Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 มาช่วยกันแชร์เรื่องกฎแห่งกรรมของตนเอง และมีวิธีบรรเทาทุกข์ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
คนมีกรรม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2006, 8:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มาช่วยกันแชร์เรื่องกฎแห่งกรรมของตนเอง และมีวิธีบรรเทาทุกข์กันอย่างไร แลบลิ้น แลบลิ้น สาธุ
 
คนมีกรรม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2006, 8:33 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก่อนที่ดิฉันจะผ่านช่วงความทุกข์ ความเห็นแก่ตัว และการอยากฆ่าตัวตาย ก็ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว ทุกวันนี้ก็อยู่ด้วยความสงบมากขึ้น ดิฉันแต่งงานตอนอายุเกือบ 30 ปี พอแต่งงานได้ประมาณ 6 เดือน สามีตัวดีก็ไปมีเมียน้อย (ผิดสังเกตุ ทุกสุดสัปดาห์จะต้องไปต่างจังหวัด เลยหาวิธีถาม จนได้ความว่าไปรู้จักผู้หญิงเหนือ และมีอะไรกันแล้ว ตอนที่จะเจอดิฉัน และอยู่ดี ๆ ก็หายไปเกือบปี และได้มาเจอดิฉัน คบกันได้ปีกว่า) ดิฉันเสียใจ เศร้ามาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดมาก อยากฆ่าตัวตาย และฆ่าสามีให้ตาย จนดิฉันได้ฟังธรรมะของพระอาจารย์ยันตระ ทำให้จิตใจสงบมาก

ช่วงก่อนที่ดิฉันจะสงบ ดิฉันทะเลาะกับสามีแทบทุกวัน และยังพาเมียน้อยมาพบดิฉัน แถมยังบอกว่าอยากให้ปองดองกันไว้ คนเราอีกไม่กี่ปีก็ตายแล้ว ทำไมไม่คบกันเป็นเพื่อน ถามหน่อยเถอะของใครใครก็รัก และเมียน้อยก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด ยอมรับสภาพได้ (เมียน้อยเคยแต่งงานและเลิกกับสามี และมีลูกติดมาหนึ่งคน) ดิฉันรู้สึกเหนื่อยและอยากเลิกก็เลิกไม่ได้ พอดีได้เห็นหนังสือเรื่องสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม พออ่านแล้ว รู้สึกโล่ง คิดได้เลยว่านี่เป็นเพราะกรรม เราชดใช้มันซะ ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาเจอะเจออย่างนี้ และทุกวันพยายามคิดว่าเราทำดีไว้เถอะ ถึงแม้นจะมีคนเอาเปรียบเรา เบียดเบียนเรา ก็ให้อภัยและให้ความเมตตาซะ จะได้ไม่ต้องมีเวรกรรมกันอีก จริง ๆ เรื่องของดิฉันยาวมาก มีทั้งเรื่องไปทำกิฟท์ แต่ไม่ติด และเรื่องเมียน้อยมีลูก เราไม่มีลูก ไว้จะเล่าให้ฟังใหม่น่ะคะ
 
ภูเขาไฟ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2006, 10:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ อนุโมทนา

สมัยเด็ก เราไม่ค่อยศรัทธาใน พระพุทธศาสตร์ อาจจะเป็นเพราะ เห็นพระหรือเณร พฤติตัวไม่ดี เลยเป็นคนไม่ศรัทธา และจะเป็นเด็กดื้อ ชอบเถียงพ่อแม่ เถียงผู้ใหญ่ ชอบรังเแกสัตว์ (เล่นกะสัตว์แรงๆ) และเป้นคนที่กัวแมลงสาปมากที่สุด ไม่รู้เป้นเพราะอะไร เราประพฤติตัวแบบนี้ ได้ระยะหนึ่ง แต่ในระหว่างนั้น ยายของเราจะพาเราไปฟังพระเทศ ทุกอาทิด แต่เราฟังไม่ค่อยเข้าหูเท่าไร อาจจะเพราะเป็นเด็ก
สมัยนั้น เราชอบดูหนังกำลังภายใน ด้วยจินตนากาน ของเด็ก จึงไปศึกษาหาจากหนังสือทุกประเภท จนไปเห็นในหนังสือของพระท่านหนึ่ง ที่สอนการปฏิบัติสมาธิพร้อมกับบอกคุณวิเศษของสมาธิ ในขณะนั้น เราไม่รุ้ว่า สมาธิคืออะไร แต่เราอยากจะ มีอำนาจเหมือนกับในหนังที่เราดู แค่นั้น
พอลองทำไปสักพัก ก้อไม่เห็นมีอะไรเลย มันเห้น แต่ความทุกข์ทรมารกายที่มากที่สุด เราจึงเกิดสงสัยว่าทำไมไม่เป็นในแบบที่พระท่านเขียนในหนังสือ (พระท่านเขียนว่า จะได้พบกับความสุขที่แท้จริง ทั้งกาย วาจา ใจ)
เราก็ไปหาหนังสือที่เป้นของพระท่านอื่นเขียน แล้วมาปฏิบัติ มันก้อเป็นแบบเดิม เราสงสัยอยุ่นาน ก้อประมาณ3-5 ปี
เรามาเริ่มเข้าใจ ก้อตอนที่ สัตว์ที่เราเคยไปเบียนเบียดเขาไว้มา ทำร้ายเรา จนเป็นโรคเป้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ไปหาหม้อ รักษาหาย ก็กลับมาเป็นอีก เราจึงไปหาหนังสือที่พูดถึงเรื่องกฏแห่งกรรม กว่าจะรู้ ว่านี้เป็นโรคกรรม ก้อเสียค่ายาไปหลายบาท ตั้งแต่นั้นเราจึงมีศรัทธาในพระพุทธ มาตลอด ส่วนโรคกรรม ก้อยางคงเบียนเบียดเราอยู่จนถึงปัจจุบัน แล้วก้อหันมานั่งสมาธิมาตลอด แต่การนั่สมาธิของเรา มันไม่เดินหน้าเลยมันหยุดอยู่กับที่ มาตลอด
จนพี่ชายเรา ให้เราลองไปศูนย์วิปัสสนา เราก็ตกลง แต่อพ่อแม่ ไม่ยอมให้ไป เราต้องพูดขอพ่อแม่อยู่นาน พ่อแม่จึงยอม แล้วไปปฏิบัติ ยอมรับว่า ลำบากมากแต่เรากะอดทนจน เราได้รู้ความจริงหลายอย่าง จากที่ศูนย์นี้ เราได้จักรุ้ชาติชัวของเราเอง เราได้เห็นกรรมที่เราได้ทำไว้กับสัตว์ต่างๆ และกรรมจากที่ทำจากพ่อแม่ของเราอีก ที่ศูนย์นี้ จนเราละอาย ในสิ่งที่เราทำไว้ในอดีต แต่มันสายไปแร้วที่จะกลับไปแก้ไข เพราะว่า สัตว์เหล่านั้น โกรธแค้นเรามาก กัดไม่ปล่อย เราได้แต่ ก้มหน้ายอบรับ และอุทิศบุญให้ หวังว่า สักวันเขาจะอโหสิให้เรา

สาธุ นี่คือ กรรมของเรา อายหน้าแดง
สาธุ หวังว่าจะประโยชน์กับท่านอื่นๆ แล้วกะ ขอเป้นกะลังใจใหกะคนที่เผชิญหน้ากับโรคกรรม เช่นเดียวกับเรา

สาธุ
 
neoman
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 26 ก.พ. 2006
ตอบ: 64

ตอบตอบเมื่อ: 31 มี.ค.2006, 9:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ที่คุณคนมีกรรม ทำใจได้แล้ว (ผมก็มีกรรม ถ้าไม่มีกรรมจะเกิดมาเหรอ?)

คุณกับสามี และอนุภรรยา ในอดีตชาติ อาจเคยทำบุญร่วมกันมาทั้ง 3 คนก็ได้ครับ
(แบบหนุ่มที่แต่งงานทีเดียว ได้ภรรยาคู่แฝด 2 คนทั้งพี่ทั้งน้องเลย อิจฉา... ยิ้มเห็นฟัน )
เพราะฉะนั้น รักกันไว้ดีกว่าครับ แบ่งๆ กันไป คนไทยใจดี.... ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ความสุขหรือความทุกข์ อยู่ใจเราจะคิดเอา ถ้าคิดว่าสุขก็สุข ถ้าคิดว่าทุกข์ก็ทุกข์.
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
คนมีกรรม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 เม.ย.2006, 7:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณค่ะ Khun Neoman อยากถามคะ ในอดีตชาติ อาจเคยทำบุญร่วมกันมาทั้ง 3 คน และถ้าต้องการจะตัดกรรม โดยที่ชาติหน้าไม่อยากเจอะเจออีก ทำอย่างไรดีล่ะ เพราะถ้าชาตินี้ชดใช้กรรมกันไป เพราะชาตินี้บางครั้งเราก็ไปวัดด้วยกัน ทำบุญร่วมกันอีก อย่างนี้ถือว่าชาติหน้าต้องเจอกันอีกหรือเปล่า เพราะมีความคิดว่าช่วงเดือนเมษายน จะไปทำบุญ นั่งสมาธิ กันทั้งครอบครัวเลย ขอความรู้ด้วยคะ ว่าจะตัดกรรมทั้งสามี และเมียน้อย และลูกเมียน้อยอย่างไร (เพราะลูกเมียน้อยจะรักดิฉันเหมือนแม่)
 
ภูเขาไฟ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 เม.ย.2006, 10:52 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บอกว่า "สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป้นของของตน เป้นผู้รับผลกรรม
เป็นผู้มีกรรมเป้นกำเนิด มีกรรมเป้นพวกพ้อง และมีกรรมเป้นที่พึ่งอาคัย"

หมายความว่า เมื่อเรายังมีชาติหน้าอยู่ ก้อไม่มีทางหนีกรรมของเราได้
แต่ถ้าจะหยุด กรรมของเรา ต้องหยุด กิเลส 3 ตัว คือ โลภะ โทสะ โมหะ

ลองมาหาอ่าน ที่ เว็บนี้ http://www.dhammahome.com/ มีบอกเรื่องกรรม
สาธุ
 
neoman
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 26 ก.พ. 2006
ตอบ: 64

ตอบตอบเมื่อ: 04 เม.ย.2006, 8:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าไม่อยากเกิดมาเจอกันอีกในชาติหน้า ....ไม่ยากเลย

แค่คุณตั้งจิตอธิษฐานอย่างมั่นคง แค่นี้ก็ไม่มีทางจะเจอกันอีกหรอกครับ (ยกเว้นว่ากรรมที่จะชดใช้ยังไม่หมด)
แบบ กัณหา ลูกพระเวสสันดร น้อยใจ คิดว่าพ่อเป็นคนใจร้าย จึงอธิษฐานจิตไม่ขอเกิดมาเป็นพ่อลูกกันอีก ในชาติต่อๆ มาจึงไม่ได้เป็นพ่อลูกกันอีกจริงๆ แต่ด้วยบุญที่สร้างร่วมกันมา ในชาติสุดท้ายกัณหาจึงเกิดมาเป็น อุบลวรรณาเถรี เป็นลูกของเศรษฐี และได้ออกบวชในสำนักภิกษุณี แล้วก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วย

แต่อธิษฐานจิต ก็จะสมหวัง ครับ...
แต่ถ้าเกิดสามีคุณดันอธิษฐานจิตขอตามไปเจอกันอีก จะทำไงดีน้อ... ปรบมือ
เอาน่า..ไม่ต้องตกใจ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แค่เจอ แต่ไม่รู้จักกัน 5555 แลบลิ้น
 

