ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 9:54 pm |
  |
ขอ พลังศรัทธาสาธุชน
ร่วมสร้างศาลาปฏิบัติธรรม (วิหารทาน)
ณ วัดเทียบศิลาราม หมู่ 18 บ้านหลักหินใหม่
ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ 33150
โทร. 05-490-6151, 045-637-233
พระอาจารย์สุพิน อัตตสันโต ประธานสงฆ์
วัดเทียบศิลาราม เป็นวัดที่พึ่งสร้างขึ้นใหม่ ด้วยกำลังศรัทธาของชาวบ้านหลักหินใหม่ ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการปฎิบัติธรรม และจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ภายหลังจากนั้นก็มีญาติโยมได้สร้างกุฎีถวายไว้ในพระพุทธศาสนา และปัจจุบันนี้ทางวัดเทียบศิลารามได้มีโครงการจัดสร้างศาลาปฎิบัติธรรม (วิหารทาน) ขึ้น มีขนาดความยาว ๓๒ เมตร ความกว้าง ๑๘ เมตร งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 2,000,000 บาทต้นๆ
เนื่องจากอาตมาได้รู้จักกับ โยมโมฆบุรุษและคณะ ซึ่งได้ไปสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอก ถวายไว้ ณ วัดเทียบศิลาราม และต่อมาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ถวายผ้าป่าเพื่อการศาลาปฏิบัติธรรม (วิหารทาน) นี้ เป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนสามหมื่นบาทถ้วน
วัดเทียบศิลารามตอนนี้ยังขาดทุนทรัพย์อยู่เป็นจำนวนมาก อาตมาจึงขอบอกบุญมายังท่านผู้ใจบุญผู้แสวงบุญทั้งหลาย และขอ พลังศรัทธาสาธุชน ร่วมแรงร่วมใจเพื่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรม (วิหารทาน) แห่งนี้ให้สำเร็จลุล่วงด้วย เพื่อเป็นถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนาต่อไป
ติดต่อขอบริจาคได้ตามกำลังทรัพย์และวัตถุประสงค์ได้ที่
วัดเทียบศิลาราม
หมู่ 18 บ้านหลักหินใหม่
ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ 33150 หรือ
ธนาคารกรุงไทย/สาขาขุนหาญ/บัญชีออมทรัพย์
ชื่อบัญชี พระอาจารย์สุพิน อัตตสันโต
เลขที่ 326-0-00987-6
เว็บไซต์วัดเทียบศิลาราม
http://www.wattiabsilaram.com/
อัลบั้มภาพวัดเทียบศิลาราม
http://www.dhammajak.net/gallery/index.php?cat=10035
รายการวิทยุธรรมะ (พระอาจารย์สุพิน อัตตสันโต)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=5860 |
|
|
|
|
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:10 pm |
  |
ขออนุโมทนาค่ะ
ไม่ทราบว่าชื่อบัญชีของธนาคารกรุงไทย เป็นชื่อวัด หรือบุคคลค่ะ อยากร่วมทำบุญค่ะ :  |
|
|
|
|
 |
วรพจน์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:11 pm |
  |
วัดเทียบศิลาราม
ธนาคารออมสิน สาขาขุนหาญ
บัญชีเลขที่ 06-4805-20-056738-1
บัญชีนี้จะเบิกได้ก็ต้องใช้ชื่อสองในสามคน
บัญชีนี้เป็นบัญชีเก่า ซึ่งกรรมการเก่าถึงแก่กรรมลงทางวัดและหมู่บ้านยังหาผู้เหมาะสมไม่ได้จึงใช้บัญชีใหม่ ซึ่งใช้บัญชีในนามบุคคลของท่านเจ้าอาวาส แต่สามารถโอนได้ทั้งสองบัญชีแต่เบิกมาใช้จ่ายในการก่อสร้างจะไม่สะดวก จึงใช้บัญชีท่านเจ้าอาวาส (และอีกอย่างในการจะเช็คบอกแก่ทุกท่าน) จะได้สะดวกและรวดเร็วขึ้นครับ
ธนาคารกรุงไทย สาขาขุนหาญ
พระสุพิน อัตตสันโต
หมายเลขบัญชี 326-0-00987-6
http://www.luangpor.com/news/showthisques.php?datfile=t00671.txt |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:18 pm |
  |
สมเด็จองค์ปฐมปิดทองหน้าตักสี่ศอก
...................................................................
เชิญทุกท่านได้เข้ามาร่วมเสวนา แนะนำติชมได้ ทางวัดจะสร้างตรงที่สร้างพระสมเด็จองค์ปฐมปิดทองหน้าตักสี่ศอก ที่คณะโยมโมฆบุรุษได้สร้างไว้ ตอนนี้องค์พระได้สร้างเสร็จจึงเหลือแต่การสร้างศาลาปฏิบัติธรรม (วิหารทาน) ในการก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรม (วิหารทาน) นั้นยังขาดกำลังอยู่เป็นจำนวนมาก จึงขออนุโมทนาขอโอกาสเจ้าของเว็บในการบอกบุญ เจตนาในการก่อสร้างไม่มีสิ่งอื่นแอบแฝงแต่อย่างใด มีเพียงเจตนาที่จะสร้างเพื่อจะใช้เป็นสถานที่อบรมปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา ข้าพเจ้าตั้งจิตปรารถนามรรคผลนิพพานทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ทุกท่านสามารถร่วมสร้างบารมีได้ แม้อิฐสักก้อน เหล็กสักเส้น ทรายสักเม็ด ก็เป็นการสร้างบารมีได้เช่นกันได้อานิสงส์เหมือนกันน่ะ สาธุ |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:21 pm |
  |
ภาพสมเด็จองค์ปฐมปิดทองหน้าตักสี่ศอก ตอนเริ่มสร้าง  |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:23 pm |
  |
ขอนำภาพพิธีการยกเสาเอก/เสาโท ให้ทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาสาธุ  |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:25 pm |
  |
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:27 pm |
  |
คณะผ้าจากกรุงเทพฯ มาทอดถวายสมทบทุนในการก่อสร้างเมื่อวันที่ ๓๑ ธ.ค ๒๕๔๘ ที่ผ่านมา หนึ่งแสนหกหมื่นสามพันสี่สิบเก้าบาทถ้วน ทางคณะกรรมการได้จัดการซื้อวัสดุมาใช้ในพิธียกเสาเอก/โท แปดหมื่นสี่พันห้าสิบบาทถ้วน จึงขอนำมาให้ทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาบุญสาธุ  |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:32 pm |
  |
ทางวัดยังเปิดให้ทุกท่านได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจนแล้วเสร็จ
ขออนุญาตนำรายชื่อผู้รับเป็นเจ้าภาพเสา ดังนี้
ห.จ.ก เลิฟมีเทรดดิ้ง 15000 บาท เจ้าภาพเสาเอก
พ่อเคน-แม่นด บุญเฟรือง 10000 บาท
พ่อทอน บุญเฟรือง 10000 บาท
พ่อพลอย-แม่เดียน จำนงค์ 10000 บาท
คุณมะลัน โพธิ์เตี้ย 10000 บาท
แม่นิ่ม รุ่งคำ 10000 บาท
แม่สังวร-บุตรธิดา อุทิศให้พ่อเค็ม บุญเฟรือง 10000 บาท
แม่สีนวน บุญเฟรือง 10000 บาท
แม่สำรวย-พ่อทิม มุ่งมาตร 10000 บาท
ครอบครัวผู้ใหญ่ชุมพล มุ่งมาตร 5000 บาท
พ่อเรญ-แม่สายัณต์ รุ่งคำ 5000 บาท
แม่ปรึม-แม่ทึ ศรีลาชัย 5000 บาท
แม่พุทธา-คุณหมอรัตน์ บุญเฟรือง 5000 บาท
แม่สำราญ จำนงค์ 5000 บาท
คุณอำพร บุญเฟรือง 5000 บาท
คุณทนาวัน บุญเฟรือง 5000 บาท
น.สถนอมนวล พานจันทร์ 5000 บาท
 |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:35 pm |
  |
ขอเชิญร่วมบริจาคเป็นเจ้าภาพค่าวัสดุอุปกรณ์เพื่อก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรม
วัดเทียบศิลาราม ตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
แสดงความจำนงค์และขอบริจาคได้ทุกวันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
รายการวัสดุและราคา ค่าวัสดุตามรายการดังนี้ -.
1. หิน 3-4 คิวละ 400-.
2. ทราย คิวละ 300-.
3. เหล็ก 6 หุน เส้นละ 437-.
4. เหล็ก 5 หุน เส้นละ 273-.
5. เหล็ก 4 หุน เส้นละ 177-.
6. เหล็ก 3 หุน เส้นละ 100-.
7. เหล็ก 2 หุน เส้นละ 47-.
8. ปูนตราเพชร ถุงละ 125-.
ติดต่อบริจาคได้ตามกำลังทรัพย์และวัตถุประสงค์
กำหนดสถานที่ติดต่อขอรับบริจาค
พระสุพิน อัตตสันโต
เจ้าอาวาสวัดเทียบศิลาราม และประธานดำเนินการก่อสร้าง
หรือที่ คณะกรรมการวัดเทียบศิลาราม
โทร 01-065-9255 หรือที่ 045-637-233
หรือที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาขุนหาญ
ชื่อบัญชี พระสุพิน อัตตสันโต
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 326-0-00987-6
 |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:41 pm |
  |
ท้าวสักกเทวราช
ในตอนนี้จะได้พรรณนา สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และบรรยายถึงอดีตกรรมของท้าวสักกเทวราชว่า ทำบุญอันใดไว้จึงไปเกิดเป็นท้าวสักกะ และยังอยู่จนถึงปัจจุบัน เพราะว่าในสมัยพระพุทธเจ้านั้น ท้าวสักกะองค์นี้ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน เมือได้สำเร็จเป็นพระโสดาบันแล้ว ตามคัมภีร์กล่าวว่าทรงกลับเป็นท้าวหนุ่มขึ้นทันที
อรรถกถาสักกปัญหสูตรอธิบายว่า เมื่อทรงบรรลุโสดาบันแล้ว ท้าวสักกะก็ทรงจุติต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธจ้า แล้วทรงอุบัติขึ้นทันทีกลายเป็นท้าวสักกะหนุ่ม ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าตรัสกับลิจฉวี ชื่อมหาลิ ว่าด้วยกรรมที่ท้าวสักกะได้ทำไว้ในสมัยเมื่อเป็นมนุษย์ จึงได้รับผลอันนี้ เมื่อเจ้าลิจฉวีชื่อมหาลิ ได้ทูลถามว่าท้าวสักกะทำกรรมอะไรไว้ พระพุทธเจ้าจึงทรงนำอดีตนิทานเรื่องบุพกรรมของท้าวสักกเทวราชโดยตรัสว่า
มฆมานพ
ในอดีตกาล มีมานพคนหนึ่งชื่อ มฆะ ในบ้านอจลคาม แคว้นมคธ เป็นคนใจดี เอื้อเฟือเผื่อแผ่ชอบทำสาธารณประโยชน์แก่ผู้อื่น วันหนึ่งเขาออกไปนอกบ้านเข้าไปในหมู่บ้านแล้วไปยืนอยู่ ณ ลานกว้างแห่งหนึ่ง ได้ใช้เท้าของตนเกลี่ยฝุ่นให้เรียบบริเวณที่ตนเองยืนอยู่ แล้วก็ยืนอยู่ที่นั้นเป็นที่รื่นรมย์ มีชายคนหนึ่งเห็นสถานที่นี้รื่นรมย์จึงใช้แขนของตนผลักเขาออกไปแล้วก็ยืนในที่นั้นเสีย มฆมานพก็ไม่โกรธไปยืนสถานที่ใหม่ ทำสถานที่ใหม่ให้รื่นรมย์อีก มีบุรุษอีกคนหนึ่งได้ใช้แขนผลักเขาให้ออกไปจากที่นั้น แล้วตนเองก็เข้าไปยืนแทนเสีย เขาไม่โกรธและไปทำอื่นให้รื่นรมย์อีก มีคนอื่นๆ มาผลักเขาให้ออกไปจากที่นั้นอีกแล้วก็ยืนเสีย มีชายเป็นอันมากที่ได้ทำอย่างนี้ ฝ่ายมฆมานพก็ดำริว่า เราได้ทำสถานที่ให้รื่นรมย์เป็นที่น่ายืนอยู่สำหรับคนทั้งหลาย พวกเขาได้รับความสุขกรรมนี้พึงเป็นกรรมให้ความสุขแก่เรา เพราะฉะนั้น ในวันรุ่งขึ้นเขาจึงได้ถือจอบไปทำที่ให้สะอาดปวงชนได้พักอยู่ที่นั้น
ครั้นถึงฤดูหนาว เขาได้ก่อกองไฟให้คนเหลานั้น ในฤดูร้อนเขาได้ให้น้ำ ต่อมาเขาคิดว่า รมณียสถานเป็นที่รักของคนทั้งป่วงจะไม่เป็นที่ไม่ชอบไม่พอใจใครๆ ไม่มี ดั้งนั้น ในวันรุ่งขึ้นเขาจึงจากบ้านแต่เช้าตรู่ทำหนทางให้ราบเรียบ เที่ยวรานกิ่งไม้ที่ควรราน เมื่อเขาทำทางอยู่อย่างนี้ ต่อมา มีบุรุษคนหนึ่งมาถามเขาว่าท่านทำทางไปไหน เขาก็บอกว่าทำทางไปสวรรค์ ชายคนนั้นก็ชอบใจและพูดว่า ฉันจะเป็นเพื่อนของท่านจะทำทางไปสวรรค์บ้าง เขาพูดว่ามาเถิด มาช่วยทำทางไปสวรรค์กัน ธรรมดาว่าสวรรค์ ย่อมเป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก ชายคนนั้นก็ใช้จอบใช้มีดไปถางที่ ตัดต้นไม้กิ่งไม้ที่ขว้างทางอยู่ปรับให้ราบเรียบสำหรับคนเดินทางไปมา ต่อมา มีชายอีกคนหนึ่งเห็นชายทั้งสองคนนี้ทำทางให้ราบเรียบอยู่ จึงเข้ามาถามว่าท่านทำอะไร ก็ได้รับคำตอบว่า ทำทางไปสวรรค์ เขาจึงบอกว่าเขาเองจะเป็นพรรคพวกร่วมทำทางไปสวรรค์ด้วย ในที่สุดก็ได้บุคคลที่เห็นด้วยในการทำถนนหนทางให้สะอาดรวมเป็นทั้งหมด ๓๓ คนพวกเขาสร้างถนนได้ระยะไกลถึง ๑ โยชน์ ๒ โยชน์ (โยชน์หนึ่งเท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร)
วันหนึ่ง นายบ้านแห่งหมู่บ้านอจลคามนั้นได้ทราบว่า คนเหล่านี้ไปทำทางอยู่ จึงเรียกตัวมาถามว่า พวกท่านเที่ยวทำอะไรอยู่ ก็ได้รับคำตอบว่า พวกเขากำลังทำทางให้สะอาดสำหรับคนทั้งหลาย เพื่อสร้างทางไปสวรรค์ นายบ้านก็มาคิดว่า คนเหล่านี้ไปทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์สำหรับตนถ้าหากว่าเขาเข้าป่าไปหาปลาหาเนื้อมา หรือต้มเหล้ามาดื่มกันหรือทำงานอย่างอื่นจะเป็นประโยชน์ดีกว่า เราเองพึงมีส่วนอะไรๆ บ้าง จึงพูดกับคนเหล่าว่า พวกท่านไปทำทางอยู่อย่างนั้นจะได้ประโยชน์อะไร พวกท่านมาช่วยทำงานอย่างอื่นดีกว่า คือ เข้าไปในป่าหาปลาหาเนื้อ หรือไม่ก็ต้มเหล้ามากินกัน หรือทำงานอย่างอื่นดีกว่า ชายทั้ง ๓๓ คนนั้นก็พูดว่า เราไม่เห็นด้วย แม้จะถูกนายบ้านพูดซ้ำๆ ก็คัดค้านอยู่ร่ำไป นายบ้านไม่พอใจจึงคิดว่า เราจะให้พวกมันชิบหายจึงไปกราบทูลพระราชาว่า ได้มีบุรุษ ๓๓ คนคุมกันเป็นพวกโจรเที่ยวไปอยู่ พระราชาไม่ทรงไต่สวนละเอียด จึงรับสั่งให้นายบ้านจับคนเหล่านั้นมาลงโทษ นายบ้านก็ไปจับคนเหล่านั้นทั้ง ๓๓ คนแล้วได้กราบทูลพระราชาพระราชายังไม่ได้ทรงพิจารณาก่อน ทรงลงโทษทีเดียว คือ ทรงรับสั่งว่าพวกท่านจงให้ช้างเหยียบพวกมันให้ตายหมดทั้ง ๓๓ คน จึงทรงรับสั่งให้จับคนเหล่านั้นให้นอนลงกับพื้นแล้วให้ช้างเหยียบ
มฆมานพนั้นได้เตือนเพื่อนๆ ของตนทั้ง ๓๒ คนว่า ที่พึงอย่างอื่นของเราไม่มีในขณะนี้ นอกจากเมตตาจิตเท่านั้น ท่านทั้งหลายจงแผ่เมตตาจิตให้เสมอ อย่าโกรธผู้ใด ทั้งในพระราชา ทั้งนายบ้านทั้งในช้างที่เหยียบ ทั้งในตนเอง ช้างนั้นก็ไม่เหยียบด้วยอำนาจเมตตาจิตของคนเหล่านั้น ราชบุรุษจึงกราบทูลพระราชา พระราชาจึงรับสั่งการที่ช้างไม่กล้าเหยียบ เพราะเห็นคนมาก เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเอาเสื่อลำแพนปิดคนเหล่านี้เสีย คือให้นอนลงแล้วเอาเสื่อลำแพนปิดแล้วให้ช้างเหยียบ เมื่อช้างมาถึงจุดนั้นก็ไม่กล้าเหยียบ ถอยกลับเสียอีก
พระราชาทรงรับทราบเรื่องนี้จึงทรงดำริเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้ต้องมีเหตุ จึงรับสั่งให้มฆมานพพร้อมด้วยเพื่อนอีก ๓๒ คนนั้นเข้าเฝ้า ได้ตรัสถามว่า ท่านทั้งหลายอยู่ในแคว้นนี้ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเราหรือบุรุษทั้ง ๓๓คนนั้นก็ทูลว่า ใครพูดอย่างนี้พระเจ้าข้าพระราชตรัสว่านายบ้านพูดอย่างนี้ บุรุษทั้ง ๓๓ คนนั้นทูลว่า ข้าพระองค์มิได้เป็นโจร หากแต่พวกข้าพระองค์สร้างทางตัดทางให้เรียบราบ เพื่อคนทั้งหลายได้เดินนำได้สะดวกเพื่อสร้างทางสู่สวรรค์ แต่นายบ้านต้องการให้ข้าพระองค์หาเนื้อหาปลา ต้มเหล้ามาสำหรับตัวเอง เมื่อข้าพระองค์ไม่ยอมร่วมมือด้วยก็สั่งให้จับมาลงโทษอย่างนี้
พระราชทรงปลื้มพระหฤทัยจึงตรัสว่า ช้างแม้เป็นสัตว์เดรัจฉานยังรู้คุณคนเหล่านี้ได้ เราเป็นมนุษย์จะไม่รู้คุณได้อย่างไร เพราะฉะนั้นพระองค์จึงทรงขอโทษต่อคนทั้ง ๓๓ คนเหล่านั้น แล้วรับสั่งให้นายบ้านพร้อมด้วยบุตรและภรรยามาเป็นทาสรับใช้คนทั้ง ๓๓ คนนั้น พร้อมทั้งช้างตัวนั้นก็มอบให้เป็นสิทธิ์ของคนทั้ง ๓๓ คน และทรงพระราชทานหมู่บ้านนั้น ให้เป็นหมู่บ้านเก็บส่วยสำหรับคนทั้ง ๓๓ คนนั้น มฆมานพพร้อมด้วยเพื่อนทั้ง ๓๓ คนนั้นก็มาปรารภกันว่า ผลของความดีที่เราทำนี้ ได้ผลในชาตินี้เอง ต่างก็ปลื้มใจมากผลัดกันขึ้นช้างนั้น และได้ปรึกษากันว่า เราจงทำบุญให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เราควรจะทำอะไรดี จงตกลงกันว่า เราควรสร้างศาลาสำหรับพักคนเดินทาง
ในหนทาง ๔ แพร่ง จึงไปจ้างนายช่างมาทำศาลาเพราะตัวเองในขณะนั้นก็เป็นใหญ่ขึ้นแล้ว ถือว่าเป็นใหญ่ในหมู่บ้านนั้นแล้ว ก็มีทรัพย์สมบัติพอจะสร้างสาธารณประโยชน์ได้มากขึ้น แต่ว่าในการสร้างศาลานั้น คนทั้ง ๓๓ คนนั้นไม่ต้องการให้สตรีมีส่วนร่วมในการทำบุญครั้งนี้ อยากทำบุญแต่พวกเขาเพราะฉะนั้นเมื่อสร้างศาลาก็ไม่อยากให้สตรีคนใดคนหนึ่งเข้ามาร่วมในการทำศาลาของตน มฆมานพนั้นมีภรรยาถึง ๔ คน ในภรรยาทั้ง ๔ คนนั้นคนหนึ่งชื่อ สุธรรมา คนที่สองชื่อ สุนันทา คนที่สามชื่อ สุจิตรา คนที่สี่ชื่อ สุชาดา
นางสุธรรมาคิดว่าเราอยากจะส่วนร่วมในการสร้างศาลาหลังนี้ด้วย จึงคบกับนายช่างที่จะสร้างศาลานั้นโดยบอกว่า ฉันจะมีส่วนในการสร้างศาลาหลังด้วย จึงให้ค่าจ้างแก่นายช่าง โดยบอกว่าอยากให้มีชื่อของตนติดอยู่ที่ศาลานี้ นายช่างก็รับว่าได้ จึงสั่งไม้มาทำช่อฟ้าแล้วก็สลักชื่อว่า ศาลาสุธรรมา แล้วก็เอาสิ่งของห่อปิดเก็บไว้ในบ้านของนางสุธรรมานั้นเอง เมื่อเขาสร้างศาลาจะเสร็จแล้ว จึงไปบอกแก่บุคคลทั้ง ๓๓ คนนั้นว่า ศาลาจะเสร็จแล้ว แต่ยังขาดอยู่อย่างเดียวคือช่อฟ้า บุรุษทั้ง ๓๓ คนนั้นก็บอกว่าจักนำช่อฟ้ามาเอง นายช่างก็บอกว่าไม่ทันแล้ว เพราะช่อฟ้าต้องใช้ไม้ที่แห้งเพราะถ้าใช้ไม้ที่สดจากป่าจะไม่ทัน เพราะฉะนั้นให้ท่านไปหาซื้อจากบ้านของใครก็ได้ที่เขาทำช่อฟ้าเสร็จไว้แล้ว เพราะนายช่างได้ปรึกษากับนางสุธรรมาไว้แล้ว บุรุษทั้ง ๓๓ คนนั้นก็ไปเที่ยวหาช่อฟ้าว่าบ้านใครมีบ้าง ก็ไปพบในบ้านของ
นางสุธรรมาจึงขอซื้อด้วยทรัพย์พันหนึ่ง นางสุธรรมาก็บอกว่าไม่ขายแต่จะให้เปล่าๆ แต่ขอให้ได้มีส่วนบุญด้วย บุรุษทั้ง ๓๓ คนนั้นก็ไม่ยอม บอกว่าไม่อยากจะให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมด้วย (เพราะเมื่อถูกจับในข้อหาเป็นโจรพวกผู้หญิงแม้สักคนจะเอาใจช่วยก็ไม่มีเลย) ฝ่ายนายช่างก็พูดคัดค้านขึ้นว่าไม่ได้หรอก เว้นแต่พรหมโลกเท่านั้นที่จะไม่มีสตรีอยู่ (พรหมเป็นอลิงค์ คือ ไม่ใช่หญิงไม่ใช่ชาย)นอกนั้นก็มีสตรีอยู่ทั้งสิ้น พวกท่านจงรับเอาช่อฟ้ามาเถิด ชายทั้ง ๓๓ คนนั้นไม่อาจจะได้ช่อฟ้ามาจากไหนก็ต้องยอมรับช่อฟ้ามาจากบ้านของนางสุธรรมา มาเป็นช่อฟ้าที่ศาลาของตน
ศาลานั้นเมื่อสร้างเสร็จ คนมาอ่านดูก็เห็นว่า ศาลาสุธรรมา ตกลงว่านางสุธรรมาเหมือนกับเป็นผู้สร้างเสียเองทั้งหมด เพราะศาลาหลังนั้นชื่อว่าสุธรรมา ชายทั้ง ๓๓ คนนั้นเมื่อจะไปลากไม้ไปทำงานอะไรก็ใช้ช้างตัวนั้น นอกจากนี้แล้วช้างนั้นก็เป็นพาหนะสำหรับคนทั้ง ๓๓ คนนั้นซึ่งผลัดกันขี่ คือช้างที่พระราชารับสั่งให้เหยียบคนเหล่านี้แต่ไม่เหยียบช้างนั้นก็ตกมาเป็นพาหนะของคนทั้ง ๓๓ คนนั้น เมื่อพวกเขาสร้างศาลานั้นเสร็จก็แบ่งออกเป็น๓ส่วน ส่วนหนึ่งสำหรับพวกอิสรชนคือคนใหญ่คนโตมาพัก ส่วนที่ ๒ สำหรับคนยากจน ส่วนที่ ๓ สำหรับคนป่วยไข้ ในศาลานั้นมีกระดานแผ่นใหญ่ปูเป็นพื้นศาลาอยู่ ๓๓ แผ่น โดยพวกเขาปรึกษาตกลงกันว่า ถ้าคนเดินทางมาพักโดยมานั่งบนแผ่นไม้กระดานของใคร ให้เจ้าของแผ่นกระดานนั้นรับภาระเลี้ยงดูคนที่มาพักนั้นโดยให้ช้างเป็นผู้นำไปบ้านของคนนั้น
ช้างนั้นเห็นแล้วจึงจำได้ว่าแผ่นกระดานนี้เป็นของใคร เมื่อมีคนมาพักแล้วช้างก็พาคนพักนั้นไปรับประทานอาหาร อาบน้ำ ที่บ้านบุรุษทั้ง ๓๓ คนเฉพาะคนหนึ่งๆ ซึ่งเป็นเจ้าของแผ่นกระดานทุกครั้ง บุรุษเหล่านั้นก็รับรองเป็นอย่างดี เพราะต้องการจะสร้างบุญกุศลเพื่อไปสวรรค์ของตน ณ บริเวณใกล้ๆ ศาลานั้นมฆมานพได้นำต้นทองหลางต้นหนึ่งมาปลูกไว้ และภายใต้ต้นทองหลางนั้นได้นำแผ่นหินแผ่นใหญ่มาว่างไว้สำหรับนั่ง คนมานั่งที่แผ่นหินใต้ต้นทองหลาง มองดูไปที่ศาลาก็เห็นชื่อว่าศาลาสุธรรมา ฝ่ายหญิงอีกสองคนก็คิดว่า พวกเรายังไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำบุญครั้งนี้เลย นางสุธรรมานั้นฉลาด นางจึงได้มีส่วนในการสร้างศาลานี้ แม้เราจะต้องมีส่วนร่วมในการทำบุญกับชายเหล่านั้นด้วย
ดังนั้น นางสุนันทาจึงคิดว่า เราควรจะสร้างสระน้ำเป็นสระโบกขณี เพราะว่าคนมาแล้วจะได้อาบน้ำ จะได้ดื่มน้ำเย็นๆ แล้วข้นไปพักบนศาลาเพราะฉะนั้นนางจึงสร้างสระโบกขรณี ฝ่ายนางสุจิตราก็คิดว่า นางสุธรรมาก็ร่วมสร้างศาลามีช่อฟ้าแล้วนางสุนันทาก็สร้างสระโบกขรณีแล้ว เราควรจะสร้างอะไรดี ก็คิดว่าเราสร้างสวนดอกไม้จะดีกว่า เพราะว่า เมื่อคนมาพักที่ศาลาอายน้ำดื้มน้ำแล้วก็จะได้เก็บดอกไม้ได้ชมสวนดอกไม้ดังนั้น นางจึงสร้างสวนดอกไม้ สวนดอกไม้นั้นในภายหลังจึงเป็นสวนจิตรลดา และศาลาของนางสุธรรมานั้นก็เป็นธรรมสภาที่ยิ่งใหญ่ในสวรรค์ดาวดึงส์ สระโบกขรณีของสุนันทาก็เป้นสระสวรรค์ที่น่าชมอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เช่นกัน
มฆมานพพร้อมเพื่อนทั้ง ๓๒ นั้นได้ทำบุญต่างๆ โดยเฉพาะได้ประพฤติวัตบท คือเลี้ยงมารดาบิดา ถ่อมตนต่อหน้าผู้ใหญ่ พูดอ่อนหวาน ไม่ส่อเสียด ไม่ตระหนี่ มีวาจาสัตย์ และข่มความโกรธตลอดชีวิต คือประพฤติธรรมทั้ง ๗ อย่างนี้อยู่ตลอดชีวิต
ในที่สุด บุรุษทั้ง ๓๓ คนนั้นเมื่อตายแล้วก็ไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มฆมานพได้เป็นท้าวสักกเทวราช เมื่อเขาไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้น ตำนานกล่าวว่า บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้นมีพวกอสูรอาศัยอยู่ก่อน เมื่อเทวดารุ่นใหม่เกิดขึ้นพวกอสูรก็ต้อนรับ ในที่นี้กล่าวไว้ทำนองเหมือนนิยาย เพราะเกิดสงครามระหว่างอสูรกับท้าวสักกะ อาจจะเป็นได้ว่าเรื่องนี้นำมาจากศาสนาฮินดูแล้วมาเพิ่มเติมเข้า เพราะลักษณะเหมือนกับประวัติศาสตร์โบราณของอินเดีย แต่ในที่นี้ อยากจะพูดถึงตอนเมื่อท้าวสักกะพร้อมด้วยบริวารบังเกิดในที่นั้นแล้ว
 |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:49 pm |
  |

|
คณะผ้าจากกรุงเทพฯ มาทอดถวายสมทบทุนในการก่อสร้างเมื่อวันที่ ๓๑ ธ.ค ๒๕๔๘ ที่ผ่านมา หนึ่งแสนหกหมื่นสามพันสี่สิบเก้าบาทถ้วน และโยมโมฆบุรุษนำมาถวายหนึ่งแสนบาทถ้วน ทางคณะกรรมการได้จัดการซื้อวัสดุมาใช้ในพิธียกเสาเอก/โท แปดหมื่นสี่พันห้าสิบบาทถ้วน จึงขอนำมาให้ทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาบุญสาธุ
วันนี้ได้นำปัจจัยไปชำระค่าวัสดุอีกครั้งเป็นงวดที่สองที่ร้านมิตรไทยวัสดุ เป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนสองพันหกสิบเจ็ดบาทถ้วน (วันที่ 22 ม.ค 49 ) การก่อสร้างยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อาตมาภาพขออนุโมทนาโยมโมฆบุรุษและคณะเป็นอย่างยิ่ง ที่มีกุศลเจตนาได้ช่วยเหลือทางสำนักๆ คงจะไม่หยุดก่อสร้าง ถึงแม้ทุนการก่อสร้างจะเหลือน้อยก็ตาม (ทางร้านวัสดุให้ติดได้และจ่ายเรื่อยๆ เป็นงวดๆ ไป
เพราะโยมทุกท่านได้ร่วมกันสร้างสมเด็จองค์ปฐมแล้วให้ทางสำนักๆ ก็จะพยายามสร้างศาลาปฏิบัติธรรมปกคลุมองค์ท่านให้ได้เต็มที่ (ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาบารมีหลวงพ่อเมตตาสัมปฏิจฉามิ)
ชาวบ้านหลายท่านตอนกลางวันก็มาช่วยทำงานก่อสร้าง ตกกลางคืนก็พากันมาสวดมนต์ขอพรจากสมเด็จองค์ท่านกันทุกคืน เขาว่าขอให้องค์ท่านช่วยดลจิตผู้มีบุญมีกุศล มาช่วยเหลือด้านกำลังทรัพย์ ทุกวันนี้อาตมาภูมิใจมากที่ในชีวิตได้มีโอกาสช่วยพระพุทธศาสนา จากที่เคยหลงผิดเดินทางผิดมาครึ่งชีวิต ทางสำนักถ้าหากไม่ได้ทุกท่านมาช่วยเหลือคงไม่ได้ขนาดนี้แน่นอน และในการก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรมก็ยังหวังว่าจะได้พบและได้รับศรัทธาจากโยมมาช่วยเหลือกันอีกครั้งคนละเล็กละน้อยเท่ากำลังความสามารถของแต่ท่าน
ขออนุโมทนาบุญเจริญพร
พระสุพิน อัตตสันโต
ประธานสงฆ์เทียบศิลาราม/ประธานดำเนินการก่อสร้าง |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:51 pm |
  |
ช่างกำลังช่วยกันเทคานคอดิน เพื่อจะขึ้นเสา
ขอนำภาพการก่อสร้างในบางส่วนมาให้ชม และร่วมอนุโมทนา  |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2006, 10:58 pm |
  |
ขออนุญาตนำภาพกุฏีที่โยมศุลีพร ตั้งตรงจิต สร้างถวายเพื่อให้ทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาสาธุ
 |
|
|
|
|
 |
muncharin
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 10 ก.พ. 2006
ตอบ: 2
|
ตอบเมื่อ:
10 ก.พ.2006, 2:16 pm |
  |
ิฉันต้องการร่วมทำบุญสร้างศาลา สามารถร่วมบริจาค ขอทราบเป็นเลขบัญชีธนาคาร |
|
|
|
  |
 |
มาริษา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 ก.พ.2006, 11:03 am |
  |
กราบนมัสการ พระอาจารย์สุพิน อัตตสันโต วันนี้ดิฉันได้โอนเงินเข้าเพื่อร่วมสร้างศาลาปฏิบัติธรรม โดยผ่านธนาคารธนาคารกรุงไทย สาขาขุนหาญ
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 326-0-00987-6
ชื่อบัญชี พระสุพิน อัตตสันโต
เป็นจำนวนเงินห้าพันบาทเจ้าค่ะ  |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
19 ก.พ.2006, 8:16 am |
  |
กุฏีแม่ศรีนวลสร้างถวายไว้ในพระพุทธศาสนาเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 48
งบประมาณทั้งสิ้น 170,000 บาท
ขอนำมาให้ทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาบุญสาธุ
 |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
19 ก.พ.2006, 8:19 am |
  |
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.พ.2006, 9:43 am |
  |
ศาลาหลังปัจจุบันซึ่งความจุไม่เพียงเวลาจัดอบรมปฏิบัติธรรม
ทางสำนักจึงประสงค์ที่จะสร้างขึ้นใหม่แทนหลังเดิม และเพิ่มความจุ
จึงได้บอกบุญมายังทุกท่านร่วมเป็นเจ้าภาพ เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างครั้งนี้
ทางสำนักตอนนี้อยู่ในช่วงการก่อสร้างทำไปเรื่อยๆ จนแล้วเสร็จแม้ทุนมีน้อย
ก็ตาม ก็ขออนุโมทนากับทางร้านวัสดุที่กรุณาให้ทางสำนักนำวัสดุมาใช้ก่อน
ค่อยชำระไปเรื่อยๆ ตอนนี้ทางสำนักก็เลยมีหนี้อยู่ประมาณ 50,000 - 70,000 บาท
จึงขอแจ้งให้ทุกท่านได้รับทราบอีกครั้ง
ขอเจริญธรรมสาธุ
พระสุพิน อัตตสันโต
ประธานดำเนินการก่อสร้าง
 |
|
|
|
|
 |
อัตตสันโต ภิกขุ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.พ.2006, 2:54 pm |
  |
|
|
 |
|