Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สงสัยเรื่องกฎแห่งกรรม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กะป๊าบ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 มิ.ย.2006, 10:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีค่ะ

ดิฉันเป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง ถึงจะยังไม่ได้ศึกษาธรรมะอย่างละเอียดลึกซึ้งมากนัก แต่ดิฉันก็มีความศรัทธาสูงส่งต่อพุทธศาสนาค่ะ

อย่างไรก็ดี ดิฉันมีคำถามอยู่ข้อหนึ่งซึ่งติดใจมานานแล้ว คือเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ สิ่งที่ดิฉันข้องใจก็คือ การที่เราต้องชดใช้กรรมโดยที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยได้รับบทเรียนว่าเราได้สร้างบาปกรรมอะไรไว้บ้างในชาติก่อนๆ แล้วการชดใช้กรรมของเราจะมีประโยชน์อะไร และยุติธรรมแล้วหรือไม่ ในเมื่อมันไม่สามารถยกระดับจิตใจของเราได้อย่างถาวร ก็เหมือนคนโดนทำโทษโดยไม่เคยรู้ว่าตัวเองทำผิดอะไรไปทุกภพทุกชาติ สงสัย
 
......
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 มิ.ย.2006, 11:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ่านเรื่องกฎแห่งกรรม ไปพลางๆ ก่อนนะ
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2006, 2:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดี คุณกะป๊าบ

เรื่องชีวิตและกรรม มีความสลับซับซ้อนมากดังพรรณนามา คนที่มองชีวิตและกรรมในสายสั้น จึงไม่อาจเข้าใจชีวิตและกรรมอย่างแจ่มแจ้งโดยตลอดได้ แม้ผู้ได้ญาณระลึกชาติหนหลังได้ (ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ) และได้ญาณรู้อนาคต (อนาคตตังสญาณ) แต่ได้ระยะสั้นเพียงชาติ ๒ ชาติ ก็ยังหลงเข้าใจผิดได้ เพราะเห็นผู้ประกอบกรรมชั่วในปัจจุบันบางคนตายแล้วไปบังเกิดในสวรรค์ เห็นผู้ทำกรรมดีบางคนตายแล้วเกิดในนรก เขาไม่มีญาณที่ไกลกว่านั้น จึงไม่อาจเห็นกรรมและชีวิตตลอดสายได้ ส่วนผู้มีญาณทั้งในอดีตและอนาคตไม่มีที่สิ้นสุดเช่นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถเห็นกรรมและชีวิตได้ตลอดสาย ทรงสามารถชี้ได้ว่า ผลอย่างนี้ๆ มาจากกรรมอย่างใด
มีตัวอย่างแห่งกรรมมากมายที่ปรากฎในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า บุคคลนั้นๆ ได้ประสบผลดีผลชั่วอย่างนั้นๆ อันแสดงถึงผลกรรมที่สามารถให้ผลข้ามภพข้ามชาติ จะขอนำบางเรื่องมาประกอบพิจารณาในที่นี้


ผลแห่งกรรมที่ปรากฎในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา....อ่านต่อตามลิ้งค์ค่ะ

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4540
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
1
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2006, 8:27 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กฏแห่งกรรมเป็นเรื่อง อจินไตย คือเรื่องที่ไม่ควรนำมาคิด อาจทำให้เสียสติได้

พระพุทธเจ้าของเรานั้นรู้เรื่องกฏแห่งกรรมดีที่สุด แต่ท่านก็ไม่ได้สอนให้เชื่อหรือยึดติด

เพียงแต่บอกว่า...เพราะสิ่งนี้มี....สิ่งนี้จึงมี....สิ่งใดเกิดแต่เหตุ...ตถาคตทรงแสดงการดับเหตุนั้น

เพราะเหตุในอดีต....จึงเกิดผลในปัจจุบัน
เพราะเหตุแห่งปัจจุบัน....จึงเกิดผลในอนาคต

เราไม่ควรประมาทในการใช้ชีวิต....ยิ่งไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเราทำอะไรไว้....ยิ่งต้องไม่ประมาท

กรรมในอดีตเป็นแค่ขุดทางเดินให้เราเดินในชาตินี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องก้มหน้ารับกรรมตามนั้น โดยเราไม่รู้ว่าเราทำอะไรลงไป เราควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
ก็จะส่งผลในอนาคตที่ดี อย่างน้อยถ้าเปรียบกรรมชั่วเป็นเกลือ การทำกรรมดีก็เหมือนเติมน้ำลงไปเจือจางรสเค็มของเกลือ กรรมหนักในอดีตก็อาจจะตามเราไม่ทัน เหมือนเราสับเท้าวิ่งหนีหมาไล่เนื้อที่คอยตามกัดเรา การวิ่งหนีได้เร็วและอาจหลุดเข้านิพพานไปเลย คือการเจริญสติปัฏฐานสี่ หรือวิปัสสนานั่นเองครับ