_________________
ความสุขหรือความทุกข์ อยู่ใจเราจะคิดเอา ถ้าคิดว่าสุขก็สุข ถ้าคิดว่าทุกข์ก็ทุกข์.
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
แรงจังกรรม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 เม.ย.2006, 9:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้ม ต้องขอขอบคุณผู้ตั้งกระทู้นี้ ที่ทำให้ตนคิดสิ่งที่ควรทำในชาตินี้เพิ่มขึ้นมาได้อีกหนึ่งอย่าง กรรมแรงแรงที่ตนเคยทำมาและนึกได้คงเป็นสมัยเรียนประถมต้น เป็นเด็กเรียนเก่งมาตลอดไม่เคยต่ำกว่าที่สองของห้อง ถูกให้เป็นหัวหน้าหรือไม่ก็รองหัวหน้าห้องทุกครั้ง และก็นำสวดมนต์โรงเรียนประจำวันหลังเคารพธงชาติอีก ทั้งที่ตนก็อยู่เฉยเฉยแต่ก็ถูกอาจารย์หรือเพื่อนให้เป็นทุกครั้ง และยังเป็นคนร่าเริงสนุกได้กับเพื่อนมาตลอด แต่มามีเรื่องเสียคือโกรธน้องสาวตนเองแบบไร้เหตผลแล้วไม่ยอมพูดกับน้องบางครั้งถูกถามเรื่องสำคัญก็ไม่ยอมตอบนานมากมาก และมีครั้งนึงในช่วงวัยเดียวกันเช่นกันอิจฉาเพื่อนที่ตนไม่รู้สึกสนิทคนหนึ่งในห้องเรียนที่ไปให้พี่ชายตนสอนยิมนาสติกที่สนามหญ้าแถวบ้านแล้วพี่ชายเอาใจใส่เป็นพิเศษจนรู้สึกตัวเองไม่ได้รับความสนใจเช่นที่ผ่านมาก็เลยน้อยใจไม่ยอมไปเรียนกับพี่ชายอีก ทำให้เพื่อนรู้สึกไม่ดีแล้วไม่มาให้พี่ชายสอนตั้งแต่นั้นมาพี่ชายรู้ก็เลยมาตำหนิอย่างแรง เดาว่าทั้งสองกรรมดังกล่าวเริ่มส่งผลตนเองในวัยรุ่นสมัยเรียนมัธยม อยู่ดีดีก็กลายเป็นเด็กเครียดเริ่มเก็บกดไม่กล้าแสดงออกไม่กล้าพูดเอ่ยปากคุยกับใครก่อนหรือคุยก็น้อยมากหากไม่สนิทมากจริงจริง หน้าตาก็เริ่มเป็นสิวหนักขึ้นหนักขึ้นการเงินสมัยนั้นก็แย่ไม่มีเงินรักษาเป็นเรื้อรังหนักนานหลายปียิ่งกว่าวัยรุ่นทั่วไปเป็นกันเหมือนชีวิตถูกซ้ำเติมให้รู้สึกมีปมด้อยอย่างหนัก อายผู้คนชีวิตวัยรุ่นที่น่าจะสนุกสดใสที่สุดในช่วงชีวิตเช่นคนทั่วไปกลายเป็นชีวิตที่พลิกผันจากเด็กที่มีแววอนาคตที่น่าจะไปไกลตามที่ตนฝันได้ทุกอย่างกลายเป็นคนขาดความมั่นใจอย่างแรง ไม่กล้าพบผู้คน เพื่อนน้อย ไม่กล้าเข้าสังคมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การเรียนจากดีที่หนึ่งของระดับชั้นก็ลดเป็นสองสามสี่จนหลุดท๊อปห้าของชั้นกระทั่งเรียนจบ สอบมหาลัยก็ไม่ติดที่ต้องการต้องรอสองปีถึงจะสอบติดแต่เรียนก็แย่หนักอีก เพราะความรู้สึกปมด้อยติดตัวมาตลอดไม่กล้าถามอาจารย์ ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าปรึกษาปัญหาใครทั้งนั้นไม่มีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก จนเกรดที่จบต่ำเกือบสุดท้าย
หลังเห็นกระทู้พึ่งคิดได้ทำไมเมื่อเรารู้สึกไม่ดี ก็น่าจะแก้ไขอะไรสักอย่างในขณะที่เขาเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่นี้ จึงได้ตัดสินใจเล่าเรื่องเก่าในอดีตให้กับน้องตนแล้วขอโทษขออโหสิกรรมด้วยวาจาตรงตรงน้องก็งงเพราะผ่านมาหลายสิบปีไม่เคยใส่ใจแต่ก็คะยั้นคะยอจนได้รับคำพูดยกโทษให้ สิ่งที่ได้คือรู้สึกโล่งใจที่รู้สึกได้ชัดเจนยิ่งกว่าการแผ่เมตตาอีก ยังเหลือเพื่อนสมัยประถมวางแผนว่าจะค้นหาให้เจอภายในชาตินี้เพื่อเล่าเรื่องขอขมาลาโทษเช่นกัน กรรมอื่นทีนึกได้ก็มีกับมารดาและก็ได้เล่าเรื่องอดีตให้มารดาฟังและขอขมาจนรู้สึกดีขึ้นแล้วเช่นกัน ตอนนี้เลยได้สิ่งที่น่าจะทำในชาตินี้ให้ตัวเองเพิ่มคือพยายามนึกสิ่งผิดพลาดในอดีตที่ทำให้ใครสักคนรู้สึกไม่ดีแม้นจะผ่านนานเพียงไรก็ตามหากเขายังมีชีวิตจะตามไปขอโทษเขาเพื่อล้างสิ่งติดค้างในใจภายในชาติเดียวกันนี้ให้ได้ ถึงกรรมไม่อาจล้างให้หมดไปแต่เชื่อว่าจิตเราและเขาย่อมลดการยึดมั่นถือมั่นในเวรกรรมของกันและกันได้บ้างและคงให้ผลมากยิ่งกว่าการแผ่เมตตาโดยเฉพาะหลังผ่านเวลาข้ามภพข้ามชาติกันไปแล้ว จึงขอขอบคุณครับที่มีส่วนช่วยจุดประกายให้ผมคิดถึงสิ่งที่ควรทำนอกเหนือจากการปฏิบัติธรรมได้ก่อนที่จะสายเกินไปเมื่อถึงเวลาสุดท้ายของชาติปัจจุบัน สาธุ
 
อิคิว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 เม.ย.2006, 7:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ด้วยอำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยขอแผ่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ให้กับท่านผู้มีทุกข์
ขอให้ท่านจงมีแต่ความสุข
ขอให้ท่านจงพ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง
ขออย่าได้ปราศจากสมบัติอันตนพึงมีเถิด
สัตว์โลกทั้งหลายล้วนมีกรรม มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ ทำดีได้รับกรรมดีทำชั่วต้องรับผลของกรรมนั้น
 
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 30 เม.ย.2006, 7:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กฎแห่งกรรมที่เห็นได้ชัดในปัจจุบัน ให้ลองพิจารณาสภาพจิตที่เป็นพรหมวิหาร 4 คือในขณะที่เรามีอารมณ์ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา กับจิตที่มีอารมณ์โลภ โกรธ หลง หรือกิเลสอื่น ๆ ขณะใดที่จิตจะมีความสุขมากกว่ากัน สามารถตรวจสอบกันได้ทุกเวลา
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ค.2006, 11:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีเพื่อนทุกท่าน

หัวข้อนี้โดนใจนะคะ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ก็ค่อยค่อยเขียนไป คนอ่านถ้าอ่านไหวก็อ่านอ่านไม่ไหวก็หยุดอ่านไปนะคะ
ความชั่วของผู้เขียนมีเยอะ จากความไม่รู้คือสิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ ทำกรรมชาติก่อนคืออะไรไม่ทราบ ทราบแต่รับกรรมชาตินี้ ตลอดเวลาตั้งแต่เล็กจนเป็นวัยรุ่น กรรมที่รับคือ ถูกห่มเขง ถูกรังแก ทั้งทางวาจา และทางกาย รวมถึงความอยากรู้อยากลองแบบเด็ก ๆ ก็ได้ทำกรรมที่ไม่เหมาะสมทางเพศกับญาติที่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ต่อมาคุณพ่อก็รู้ ช็อคมาก และขอพี่ชายให้เลิกทำสิ่งนั้นเด็ดขาด แต่ตอนนั้นน่าจะเด็กประมาณ ป.๑ ได้ แต่ชีวิตของเราก็แปลก มักมีแต่เพศตรงข้ามวนเวียนเข้ามาหาทั้ง ๆ ที่ตั้งป้อมเพราะกลัวและรังเกียจเรื่องเพศมาก แต่จนแล้วก็ต้องมารับกรรมอีก คือ เริ่มคบแฟนและมีอะไรกันกับแฟนจนท้อง ..... แฟนก็รับ ถ้าเอาไว้ก็จะรับ แต่เราไม่มั่นใจที่เขาเป็นคนเจ้าชู้มาก อีกทั้งกลัวที่บ้านจะเสียใจมาก ตัดสินใจไปทำแท้ง และก็เลิกกับแฟนคนนั้น จนทำงานก็มักจะมีผู้ชายเข้ามาหาเซ็งมาก...มักถูกผู้ชายหลอกไปทำไม่ดีไม่งาม ทั้ง ๆ ที่ระวังแล้ว แต่ตลอดเวลาก็ตั้งใจทำความดีตลอดมาไถ่บาปที่ได้ทำไว้ตอนทำแท้ง.... ถึงจะชดเชยกันไม่ได้เพราะคนละส่วน แต่เราได้ตั้งใจถือศีล ๕ ปฏิบัติธรรมมาตลอด ผลที่ได้คือ ชีวิตที่ร้อนก็ค่อย ๆ เย็นลง (ใช้คำว่าค่อย ๆ นะคะ เพราะมันไม่ใช่เห็นผลปุ๊ปปั๊ป) ปัจจุบันอายุสามสิบสาม แต่มุมมองชีวิตเหมือนคนใกล้ตายในชีวิตไม่ต้องการอะไรมากมาย เพราะมีครอบครัวที่อบอุ่น สามีเข้าใจว่าผ่านอะไรมา เพราะไม่เคยปิดปัง เล่าให้ฟังหมดก่อนแต่งงาน ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน ชวนกันทำบุญปฏิบัติธรรม... แต่นั้นแหละ อนาคตเราไม่รู้ ก็คงไม่หวัง เพราะปัจจุบันก็ยังมีเรื่องผู้ชายพยายามจะวนเวียนเข้ามาอยู่นั้น พยายามจะหาทางให้ได้ชื่อว่าประพฤติผิดในกาม เกมกรรมนี้มันก็ใจร้ายจริง ๆ นะ เราก็ไม่รู้ว่าชาติก่อนทำอะไรมา แต่คงหนักหนามั๊ง...เลยมีคนมาทวงกันเยอะ...

ที่เล่ามาไม่ใช่ต้องการประจานตัวเอง ข่มความรู้สึกมากที่ต้องเล่า.... แต่อยากให้คนที่มีชีวิตทุกข์ ๆ อยู่ เชื่อว่าถ้าเราตั้งใจประพฤติอยู่ในศีลในธรรม ก้มหน้ารับกรรมในปัจจุบัน ผลในอนาคตจะดีขึ้นเองค่ะ ถึงเราจะไม่มีความรู้ในธรรมมากมายอะไร แต่เราเชื่อสนิทใจว่าจะดีขึ้นจริง ๆ
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ค.2006, 11:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้อ...ลืมเล่าให้ฟังอีกเรื่องหนึ่งคือว่า ก่อนที่จะตั้งใจถือศีล ๕ เราได้อโหสิกรรมให้กับทุก ๆ ท่านได้ทำกรรมไม่ได้ร่วมกับเรา ร่วมทั้งแฟนเก่า เราโทรศัพท์ไปบอกเค้าว่า ขออโหสิกรรมให้ ร่วมถึงอโหสิกรรมให้กับความไม่รู้ของตัวเอง เราว่าการให้อภัยตัวเองเป็นสำคัญที่สุด เพราะทำให้เรายอมรับความผิดชั่วเลวที่ผ่านมาของตัวเองได้ และพร้อมที่จะเริ่มตนใหม่ ในการทำดี โดยที่ใจเราไม่เศร้าหมองต่อไป เพราะก่อนหน้านี้ เราให้อภัยคนอื่นหมด ยกเว้นตัวเอง ถึงทำให้ทุกข์ใจอยู่นาน เพิ่งจะมาเข้าใจและให้อภัยตัวเองเป็นตอนที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับสามีนั้นเองค่ะ

ขอให้ทุก ๆ ท่านมีความสุขความเจริญในธรรมที่แท้จริง
มีสุขภาพใจสุขภาพกายแข็งแรง
ด้วยความปรารถนาดีค่ะ....
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง