Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
อยากทราบเกี่ยวกับอนันตริยะกรรม 5
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ขนิษฐา
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 28 พ.ค.2006, 7:11 am
อยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับอนันตริยะกรรม 5
นนท์
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 28 พ.ค.2006, 8:52 am
๑. ฆ่าบิดา
๒. ฆ่ามารดา
๓. ฆ่าพระอรหันต์
๔. ทำพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต
๕. ยุแหย่ให้สงฆ์แตกจากกัน
ปุ๋ย
บัวเงิน
เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
ตอบเมื่อ: 29 พ.ค.2006, 1:28 am
คำว่า อนันตริยกรรม เป็นคำยืมจากภาษาสันสกฤต มาจากคำว่า อนนฺตริย ซึ่งแปลว่า ไม่มีช่องว่าง กับคำว่า กรฺม ซึ่งหมายถึง การกระทำที่ทำด้วยความจงใจ คำว่า อนันตริยกรรม มีความหมายตามรูปศัพท์ว่า การกระทำที่ไม่มีช่องว่าง หมายถึง การกระทำที่ไม่มีช่องว่างระหว่างกรรมที่กระทำลงไปแล้วกับวิบากหรือผลที่จะตามมา นั่นคือ กรรมที่จะต้องได้รับผลแห่งการกระทำนั้นทันทีโดยไม่ต้องรอเวลาที่ผลกรรมจะตามมาสนอง สาเหตุที่ต้องรับผลกรรมทันทีก็เพราะว่าเป็นกรรมชั่วหรือเป็นความผิดร้ายแรงที่สมควรได้รับโทษรุนแรงอย่างที่สุด อนันตริยกรรมจึงมิได้หมายถึงกรรมโดยทั่วๆ ไป แต่หมายเอาเฉพาะกรรมชั่วที่ร้ายแรงที่สุดเท่านั้น
อนันตริยกรรมมี ๕ ประการ ได้แก่
๑. การทำมาตุฆาต หรือการฆ่ามารดาของตน
๒. การทำบิตุฆาต หรือการฆ่าบิดาของต
๓. การทำอรหันตฆาต หรือการฆ่าพระอรหันต์
๔. การทำโลหิตตุปบาท หรือการทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงกับห้อเลือด
๕. การทำสังฆเภท หรือการทำให้หมู่สงฆ์แตกแยกกัน
พุทธศาสนาเชื่อว่าผู้ที่ทำกรรมชั่วขั้นที่เรียกว่า อนันตริยกรรมนั้นจะต้องไปชดใช้กรรมที่ตนก่อในนรกขั้นที่ต่ำที่สุดที่เรียกว่า อเวจีมหานรก จะไม่มีโอกาสได้ขึ้นสวรรค์และไม่มีโอกาสได้เข้าสู่พระนิพพาน
พุทธศาสนาสอนให้คนรักชีวิตของตนเองและชีวิตของผู้อื่น ดังนั้น จึงถือว่าการฆ่าหรือทำลายชีวิตไม่ว่าจะเป็นชีวิตของตนเองหรือชีวิตของผู้อื่นนั้นเป็นบาป ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตที่เราฆ่าจะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ หรือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ก็ตาม ยิ่งถ้าฆ่ามนุษย์ก็ยิ่งถือเป็นบาปหนัก เพราะผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์คือผู้ที่กำลังสะสมบุญและมีโอกาสหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้
ถ้าหากฆ่ามนุษย์ผู้เป็นบิดามารดาของตน หรือพระอรหันต์ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นบาปหนักหลายเท่าทวีคูณ เพราะบิดามารดาเป็นผู้ให้กำเนิดแก่ตน เป็นผู้เลี้ยงดูให้การศึกษาอบรมแก่บุตรเพื่อหวังให้บุตรมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขและประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ผู้เป็นบุตรทุกคนมีหน้าที่ต้องกตัญญูต่อบิดามารดาของตนโดยการเลี้ยงดู ยกย่อง เทิดทูนและทำให้ท่านมีความสุขทั้งกายและใจ หากบุตรคนใดอกตัญญูทำร้ายบิดามารดาจนถึงแก่ชีวิตก็สมควรได้รับโทษที่สาหัสที่สุด
ส่วนพระอรหันต์เป็นผู้มีปัญญาและความเพียรมากจนสามารถปฏิบัติธรรมบรรลุความหลุดพ้นตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ การฆ่าพระอรหันต์ผู้หมดกิเลสจึงเป็นบาปกรรมหนัก เช่นเดียวกับการฆ่าบิดามารดา พระพุทธศาสนาจึงถือว่า การฆ่าบิดามารดา ฆ่าพระอรหันต์เป็นกรรมหนักขั้นอนันตริยกรรม
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อสรรพสัตว์ในโลกนี้เป็นอย่างมาก เพราะพระองค์ทรงเปี่ยมด้วยปัญญา สามารถตรัสรู้ธรรมอันลึกซึ้งและเปี่ยมด้วยพระกรุณา นำธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้แล้วนั้นมาสั่งสอนสัตว์โลกให้เห็นทางสว่างและปฏิบัติตนเพื่อความสุขเนื่องจากปราศจากกิเลสที่จะทำให้เป็นทุกข์ทั้งทางกายและใจ และหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ผู้ที่ทำร้ายพระพุทธเจ้าแม้แต่เพียงทำให้พระองค์ห้อเลือดหรือที่เรียกว่า โลหิตุปบาท นั้น นอกจากจะถือว่าเป็นผู้อกตัญญูอย่างยิ่งต่อผู้ทรงคุณอันประเสริฐต่อโลกและสรรพชีวิตแล้ว ยังถือว่าเป็นผู้ที่มีใจบาปหยาบช้า กรรมที่ทำให้พระพุทธเจ้าถึงกับห้อเลือดถือเป็นบาปกรรมขั้นอนันตริยกรรม
ส่วนการทำสังฆเภทหรือการทำให้พระภิกษุสงฆ์แตกความสามัคคีกันนั้น ถือเป็นอนันตริยกรรมด้วย ก็เพราะการทำสังฆเภทก็เท่ากับการทำลายความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา เพราะภิกษุสงฆ์เป็นทายาททางธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นผู้สืบอายุพระพุทธศาสนา การทำให้พระภิกษุสงฆ์แตกแยกกันอย่างกรณีที่พระเทวทัตยุยงให้ภิกษุแตกความสามัคคีกัน จึงจัดว่าเป็นการทำบาปที่หนักมาก
การที่ภิกษุบางรูปแยกการปฏิบัติไปตามที่พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธานุญาตให้แก้ไขพระวินัยบางข้อที่ไม่เหมาะสมได้ ทำให้เกิดเป็นพุทธศาสนานิกายมหายานขึ้นนั้น ไม่จัดว่าเป็นการทำสังฆเภท เพราะไม่ได้ทำให้ภิกษุแตกความสามัคคีหรือทะเลาะกัน แต่เป็นการแยกตนออกไปปฏิบัติตามแนวทางที่เห็นว่าจะทำให้พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอีกแนวทางหนึ่งเท่านั้น
บทความ-สารคดี
โดย กาญจนา นาคสกุล
http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetail.asp?stcolumnid=809&stissueid=2443&stcolcatid=2&stauthorid=19
ท่านผู้ปฏิบัติท่านหนึ่งได้กล่าวไว้.....ที่ว่าอนันตริยกรรมตัดทางสวรรค์ ตัดทางนิพพาน หรือห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานนั้นเราอาจวิเคราะห์ได้ว่า ผู้ที่ประกอบอนันตริยกรรมนั้นไม่มีระดับสติปัญญาพอที่จะสั่งสมบารมีจนสามารถที่จะรู้ธรรมได้ หรือพูดง่ายๆว่าเป็นผู้ที่เข้าลักษณะ"บรมโง่"ไม่มีปัญญาที่จะรู้(บรรลุ)พุทธธรรมได้ หรือพ้นจากทุกข์ไม่ได้ เพราะอนันตริยกรรมเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าผู้ประกอบกรรมมีปัญญาต่ำ หรือปัญญาทราม คิดเหตุผลไม่ได้ ไม่รู้สิ่งใดชอบ ไม่ชอบ เป็นต้น นิพพานตัดสินกันที่ปัญญา สวรรค์นั้นเป็นผลจากการสร้างบารมีระหว่างการเดินทางตามมรรคที่ยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่สิ้นสุดถึงจุดหมาย หรือยังมีกิจอื่นที่จะต้องทำอีก ส่วน ปราชิก นั้นเป็นวินัย ของพระมีบทลงโทษคือให้ขาดจากความเป็นพระ กล่าวคือการกระทำเช่นนั้นไม่ใช่การกระทำของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระ ส่วนผลอื่นๆนั้นไม่ทราบรายละเอียด แต่ไม่น่าจะส่งผลขนาดห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน เหมือนอนันตริยกรรม
เมื่อเป็นตามเหตุผลดังกล่าว เราอาจวิเคราะห์ต่อได้ว่า ผู้ประกอบอนันตริยกรรมน่าจะพยากรณ์ว่า ในชาติต่อๆไปย่อมอยู่ในอบายภูมิ อย่างดีที่สุดไม่น่าจะสูงกว่าสัตว์เดียรฉานไปได้ มีทุกข์ตลอดไป หรือพ้นจากทุกข์ไม่ได้
สวัสดีค่ะ
จากคุณ : jjj [ 10 ธ.ค. 2544 ]
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th