แลบลิ้น
 
ยุทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2006, 9:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:

แล้วการชดใช้กรรมของเราจะมีประโยชน์อะไร และยุติธรรมแล้วหรือไม่ ในเมื่อมันไม่สามารถยกระดับจิตใจของเราได้อย่างถาวร


กรรม แปลว่า เจตนาหรือจงใจกระทำ มีทั้งการกระความดีและความชั่ว
วิบาก คือผลของกรรม มีทั้งผลที่ดี และที่ไม่ดี

ชีวิตที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้คือผลของการกระทำในอดีตที่ผ่านมาแต่ใช่ว่าที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้เป็นผลจากอดีตทั้งหมดผลกรรมในปัจจุบันก็มีส่วนร่วมด้วย

หลักคำสอนเรื่องกรรมในพระพุทธศาสนาถือได้ว่าเป็นกฏธรรมชาติ ว่าด้วยเหตุและผลของการกระทำ กฏแห่งกรรมดำเนินไปอย่างอิสระด้วยตัวของมันเองและไม่เกี่ยวกับแนวคิดการรับรางวัลหรือถูกลงโทษ เป็นกฏที่ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมอย่างสมบูรณ์ดั่งคำสอนที่ว่าไว้ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

การยกระดับจิตใจอย่างถาวรเราต้องเริ่มกระทำกรรมที่ป็นปัจจุบัน เช่นการศึกษาพระธรรม การปฏิบัติธรรม เป็นต้น ใช่ว่าจะรอเมื่อเวลากรรมดีจะมาส่งผลแล้วระดับจิตใจของเราจะดีขึ้นเอง
 
pnc
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2006, 11:37 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เราต้องชดใช้กรรมครับแม้จะไม่รุ้ว่าเคยทำอะไรผิดมาก่อนในแต่ละชาติ ผมต้องขอบอกว่า การชดใช้กรรมแต่ละชาติของเรามันต้องเป็นไปจนกว่า เราจะทำกรรมดีบารมีสิบทัศน์ จนเต็มถึงระดับขั้นต่ำคืออรหันตืธรรมดาในอนาคตอีกหลายชาติครับ แล้วอย่างนี้ ถ้าเรารุ้ เราจะไม่ยอมสร้างกรรมดีไหม่ไหม่ในแต่ละชาติให้เป็นนิสัยไว้เหรอครับ การที่เราไม่รุ้ว่าเคยทำผิดอะไรมานั้นในชาติก่อน ดีแล้วครับ เราจะได้มีกำลังใจสร้างกรรมดีให้มากมากต่อไป เพื่อชาติหน้า อย่างไม่ประมาท เพราะบางคนรุ้เรื่องชาติก่อน ถึงกับท้อแท้มากกว่าเดิมก็มีครับ........การรุ้เรื่องชาติก่อนนั้น จำเป็นที่สุดสำหรับคนที่มีบารมีดีเต็มทำวิปัสสนาเพื่อตัดอวิชชาสามภพครับ สำหรับเรา ชาตินี้ ดียังไม่เต็ม ยังไม่จำเป็นต้องรุ้เองก็ได้ครับ หรือสนใจเกินไป รุ้แค่ว่า หน้าที่ชาตินี้ของชาวพุทธคือต้องทำดีบารมีให้สม่ำเสมอและฉลาดในคุณธรรมเพื่อสังคม ก็พอแล้วครับ
 
อ๊อด
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2006, 12:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีครับ คุณกะป๊าบ,

เป็นคำถามที่ผมเคยคิดมาก่อนครับ แล้วผมก็ได้ข้อสรุปดังนี้

- คุณลองคิดดูนะว่าหากเราทุกคนรู้ว่า เราเคยเป็นใคร ทำอะไรไว้บ้าง จะวุ่นวายมากมายขนาดไหนครับ ต่างคนต่างอ้างสิทธ์ ที่เคยได้ เคยเป็น เคยทำ

- ลองคิดดูนะครับ ในชาติปัจจุบันนี้ จะมีซักกี่ครั้งที่เราเจ็บแล้วจำ

- เมื่อพบว่าพระพุทธศาสนา นี่แหละสุดยอดครับ สอนให้เราอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น อดีตผ่านมาแล้ว อย่ารำพึงถึง ไม่มีประโยชน์ อนาคตยังมาไม่ถึง จะออกหัวก้อยเกินคาดเดา เมื่อทำปัจจุบันไว้ดีซะอย่างแล้ว อดีต กับ อนาคตดีแน่

- สุดท้าย มันคือ อจินไตย ตามที่คุณ 1 บอกครับ เกินปัญญาของมนุษย์ ครับ
ถ้าอยากรู้จริงๆ ต้องฝึกครับ แต่ก็ได้รู้ย้อนกลับไปไม่เท่าไหร่หรอกครับ
 
อ่าง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2006, 3:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อายหน้าแดง ก่อนทำไม่เคยคิด พอรับผิดกลับคิดว่าไม่ยุติธรรม
ไม่อยากชดใช้กรรม อย่าทำความชั่ว
ทำผิดไม่รู้ตัว กลับมัวหาเหตุ

ตื่นเต้น ความยุติธรรมคือกฏแห่งกรรม เดินตามธรรมคือทางหลุดพ้นเจ้าค่ะ

ขำ เขาถูกกระทำก็เพราะเรา เขาจึงเหี่ยวเฉาเฝ้าโมโห
พอเราโดนมั่ง...ต้องนั่งพุทโธ โอ้โห...ทำกรรมอะไรไม่ได้จำ
เขาโดนกระทำ เราดันลืม เจ้ากรรมเขาไม่ลืม มาทวงซ้ำ
โอ้ย...มันน่าสงสัยให้ชีช้ำ คราวหลังจะจำ...ทำแต่ความดี
 
แอม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 มิ.ย.2006, 8:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ พอเหมาะที่จะติดตัวไปอ่านครับ
ตัดต่อมาพอให้เข้าใจ

ความซับซ้อนของกรรม

ชีวิตในชาตินี้ชาติเดียวย่อมน้อยนัก เมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตในอดีตชาติ ซึ่งนับชาติหาถ้วนไม่ ดังนั้น กรรมคือการกระทำ ที่ทำในชีวิตนี้ชาตินี้ชาติเดียวจึงน้อยนัก เมื่อเปรียบเทียบกับกรรมหรือการกระทำที่ทำไว้แล้วในอดีตชาติ อันนับจำนวนชาติไม่ถ้วน

การเขียนหนังสือด้วยปากกาหรือดินสอลงบนกระดาษแผ่นเดียวนั้น เขียนลงครั้งแรกก็ย่อมอ่านออกง่าย อ่านเข้าใจได้ง่าย แต่ยิ่งเขียนทับเขียนซ้ำลงไปบนกระดาษแผ่นเดียวกันนั้น ตัวหนังสือย่อมจะทับกันยิ่งขึ้นทุกที

การอ่านก็จะยิ่งอ่านยากขึ้นทุกทีจนถึงอ่านไม่ออกเลย ไม่เห็นเลยว่าเป็นตัวหนังสือ จะเห็นแต่รอยหมึกหรือรอยดินสอทับกันไปทับกันมาเป็นสีสันเท่านั้น ให้เพียงรู้เท่านั้นว่าได้มีการเขียนอะไรลงบนกระดาษแผ่นนั้น หาอ่านรู้เรื่องไม่และหาอาจรู้ได้ไม่ ว่าเขียนอะไรก่อนเขียนอะไรหลังนี้

ฉันใด การทำกรรมหรือการทำดีทำชั่วก็ฉันนั้น ต่างได้ทำกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ทับถมกันมายิ่งกว่าตัวหนังสือที่อ่านไม่ออก หารู้ไม่ว่าได้เขียนอะไรก่อนเขียนอะไรหลัง ทำกรรมแบบใดไว้ก็ไม่รู้ ไม่เห็น แยกไม่ออกว่าทำกรรมใดก่อนทำกรรมใดหลัง

ทำดีอะไรไว้บ้าง ทำไม่ดีอะไรไว้บ้าง มากน้อยหนักเบากว่ากันอย่างไร มาถึงชาตินี้ไม่รู้ด้วยกันทั้งสิ้น เป็นความซับซ้อนของกรรมที่แยกไม่ออก เช่นเดียวกับความซับซ้อนของตัวหนังสือที่เขียนทับกันไปทับกันมา

ความซับซ้อนของกรรมแตกต่างกับความซับซ้อนของตัวหนังสือ ตรงที่ตัวหนังสือเขียนทับกันมาก ๆ ย่อมไม่มีทางรู้ว่าเขียนเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดีอย่างไร แต่กรรมนั้น แม้ทำซับซ้อนมากเพียงไร ก็มีทางรู้ว่าทำกรรมดีไว้มากน้อยเพียงไร หรือกรรมไม่ดีไว้มากน้อยเพียงไร โดยมีผลที่ปรากฏขึ้นของกรรมนั้นเองเป็นเครื่องช่วยแสดงให้เห็น

ชื่อหนังสือ ชีวิตนี้สำคัญนัก
โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

สาธุ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง