Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 แก้นิสัยเจ้าอารมณ์และโกรธง่ายไม่หาย อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
จ๊ะเอ๋
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2006, 10:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดิฉันเป็นคนเจ้าอารมณ์ โกรธง่าย (หายเร็ว..ซึ่งก็ไม่ดีอยู่ดี)
ช่วงแรกดิฉันพยายามจะใช้วิธีนับ 1-10 เพื่อจะให้นิสัยไม่ดีนี้น้อยลง แต่อารมณ์โกรธมักจะมาไวกว่าเลข 1 เสมอ ดังนั้นดิฉันจึงเปลี่ยนมาเป็นสวดมนต์ (อ่านตามบทสวดวนไปมาประมาณ 30 นาที) แล้วทำสมาธิต่อจึงเข้านอนแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผลสำเร็จ นอกจากนี้ดูเหมือนดิฉันจะเจ้าอารมณ์มากขึ้นอีก เป็นไปได้มั้ยที่ดิฉันภาวนาผิดวิธี

รบกวนผู้รู้แนะนำด้วยเถอะ
 
COMA
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2006, 9:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมก็เป็นบ่อยๆ แต่ผมรู้ทุกครั้งที่โกรธมันรู้สึกทุกข์มากๆ ก็เลยรู้สึกว่าโกรธไปก็เท่านั้นโกรธทำไมให้เผาใจตนเอง มองดูแล้วไม่มีประโยชน์อะไรไร้สาระ ที่เราทุกข์ทุกวันนี้เพราะเรามัวแต่เพ่งโทษคนอื่นเพ่งโทษสภาวะแวดล้อม อยากให้มันเป็นไปดั่งใจทุกอย่าง(โลภะ) พอไม่ได้อย่างใจก็โกรธไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้(โทสะ) หลงอยู่กับความเห็นของตนเองซึ่งไม่รู้ว่าผิดหรือถูก(โมหะ)
มีสติรู้ทันอารมณ์ไม่ว่าจะรัก จะเกลียด จะโกรธความเคยชินก็จะค่อยๆบรรเทาเบาบางไปเอง
 
แนะนำ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2006, 12:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอบ

ทำใจให้สบายๆ
กรณีอย่างคุณ ไม่ใช่เรื่องแปลก มีคนเป็นแบบนี้กันเยอะ ครับ ยิ้ม

เพราะ
ความจริงแล้ว กิเลส ”โทสะ” จะถูกทำลายให้หมดไปจริงๆ
ก็ต้องเป็น พระอริยะระดับสูง คือ พระอนาคามี

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

วิธีแก้ไข


1. สาเหตุทางโลก

1.1) ทางกายของเรา

กายก็อิทธิพลถึงจิตได้ ( แต่ละคนไม่เหมือนกัน)
เช่น ฮอร์โมนเพศ, การมีประจำเดือน, โรคประจำตัว, โรคทางสมอง ,
โรคเกี่ยวกับระบบประสาท, ความอ้วน, ความผิดปกติของอวัยวะ, ความพิการ ฯลฯ
ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ต้องไปหาแพทย์รักษาด้วย ครับ


1.2) สิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา

เช่น บุคคล สถานที่ สัตว์ อากาศ อาหาร ฯลฯ ไม่เหมาะกับเรา
แบบนี้ ต้องจัดการแก้ปัญหาที่สิ่งนั้นๆ โดยตรง

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

2. สาเหตุทางธรรม

2.1) กรรมเก่าในอดีตชาติ

บางคนเป็นเพราะกรรมเก่า ทำให้มีนิสัยโกรธง่าย
เช่น ขณะทำบุญมักโมโหหงุดหงิด, ชอบแก้ยั่วโมโหคนอื่นทำให้เขาเดือดร้อน,
แสดงอารมณ์โกรธ-ดุด่า-ว่าร้ายต่อพระสงฆ์ (ต่อหน้า/ลับหลัง) ฯลฯ

แบบนี้ แก้โดย
- หมั่นทำบุญ (บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ)
แล้วอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และ ขอให้เขาอโหสิกรรมให้
- หมั่นขอขมาพระรัตนตรัย ทุกวัน (บทสวดทำวัตรเย็นมีบทขอขมานี้)
- หมั่นสวดมนต์บทแผ่เมตตา (ควรสวดบทแปลเป็นไทยด้วย) ทุกวัน
- หมั่นแผ่เมตตาจิต ในชีวิตประจำวัน
(เช่น ใครทักทายเรา / ทำดีให้เรา เราก็นึกในใจว่า “ขอท่านจงมีความสุข”)



2.2) นิสัยส่วนตัว (ทางใจ)

คนที่มีนิสัยโกรธง่าย
แต่เลิกไม่ได้

*** มิใช่ เพราะ เขาไม่มีปัญญาที่จะคิดได้ว่า สิ่งใดบาป บุญ ถูก ผิด
แม้จะมีคนมาพูดธรรมะให้ฟังมากเพียงใด มันก็ยังเลิกไม่ได้

*** แต่เป็นเพราะ "พลังจิตมีน้อย"
จิตจึงไม่เข้มแข็ง ไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ที่จะเอาชนะใจตนเอง

อุปมาเหมือน
การจะฟันต้นไม้ใหญ่ให้ขาด
ต้องมีทั้ง “ดาบคม” + ”กำลังกายแข็งแรง”
ดาบ เทียบได้กับ ปัญญา
กำลังกาย เทียบได้กับ พลังจิต

แม้จะหมั่นลับดาบให้คม อยู่เป็นประจำ
แต่ ถ้ากำลังกายที่จะออกแรงฟันลงไป ไม่มากพอ
ตราบนั้น ก็ยังฟันต้นไม้ไม่ขาด

ต่อเมื่อ เพิ่มกำลังกาย(พลังจิต) ได้มากเพียงพอ
และ ดาบ(ปัญญา) ถูกลับให้คมดีแล้ว
เมื่อนั้น ก็จะสามารถฟันต้นไม้ขาดได้ ในที่สุด ครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

*** การแก้ทางธรรมะที่ถูก คือ ต้องใช้ “พลังจิต” + “ปัญญา” ***

ปัญญา
ทำให้เพิ่มได้ โดยการ อ่านหนังสือธรรมะ ฟังเทศน์
*** เข้าวัดทำบุญ (บุญนำความเย็นมาสู่ใจได้)
สนทนาธรรมกับพระ คุยกับเพื่อนที่แนะนำแต่สิ่งที่ดี
*** หมั่นใช้ปัญญาใคร่ครวญพิจารณาให้เห็น “โทษของความโกรธ” + “คุณของเมตตา”
พวกนี้ ต้องทำบ่อยๆ ทุกวัน

พลังจิต
ทำให้เพิ่มมากขึ้นได้ โดยการ นั่งสมาธิ ต้องทำบ่อยๆ เช่นกัน
ยิ่งมีพลังจิตมาก จิตก็จะมีความเข้มแข็งสูง สามารถระงับความโกรธได้ง่าย
*** เมื่อพลังจิตมากขึ้น ก็จะทำให้“สติ” เจริญดีขึ้นตามไปด้วย อย่างอัตโนมัติ
ทำให้มีสติควบคุมอารมณ์ ในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น

เมื่อ “ เพิ่มพลังจิต + เพิ่มปัญญา “ ได้มากจนถึงจุดพอเพียงแล้ว
ก็จะหายจากการเป็นคนโกรธง่ายได้ในที่สุด ครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

การที่คุณบอกว่า “สวดมนต์ + นั่งสมาธิ ก็แล้ว แต่มันก็ยังไม่หายนิสัยโกรธง่าย
และดูเหมือนจะรุนแรงยิ่งขึ้น เป็นไปได้มั้ยที่ดิฉันภาวนาผิดวิธี ?"


ตอบว่า

ไม่ใช่ภาวนาผิดวิธี

คุณทำถูกทางแล้ว ครับ


*** ระหว่างนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่ “กิเลส-โทสะ” มันจะต่อต้านกลับ
ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ที่โดนกิเลสโต้กลับ /ดีดกลับแบบนี้
บางทีการโต้กลับ / ดีดกลับของกิเลส ก็รุนแรงกว่าเดิม

อุปมา
เหมือนจะจับม้าดื้อพยศ มัดติดเสาไว้
ตอนแรก ม้าก็ต้องขัดขืนเป็นธรรมดา
*** เตะดีดใส่เราแรงๆ หลายครั้ง
แต่ถ้าเราเอาเชือกผูกไว้ และ พยายามเอาแส้ตีมัน บ่อยๆ สุดท้ายมันก็ยอมแพ้เราในที่สุด

*** การสะสม “พลังจิต” + “ปัญญา” ให้เพิ่มขึ้น เพื่อเอาชนะกิเลสนั้น
บางคนก็ต้องใช้เวลาพอสมควร จึงจะไปถึงจุดสะสมที่เพียงพอได้


*** “ความอดทนรอ” จึงเป็นสิ่งสำคัญ ครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

*** วิทิสาสมาธิ (ของหลวงพ่อวิริยังค์) ***


หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ
(ศิษย์เอกองค์หนึ่งของหลวงปู่มั่น) สาธุ สาธุ สาธุ

ได้แนะนำวิธีนั่งสมาธิ ที่ง่ายที่สุด และ ใครๆก็ทำได้ ดังนี้

วิทิสาสมาธิ คือ

นั่งสมาธิ แค่ครั้งละ 5 นาที
วันละ 3 ครั้ง(เช้า-กลางวัน-เย็น) ทุกวัน

วิทิสาสมาธิ เป็นรูปแบบสมาธิที่ง่ายที่สุด
แต่ให้ผลเพิ่มพลังจิต ได้อย่างมหาศาล


เหมาะกับ คนสมัยใหม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาทำสมาธิ
ด้วยติดขัดภาระกิจ-การงาน-ปัญหาในชีวิตประจำวัน
เพราะใช้เวลาทำสมาธิแค่ 5 นาที ครับ

*** บางคน ถ้าจะให้หมั่นภาวนาเรื่อยๆ ในขณะยืน-เดิน-นั่ง-นอน / ระหว่างการทำงาน
แต่เอาเข้าจริงๆ เขาก็ทำไม่ได้ เพราะ ใจมัวแต่พะวง-กังวลเรื่องงาน


*** วิทิสาสมาธิ จึงเป็นการทำให้ง่าย สำหรับทุกคน
เพราะ กำหนดเป็นเวลาชัดเจน 3 เวลา คือ เช้า-กลางวัน-เย็น
เหมือน การทานข้าว/ยา ให้ตรงเวลา 3 มื้อ แค่นั้นเอง


สำคัญที่สุด คือ "ต้องทำทุกวัน" (ห้ามขาดแม้แต่วันเดียว)
และ ถ้าทำ ติดต่อกัน แค่ 1 - 3 เดือน รับรองเห็นผลดี แน่นอน ครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------


*** อานิสงส์ของเมตตา ***


พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ เมตตามีอานิสงส์ 11 อย่าง คือ....

ทั้งนอน(และ) ตื่นชื่นสุข นั้นทุกเมื่อ

ไม่ฝันเอื้อชั่วร้ายหายหมดสิ้น

เป็นที่รักนัก(ของ)มนุษย์สุดชีวิน

อมนุษย์ไหนถิ่นย่อมยินดี (= แม้อมนุษย์(ผี)ก็รักเมตตาผู้นั้น)

เทวดาย่อมรักษาว่าอย่างนั้น

ยาพิษกั้นไฟศัสตราล่าถอยหนี (= ไม่โดนยาพิษ,อาวุธทำร้าย)

จิตตั้งมั่นแน่มีรี่เร็วดี (= เป็นผู้มีสมาธิดี)

หน้ามีสีผ่องใสไร้หมองตา

ไม่ลุ่มหลงตอนตายหายจากร่าง

แม้นไม่ถึงนิพพานผ่านพรหมา
พรหมโลกแล่นไปในวันลา
(= เมื่อตายแล้ว ถ้ายังไม่ไปนิพพาน
ก็จะไปเกิดเสวยสุขในพรหมโลก
ซึ่งดีกว่า โลกสวรรค์และมนุษย์)

สิบเอ็ดค่าความเมตตาว่าเป็นตาม.

*** ขอให้รักษาเมตตาไว้ และทำให้มากขึ้นอีก ย่อมได้รับอานิสงส์ทั้ง 11 ข้อนี้

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอให้โชคดี และ หายเป็นคนโกรธง่ายได้อย่างเร็วที่สุด ครับ ยิ้ม
 
จ๊ะเอ๋
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2006, 7:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาสาธุ
ขอบพระคุณมากค่ะ
 
พระจันทร์ยิ้ม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 12 ต.ค.2006, 11:04 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุญาติแนะนำเสริมครับ

นั่งสมาธิให้จิตใจเริ่มสงบผ่อนคลาย...สักพักหนึ่ง
รับรู้ความรู้สึกร่างกายของเรา...รับรู้อยู่เฉยๆ
เฝ้าดูวามคิดที่ผุดขึ้นมาในขณะนั้น...เฝ้าดูอยู่เฉยๆ
ติดตามให้เท่าทันทั้งร่างกาย ความคิดและอาการที่เกิดขึ้นภายใน...ติดตามอยู่เฉยๆ

รับรู้ เฝ้ดู ติดตาม อาการของร่างกาย ความคิด สภาวะภายใน ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น อยู่เฉยๆ มิต้องปรุงแต่ง มิต้องกังวลใด เหมือนเวลาเรากำลังนั่งดูหนังดูละคร...( กรุณาปิดมือถือก่อนทุกครั้งด้วย!!!)

ปฏิบัติเป็นประจำ เมื่อเรามีอาการโกรธก็จะทำให้เราเห็นอาการโกรธของเราได้เร็ว ก็สามารถหาเหตุผลมาเพื่อระงับอารมณ์โกรธได้ทัน เมื่อระงับได้บ่อยๆมันจะกลายเป็นระบบอัตโนมัติได้ คืออารมณ์โกรธจะเกิดและดับลงเองโดยที่ไม่ต้องหาเหตุผลมาระงับมัน

มีคาถาบทหนึ่ง ขออภัยไม่ทราบที่มา ผมจะท่องไว้เตือนสติเป็นระยะเหมือนกันครับ

...โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ทั้งโกรธ และโมโห ก็เป็นไอ้โง่ทำอะไรบ้าๆ...
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 16 ต.ค.2006, 2:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีค่ะที่ไม่โกรธติดค้างอยู่นาน การปฏิบัติธรรมตามแนว กาย เวทนา จิต ธรรม ช่วยได้ค่ะ ต้องไปหาครูอาจารย์ที่สามารถสอนท่านได้ กำหนดไปตามอารมณ์ เช่น โกรธก็กำหนดโกรธหนอ เป็นต้น สงสัย
 
เด็กเมื่อวานซืน
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 22 ต.ค. 2006
ตอบ: 31
ที่อยู่ (จังหวัด): นนทบรี

ตอบตอบเมื่อ: 22 ต.ค.2006, 1:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อารมณ์โกรธ ต้องใช้ อาณาปานสติ ลองปฏิบัติแบบนี้ คือ หายใจเข้าออก กำหนด พุทโธ ระยะสูดลมหายใจเข้าออกรวมกันแล้วให้มากกว่า 15 วินาที ขึ้นไป ค่อยๆเข้า ค่อยๆผ่อน โดยนั่งตอนเช้า 40 นาที ก่อนนอน 40 นาที เพียรปฏิบัติทุกวันให้เป็นกิจนิสัย ใจจะทันความโกรธเอง

ยิ้มเห็นฟัน ( ยิ้มยิงฟัน จนเห็นเศษพริกสีแดง )
 

_________________
กินเหมือนสุกร อยู่เหมือนสุนัข ฝักใฝ่เสพกิเลสร่ำไป
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง