Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ กับบทเรียนธรรมะจากแม่สู่ลูก อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2007, 11:43 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ กับบทเรียนธรรมะจากแม่สู่ลูก

หลายสิบปีในวงการบันเทิง เชื่อแน่ว่าคงไม่มีใครไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ‘แอน’ สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ดาราสาวมากความสามารถที่ยังคงเป็นดาวสุกสกาวอยู่ในวงการมายามาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี นอกจากนี้ความสวยอันเป็นภาพลักษณ์ของเธอยังสามารถต่อยอดเป็นธุรกิจความสวยความงามภายใต้ชื่อ ‘สิเรียม บิวตี้แคร์’

เช่นนั้นในวันนี้นอกจากงานในแวดวงบันเทิงแล้ว เธอยังกลายเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ ทั้งในชีวิตส่วนตัว การงาน และครอบครัวอย่างลงตัวทีเดียว

จริงๆ แล้วความสุขทางกายหาใช่สิ่งที่เธอต้องการมาครอบครองเพียงเท่านั้น ทว่าความสุขทางใจต่างหากเป็นสิ่งที่เธอเร่งไขว่คว้ามาสู่เส้นทางชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความสงบสุขได้อย่างจีรังยั่งยืน

ย้อนกลับไปกว่า 10 ปี หลังจากคลอดลูกสาว (น้องนนนี่) ได้ไม่นาน เมื่อมีเวลาว่างคุณแม่ยังสาวก็จะนำหนังสือธรรมะซึ่งเพื่อนรุ่นพี่เคยแนะนำมาลองอ่าน ทั้งยังได้มีโอกาสไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานในเวลาต่อมา และนับแต่บัดนั้นการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ จึงถูกซึมแทรกเข้าสู่วิถีชีวิตของเธอไปโดยปริยาย

นอกจากนี้ยังถ่ายทอดสิ่งดีๆ ที่ได้จากการปฏิบัติธรรมด้วยตัวเอง บ่มเพาะให้กับน้องนนนี่ ลูกสาวที่กำลังก้าวสู่วัยรุ่นในวัย 12 ปี ซึ่งซึมซับในสิ่งที่คุณแม่ปลูกฝัง แถมยังนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตได้อย่างแนบเนียนด้วย

“ทุกวันนี้ชีวิตประจำวันก็ปฏิบัติตามหน้าที่ของพุทธมามกะที่ดี เริ่มต้นตั้งแต่ตื่นเช้าก็จะสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย ต่อด้วยการนั่งสมาธิประมาณ 15-20 นาทีเป็นอย่างน้อย หลังจากนั้นก็ไปใส่บาตร และสมาทานศีลให้ตัวเอง

ในหนึ่งปีถ้ามีโอกาสก็จะไปนั่งวิปัสสนากรรมฐาน 1-2 ครั้ง แล้วก็หมั่นฟังธรรม ศึกษาพระธรรม ถ้ามีโอกาสก็อยากไปเรียนอภิธรรม อยากอ่านพระไตรปิฎกให้เข้าใจ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของตัวเอง ตอนนี้ก็กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นศึกษาพระไตรปิฎกด้วยตัวเอง

ที่สำคัญการที่เราพยายามทำความดีเพื่อให้เกิดคุณค่ากับตัวเองนั้น ถ้าเราทำได้ก็เหมือนเป็นการสวนกระแส ให้ต้านกับกิเลสตัวเอง ซึ่งต้องฝึกฝนเป็นประจำ เพราะไม่มีอะไรที่เราได้มาง่ายๆ ถ้าคิดว่าอยากแตกต่างจากคนอื่นๆ ก็จะต้องทำตัวเองให้ดีมีคุณภาพด้วย” สิเรียมเริ่มต้นเล่า

หลังจากที่ได้ศึกษาพระธรรมอย่างจริงจัง เธอบอกว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ของเธอ ไม่ว่าจะเป็นการมีสติยับยั้งชั่งใจมากขึ้น รวมถึงได้สภาพของจิตที่สามารถยอมรับความเป็นไปที่เกิดขึ้นในชีวิต ได้ง่ายขึ้น

เช่นนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตัวเราจะเหมือนถูกฝึกให้มีจิตใจที่สามารถตั้งรับได้ทั้งเรื่องดีและร้าย หรือไม่ว่าจะสุข ทุกข์ ถือเป็นสิ่งที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาหาตัวเราเสมอ ซึ่งเมื่อคิดได้เช่นนี้ยังส่งผลให้การตัดสินใจทำการใดๆ มีความผิดพลาดน้อยลง เรียกว่า ‘ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท’ นั่นเอง

อีกสิ่งสำคัญซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน คือ เกิดความรู้สึกว่าให้อภัยคนไม่ยาก และเป็นการให้อภัยที่ออกมาจากความรู้สึกจากใจจริงๆ ไม่มีการติดอกติดใจ และพร้อมยินดีที่จะให้อภัยคนอื่น เพราะข้อดีของการที่เราสามารถอภัยคนอื่นได้บ่อยๆ เปรียบเสมือนได้เอาขยะ หรือสิ่งที่ไม่ดีออกจากจิตใจของเราได้

“สมัยก่อนเวลาอ่านหนังสือพิมพ์โดนเขียนวิพากษ์วิจารณ์มากๆ ใจมันร้อน แล้วก็โกรธขึ้นมาทันที ในใจก็ได้แต่คิดว่า ทำไมเขียนว่าเราแบบนี้ เขามีสิทธิ์อะไรมาเขียนว่าเรา แต่พอได้ปฏิบัติธรรม อย่างตอนที่เลิกกับคุณบิลลี่ โดนเขียนข่าวมากมายเต็มไปหมด ก็มีบ้างที่รู้สึกโกรธ แต่ทำใจได้ไหวขึ้น แล้วก็คิดว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่โดนเขียนถึงไม่ดีแบบนี้ อย่าไปคิดอะไรมาก เรื่องนิดเดียว ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป”

ดาราสาวบอกเล่าการนำธรรมะมาประยุกต์ใช้ในชีวิต

เมื่อซาบซึ้งถึงข้อดีอันมากมายของการมีธรรมะควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิตแล้ว ไม่เพียงปฏิบัติเป็นกุศลแก่ตนเองเท่านั้น ยังเผื่อแผ่และถ่ายทอดความดีงามไปสู่ลูกสาวคนเดียวด้วย

“อย่างน้องนนนี่ นอกจากจะสอนแล้ว น้องยังได้ซึมซับจากสิ่งที่เห็นแม่ปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นแบบอย่างให้เขาเห็นไปในตัว เพราะถ้าเรามัวแต่บอกให้ลูกทำอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่ตัวเองไม่เคยทำให้ลูกเห็น ก็อาจจะถูกลูกย้อนถามกลับมาก็ได้

ที่สำคัญต้องให้เหตุผลกับลูกว่าทำไมถึงต้องทำ และชี้ให้เห็นถึงข้อดีและข้อเสียในสิ่งที่เราต้องการให้เขาทำ อยากให้ลูกได้ลองแยกแยะความดีกับความชั่ว โดยให้ตัวเขาเป็นคนเลือกเองว่าอยากได้แบบไหน

ส่วนเรื่องการปฏิบัติธรรม เข้าวัด ทำบุญ เมื่อเรามีโอกาสฝึกเขาบ่อยๆ เขาก็จะเกิดความเคยชินกับการเข้าวัด การสมาทานศีล การสวดมนต์ และถ้ามีโอกาสก็ลองชักชวนให้เขาไปร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับพุทธศาสนาตามความสมัครใจ

ปิดเทอมที่ผ่านมาน้องนนนี่ก็ไปเข้าคอร์สอบรมเด็กของยุวพุทธิกสมาคม ปีนี้เขาได้เข้าคอร์สอบรมธรรมะถึง 2 ครั้งแล้ว ส่วนใหญ่เน้นเป็นกิจกรรมเชิงปฏิบัติ เพื่อที่เขาจะได้มีสังคมกับกลุ่มเพื่อนใหม่ๆ ด้วย” คุณแม่ยังสาวบอกเทคนิคการเลี้ยงลูก

เธอบอกว่า การสอดแทรกธรรมะให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกสาว ยังเสมือนเป็นการฉีดวัคซีนป้องกันภัยให้แก่ลูก ด้วยหวังว่าเมื่อวันหนึ่งหากมีช่วงเวลาอันเป็นทุกข์ผ่านเข้ามาในชีวิต จิตใจที่ถูกฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเยาว์วัยจะสามารถช่วยให้ผ่านพ้นเรื่องราวเลวร้ายไปด้วยดี

“ทรัพย์ภายนอกสามารถหาได้อยู่เรื่อยๆ แต่อริยทรัพย์ภายในใครก็มาแย่งไปไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่อยู่กับตัวเรา เสมือนเป็นสิ่งที่คอยหนุนนำเราให้ไปถึงฝั่ง ถ้าเราสะสมอริยทรัพย์ไว้กับตัวเราได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเป็นการดี เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์เพื่อสร้างกุศลอีกหรือเปล่า ดังนั้นเมื่อมีโอกาสก็ต้องเก็บเกี่ยวเอาไว้ให้ได้มากที่สุด” คุณแม่ยังสาวบอกสิ่งที่ได้จากการศึกษาพระธรรม

ก่อนปิดฉากการสนทนา ดาราสาวยังฝากข้อคิดทิ้งท้ายว่า ที่สุดแล้วการได้ค้นพบความรู้สึกเป็นสุขในบทบาทของผู้ให้ ถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจอย่างล้นเหลือ ซึ่งการให้ในที่นี้มิได้จำเพาะเพียงแค่การให้เงินทองเท่านั้น...

หากยังรวมถึงการให้ความรัก ความรู้สึกที่ดี และความปรารถนาดีต่อคนอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นการให้ที่ไม่คาดหวังสิ่งตอบแทนที่จะได้รับกลับมา ถือเป็นความสุขทางใจอันบริสุทธิ์ อันเป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลายสามารถค้นพบได้หากมีพระธรรมนำอยู่ในใจเสมอ


จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 79 มิ.ย. 50 โดย นันทยา
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 มิถุนายน 2550 13:30 น.
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง