบัติกรรมฐาน
 
สติสตัง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 ก.ค.2006, 4:20 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รับรู้ทางกายสัมผัส รู้ว่าขณะนั้นเป็นรูป
รับรู้ทางความคิด รู้ว่าขณะนั้นเป็นนาม
เช่น เมื่อเราได้ยินเสียง ให้เอาจิตมาจดจ่ออยู่ที่หู รู้ว่าหูเป็นตัวได้ยินเสียง ตอนนี้เห็นรูปแล้ว
ถ้าใจเรายังตามเสียงนั้นไป คิดตามไปว่าเป็นเสียงอะไร เสียงของใคร ฯลฯ ขณะนั้นจิตของเรากำลังเป็นนาม กำลังปรุงแต่งต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเรามีสติรู้ทันว่า อ๋อนี่นามกำลังเกิด นั้นแหละเห็นนามแล้ว และหากคิดเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก นามใหม่ก็จะเกิดขึ้นมาอีก ถ้าเรามีสติรู้ทันจิตที่คิดขึ้นใหม่ว่ากำลังคิด กำลังเกิดนามอีก นั้นแหละรู้นาม ทั้งรูปและนาม จะยังคงเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะนิ่ง จนกว่าจะสงบ เฉยๆ ไม่วุ่นวาย ไม่เดือดร้อน ไม่ทุกข์ ไม่สุข เป็นกลาง ๆ อยู่ระหว่างรูปและนาม นั่นเรียกว่า อุเบกขา จงรักษาอาการนั้นไว้ จนกว่าจะได้พบกับที่สุดของการปฏิบัติ นั่นคือ "ปัญญา"
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2006, 9:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดี คุณอาทิตยา

สื่อทางภาษา ตัวอักษรเพื่อให้เข้าใจในสภาวะธรรมดังกล่าว คนที่จะเข้าใจในสมมติภาษาที่สื่อออกมาได้ก็ต้องผ่านสภาวะธรรมนั้นๆ ไม่ว่าแยกรูปแยกนาม หรือ ผู้รู้ ผู้ดู ผู้ถูกรู้ ผู้ถูกดู เรา เขา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ไม่มีเรา ไม่มีเขา สมมติทางภาษาตัวอักษรเหล่านี้ล้วนแล้วแต่กล่าวถึงสภาวะธรรมในการฝึกเจริญสติในอิริยาบท ฝึกดูจิต ทั้งสิ้น ซึ่งไม่ใช่จะมานั่งอ่านและท่องจำได้ ต้องผ่านการฝึกปฏิบัติเข้ากรรมฐาน และได้รับการสอบอารมณ์จากครูบาอาจารย์

สภาวะธรรมต่างๆจะปรากฏขึ้นได้ ก็ต้องมีปัจจัยประกอบหนุนเนื่องอีก เช่นการเข้ากรรมฐาน อยู่ในศีล ในวินัยของผู้อยู่ในผ้าขาว ผ้าเหลืองอย่างเคร่งครัด เก็บวาจา เก็บอารมณ์ ยิ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งวิปัสสนาหรือการเจริญสติในระดับนี้ ไม่ใช่การฝึกเจริญสติอยู่ในสังคมทั่วไป อธิบายไปก่อนก็ท่องจำกันต่อ ไปอวดอ้างสภาวะกันอีก เพราะฉะนั้นคำตอบคือ จงเพียรฝึกเจริญสติในอิริยาบท ฝึกดูอารมณ์ ความรู้สึกให้ต่อเนื่อง สำคัญคือควรได้รับคำแนะนำจากครูบาอาจารย์ผู้ผ่านสภาวะธรรมมาแล้ว จะทำให้ฝึกได้ตรงและมีผล ประกอบทั้งได้รับคำอธิบายอย่างถูกต้องเมื่อปรากฏสภาวะธรรม

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา
ผีเสื้อ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง