|
|
|
 |
ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
สงสัย
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 มิ.ย.2006, 1:29 pm |
  |
คำว่าพระมหากรุณาธิคุณที่เป็นคุณของพระพุทธเจ้านั้น มาจากสิ่งใดกันหนอ...........ทำไมบุคคลอื่นจึงมีคุณนี้ไม่ได้ |
|
|
|
|
 |
303
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 มิ.ย.2006, 1:53 pm |
  |
|
|
 |
สงสัย
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 มิ.ย.2006, 3:45 pm |
  |
ทำไมบทสวดมนต์ไม่มี พระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า? |
|
|
|
|
 |
303
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 มิ.ย.2006, 4:27 pm |
  |
บทสวดมนต์ โดยส่วนมากเป็นคำสอนของพระองค์ท่าน ซึ่งพระองค์ตรัสรู้โดยชอบด้วยพระองค์เอง และนำมาสอนสั่งแก่เวไนยสัตว์ พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาถึงธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้มา ทรงเห็นว่า เป็นธรรมที่มีความหมายสุขุมละเอียด ก็ทรงบังเกิดความท้อพระทัยว่า จะมีใครสักกี่คนที่จะฟัง ธรรมของพระองค์รู้เรื่อง พระทัยหนึ่งจึงเกิดความมักน้อยว่าจะไม่แสดงธรรมเพื่อโปรดใครเลยถึงพระพุทธเจ้าจะทรงท้อพระทัยว่าจะไม่แสดงธรรม แต่อีกพระทัยหนึ่งซึ่งมีอำนาจเหนือกว่า คือพระมหากรุณา และพระมหากรุณานี่เองที่เป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าตัดสินพระทัยว่า จะทรงแสดงธรรม หลังจากตัดสินพระทัยแล้ว จึงทรงพิจารณาดูอัธยาศัยของของคนในโลก แล้วทรงเห็นความแตกต่างแห่งระดับสติปัญญาของคนถึง ๔ ระดับ หรือ ๔ จำพวก |
|
|
|
|
 |
สงสัย
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 มิ.ย.2006, 8:35 pm |
  |
แล้วอะไรเล่าที่เป็นเครื่องหมายแห่ง "มหากรุณา" |
|
|
|
|
 |
303
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มิ.ย.2006, 8:03 am |
  |
มหากรุณา คือ ความปราณีความเมตตาต่อสรรพสัตว์(หมายรวมมนุษย์) ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง สงสารสัตว์ผู้ยากลำบากทั้งหลาย เฝ้าตามช่วยแนะเพื่อความสุขของเขา เป็นความยินดีกรุณาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย |
|
|
|
|
 |
แอม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มิ.ย.2006, 8:08 am |
  |
มีสิบท มหากรุโนณาโถ ไง ตอนสวดทำวัตรเช้าวัตรเย็นนะ |
|
|
|
|
 |
แมม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มิ.ย.2006, 8:14 am |
  |
|
|
 |
อา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มิ.ย.2006, 3:41 pm |
  |
1.อินทริยปโรปริยัติญาณ[ญาณในความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ ของสัตว์ทั้งหลาย]
2. อาสยานุสยญาณ[ญาณในฉันทะเป็นที่มานอนและกิเลสอันนอน เนื่องของสัตว์ทั้งหลาย]
3ยมกปาฏิหิรญาณ [ญาณในยมกปาฏิหาริย์]
4 มหากรุณาสมาปัตติญาณ
5สัพพัญญุตญาณ
6 อนาวรณญาณ
ญาณเหล่านี้รวมเป็น ๗๓ ญาณ ในญาณทั้ง ๗๓ นี้ ญาณ ๖๗
[ข้างต้น] ทั่วไปแก่พระสาวก ญาณ ๖ [ในที่สุด] ไม่ทั่วไปด้วยพระสาวก
เป็นญาณเฉพาะพระตถาคตเท่านั้น ฉะนี้แล ฯ
ญาณที่ 4 ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ที่เป็นญาณเฉพาะพระพุทธเจ้า คือเครื่องหมายแหงมหากรุณาธิคุณ |
|
|
|
|
 |
ครับ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
18 มิ.ย.2006, 7:09 pm |
  |
พระสุตตันตปิฎก
เล่ม ๒๓
ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มาติกา
ปัญญาในการทรงจำธรรมที่ได้ฟังมาแล้ว เป็นสุตมยญาณ
[ญาณอันสำเร็จ มาแต่การฟัง] ๑
http://www.tipitaka.com/tipitaka31.htm
 |
|
|
|
|
 |
อา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 มิ.ย.2006, 10:29 pm |
  |
[๒๘๕] มหากรุณาสมาปัตติญาณของพระตถาคตเป็นไฉน ฯ
พระผู้มีพระภาคทั้งหลายผู้ตรัสรู้แล้ว ทรงพิจารณาเห็นอยู่ด้วยอาการ
เป็นอันมาก จึงทรงแผ่พระมหากรุณาไปในหมู่สัตว์ คือพระผู้มีพระภาคทั้งหลาย
ผู้ตรัสรู้แล้ว ทรงเห็นอยู่ว่า โลกสันนิวาสอันไฟติดโชนแล้ว จึงทรงแผ่พระมหา-
กรุณาไปในหมู่สัตว์ พระผู้มีพระภาคผู้ตรัสรู้แล้ว ทรงเห็นอยู่ว่า โลกสันนิวาส
ยกพลแล้ว ... โลกสันนิวาสเคลื่อนพลแล้ว ... โลกสันนิวาสเดินทางผิดแล้ว ...
โลกอันชรานำเข้าไป มิได้ยั่งยืน ... โลกไม่มีที่ต้านทาน ไม่เป็นใหญ่ ... โลกไม่มี
อะไรเป็นของตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวงไป ... โลกพร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม
เป็นทาสแห่งตัณหา ... โลกสันนิวาสไม่มีที่ต้านทาน ... โลกสันนิวาสไม่มีที่เร้น ...
โลกสันนิวาสไม่มีที่พึ่ง ... โลกสันนิวาสไม่เป็นที่พึ่งของใคร ... โลกสันนิวาส
ฟุ้งซ่าน ไม่สงบ ... โลกสันนิวาสมีลูกศร ถูกลูกศรเป็นจำนวนมากเสียบแทงแล้ว
ใครอื่นนอกจากเราผู้จะถอนลูกศรทั้งหลายของโลกสันนิวาสนั้น เป็นไม่มี ... โลก-
สันนิวาสมีความมืดตื้อคืออวิชชาปิดกั้นไว้ ถูกใส่เข้าไปยังกรงกิเลส ใครอื่นนอกจาก
เราซึ่งจะแสดงธรรมเป็นแสงสว่างแก่โลกสันนิวาสนั้น เป็นไม่มี ... โลกสันนิวาส
ตกอยู่ในอำนาจอวิชชา เป็นผู้มืด อันอวิชชาหุ้มห่อไว้ ยุ่งดังเส้นด้าย พันกันเป็น
กลุ่มก้อน นุงนังดังหญ้าปล้อง หญ้ามุงกระต่าย ไม่ล่วงพ้นสงสาร คือ อบาย
ทุคติและวินิบาต ... โลกสันนิวาสถูกอวิชชามีโทษเป็นพิษแทงติดอยู่แล้ว มีกิเลส
เป็นโทษ ... โลกสันนิวาสรกชัฏด้วยราคะโทสะและโมหะ ใครอื่นนอกจากเรา
ผู้จะช่วยสางรกชัฏให้แก่โลกสันนิวาสนั้น เป็นไม่มี ... โลกสันนิวาสถูกกองตัณหา
สวมไว้ ... โลกสันนิวาสถูกข่ายตัณหาครอบไว้ ... โลกสันนิวาสถูกกระแสตัณหา
พัดไป ... โลกสันนิวาสถูกตัณหาเป็นเครื่องคล้องไว้ ... โลกสันนิวาสซ่านไป
เพราะตัณหานุสัย ... โลกสันนิวาสเดือดร้อนด้วยความเดือดร้อนเพราะตัณหา ...
โลกสันนิวาสเร่าร้อนด้วยความเร่าร้อนเพราะตัณหา ... โลกสันนิวาสถูกกองทิฐิ
สวมไว้ ... โลกสันนิวาสถูกข่ายทิฐิครอบไว้ ... โลกสันนิวาสถูกกระแสทิฐิพัดไป
... โลกสันนิวาสถูกทิฐิเป็นเครื่องคล้อง คล้องไว้ ... โลกสันนิวาสซ่านไปเพราะ
ทิฏฐานุสัย ... โลกสันนิวาสเดือดร้อนด้วยความเดือดร้อนเพราะทิฏฐิ ... โลก-
สันนิวาสเร่าร้อนด้วยความเร่าร้อนเพราะทิฏฐิ ... โลกสันนิวาสไปตามชาติ ...
โลกสันนิวาสซมซานไปเพราะชรา ... โลกสันนิวาสถูกพยาธิครอบงำ ...
โลกสันนิวาสถูกมรณะห้ำหั่น ... โลกสันนิวาสตกอยู่ในกองทุกข์ ... โลกสันนิวาส
ถูกตัณหาซัดไป โลกสันนิวาสถูกกำแพงคือชราแวดล้อมไว้ ... โลกสันนิวาส
ถูกบ่วงมัจจุคล้องไว้ ... โลกสันนิวาสถูกผูกไว้ด้วยเครื่องผูกเป็นอันมาก คือ
เครื่องผูกคือราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฐิ กิเลส ทุจริต ใครอื่น
นอกจากเราผู้จะช่วยแก้เครื่องผูกให้แก่โลกสันนิวาสนั้น เป็นไม่มี ... โลก-
สันนิวาสเดินไปตามทางแคบมาก ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยชี้ทางสว่างให้แก่
โลกสันนิวาสนั้น เป็นไม่มี ... โลกสันนิวาสถูกความกังวลเป็นอันมากพัวพันไว้
ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยตัดความกังวลให้แก่โลกสันนิวาสนั้น เป็นไม่มี ...
โลกสันนิวาสตกลงไปในเหวใหญ่ ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยฉุดโลกสันนิวาสนั้น
ให้ขึ้นพ้นจากเหว เป็นไม่มี ... โลกสันนิวาสเดินทางกันดารมาก ใครอื่นนอกจาก
เราผู้จะช่วยให้โลกสันนิวาสนั้นข้ามพ้นทางกันดารได้ เป็นไม่มี ... โลกสันนิวาส |
|
|
|
|
 |
อา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 มิ.ย.2006, 10:31 pm |
  |
เดินทางไปในสังสารวัฏใหญ่ ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยให้โลกสันนิวาสนั้นพ้น
จากสังสารวัฏได้ เป็นไม่มี ... โลกสันนิวาสกลิ้งเกลือกอยู่ในหล่มใหญ่ ใครอื่น
นอกจากเราผู้จะช่วยฉุดโลกสันนิวาสนั้น ให้พ้นจากหล่มได้ เป็นไม่มี ...
โลกสันนิวาสร้อนอยู่บนเครื่องร้อนเป็นอันมากถูกไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ ไฟ
คือโมหะ ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส
ครอบงำไว้ ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยดับไฟเหล่านั้นให้แก่โลกสันนิวาสนั้นได้
เป็นไม่มี ... โลกสันนิวาสทุรนทุราย เดือดร้อนเป็นนิตย์ ไม่มีอะไรต้านทาน
ต้องรับอาชญา ต้องทำตามอาชญา ... โลกสันนิวาสถูกผูกด้วยเครื่องผูกในวัฏฏะ
ปรากฏอยู่ที่ตะแลงแกง ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยโลกสันนิวาสนั้นให้หลุดพ้นได้
เป็นไม่มี ... โลกสันนิวาสไม่มีที่พึ่ง ควรได้รับความกรุณาอย่างยิ่ง ใครอื่นนอกจาก
เราผู้จะช่วยต้านทานให้แก่โลกสันนิวาสนั้น เป็นไม่มี ... โลกสันนิวาสถูกทุกข์
เสียบแทงบีบคั้นมานาน ... โลกสันนิวาสติดใจกระหายอยู่เป็นนิตย์ ... โลก
สันนิวาสเป็นโลกบอด ไม่มีจักษุ ... โลกสันนิวาสมีนัยน์ตาเสื่อมไป ไม่มีผู้นำ
... โลกสันนิวาสแล่นไปสู่ทางผิด หลงทางแล้ว ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยพาโลก
สันนิวาสนั้นมาสู่ทางอริยะ เป็นไม่มี ... โลกสันนิวาสแล่นไปสู่ห้วงโมหะ
ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยฉุดโลกสันนิวาสนั้นให้ขึ้นจากห้วงโมหะ เป็นไม่มี ...
โลกสันนิวาสถูกทิฐิ ๒ อย่างกลุ้มรุม ... โลกสันนิวาสปฏิบัติผิดด้วยทุจริต ๓ อย่าง ...
โลกสันนิวาสเต็มไปด้วยกิเลสเครื่องประกอบ ถูกกิเลสเครื่องประกอบ ๔ อย่าง
ประกอบไว้ ... โลกสันนิวาสถูกกิเลสเครื่องร้อยกรอง ๔ อย่างร้อยไว้ ...
โลกสันนิวาสถือมั่นด้วยอุปาทาน ๔ ... โลกสันนิวาสขึ้นสู่คติ ๕ ... โลกสันนิวาส
กำหนัดอยู่ด้วยกามคุณ ๕ ... โลกสันนิวาสถูกนิวรณ์ ๕ ทับไว้ ... โลกสันนิวาสวิวาท
กันอยู่ด้วยมูลเหตุวิวาท ๖ อย่าง ... โลกสันนิวาสกำหนัดอยู่ด้วยกองตัณหา ๖ ...
โลกสันนิวาสถูกทิฐิ ๖ กลุ้มรุมแล้ว ... โลกสันนิวาสซ่านไปเพราะอนุสัย ๗ ...
โลกสันนิวาสถูกสังโยชน์ ๗ เกี่ยวคล้องไว้ ... โลกสันนิวาสฟูขึ้นเพราะมานะ ๗
... โลกสันนิวาสเวียนอยู่เพราะโลกธรรม ๘ ... โลกสันนิวาสเป็นผู้ดิ่งลงเพราะ
มิจฉัตตะ ๘ ... โลกสันนิวาสประทุษร้ายกันเพราะบุรุษโทษ ๘ ... โลกสันนิวาส
มุ่งร้ายกันเพราะอาฆาตวัตถุ ๙ ... โลกสันนิวาสพองขึ้นเพราะมานะ ๙ อย่าง ...
โลกสันนิวาสกำหนัดอยู่เพราะธรรมอันมีตัณหาเป็นมูล ๙ ... โลกสันนิวาสย่อม
เศร้าหมองเพราะกิเลสวัตถุ ๑๐ ... โลกสันนิวาสมุ่งร้ายกันเพราะอาฆาตวัตถุ ๑๐ ...
โลกสันนิวาสประกอบด้วยอกุศลกรรมบถ ๑๐ ... โลกสันนิวาสถูกสังโยชน์ ๑๐
เกี่ยวคล้องไว้ ... โลกสันนิวาสเป็นผู้ดิ่งลงเพราะมิจฉัตตะ ๑๐ ... โลกสันนิวาส
ประกอบด้วยมิจฉาทิฐิมีวัตถุ ๑๐ ... โลกสันนิวาสประกอบด้วยสักกายทิฐิมีวัตถุ ๑๐
... โลกสันนิวาสต้องเนิ่นช้าเพราะตัณหาเครื่องให้เนิ่นช้า ๑๐๘ พระผู้มีพระภาค
ทั้งหลายผู้ตรัสรู้แล้ว ทรงพิจารณาเห็นว่า โลกสันนิวาสถูกทิฐิ ๖๒ กลุ้มรุม
จึงทรงแผ่พระมหากรุณาไปให้หมู่สัตว์ว่า ส่วนเราเป็นผู้ข้ามได้แล้ว แต่สัตว์โลก
ยังข้ามไม่ได้ ส่วนเราเป็นผู้พ้นไปแล้ว แต่สัตว์โลกยังไม่พ้นไป ส่วนเราทรมาน
ได้แล้ว แต่สัตว์โลกยังทรมานไม่ได้ ส่วนเราสงบแล้ว แต่สัตว์โลกยังไม่สงบ
ส่วนเราเป็นผู้เบาใจแล้ว แต่สัตว์โลกยังไม่เบาใจ ส่วนเราเป็นผู้ดับรอบแล้ว
แต่สัตว์โลกยังไม่ดับรอบ ก็เราเป็นผู้ข้ามได้แล้ว จะช่วยให้สัตว์โลกข้ามได้ด้วย
เราเป็นผู้พ้นไปแล้ว จะช่วยให้สัตว์โลกพ้นไปด้วย เราทรมานได้แล้ว จะช่วย
ให้สัตว์โลกทรมานได้ด้วย เราเป็นผู้สงบแล้ว จะช่วยให้สัตว์โลกสงบด้วย
เราเป็นผู้เบาใจแล้ว จะช่วยให้สัตว์โลกเบาใจด้วย เราเป็นผู้ดับรอบแล้ว จะช่วย
ให้สัตว์โลกดับรอบด้วย พระผู้มีพระภาคทั้งหลายผู้ตรัสรู้แล้ว ทรงพิจารณาเห็นดังนี้
จึงทรงแผ่พระมหากรุณาไปในหมู่สัตว์ นี้เป็นมหากรุณาสมาปัตติญาณของ
พระตถาคต ฯ |
|
|
|
|
 |
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
| | |