Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
เรื่องไสยศาสตร์ที่ไม่มีจริง
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
เทน
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 17 พ.ค.2006, 9:15 am
เรื่องราวทุกอย่าง มันไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริงเสมอไป
เรื่องราวที่ได้ฟังมาก็อาจจะไม่เป็นความจริง
ทุกอย่างมันมีเหตุผลของตัวมันเอง
อย่างเช่น เรื่องราวของกรณีห้องเช่าข้างบ้านของเรา
เหตุเกิดเนื่องจากเวลาพวกมันเมาแล้ว ในหัวสมองมันก็มีแต่เรื่องที่จะฉุดผู้หญิงไปข่มขืน
จะดักผู้หญิงไปข่มขืน
เรื่องเหล่านี้แม้ฟังดูเพียงครั้งเดียว ก็เดาได้ว่าเป็นการสนทนาภาษาวงเหล้า
แต่พอเข้าได้ยินหลายครั้ง ก็ชักจะอย่างไรอยู่
เพราะพวกมันเมาบ่อยมาก
เมื่อในหัวสมองพวกมันมีแต่เรื่องพวกนี้
ในใจก็คิดว่า หากพวกมันขาดสติเมื่อใดมันอาจจะทำร้ายครอบครัวของเราตามที่มันพูด
เราก็เลยเตือนทุกคนในครอบครัวให้ระวัง
แรกๆ ทุกคนก็ฟังอยู่ แต่หลังๆ ทุกคนก็ลืม
เราก็กลัวมันจะทำอะไรกับครอบครัวเรา
วันหนึ่ง เห็นมันกำลังกินเหล้าอยู่
ก็ไม่รู้จะบอกอะไรกับพวกมันดี ในใจก็คิดแต่ว่าพวกมันคงเลวพอตัว
ก็เลยเรียกมันคนนึงออกมา บอกว่า หนวกหู ให้เบาหน่อย
ครั้นจะบอกความจริงว่า ถ้าชีวิตพวกมันเลวขนาดนี้ก็ไปอยู่ห้องเช่าที่อื่นเถอะ
พอเราเตือน มันก็เอาไปซุบซิบอะไรไม่รู้
พอตี 3 เลยเรียกมันออกมาใหม่
คราวนี้อยากเห็นหน้ามันทั้งหมด เลยบอกให้มันออกมาให้หมด
ที่เรียกพวกมันมา เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้น เราสามารถชี้ตัวพวกมันได้หมด
ไอ้คนใหม่ก็ออกมา ยังไม่ทันอะไรมันก็ขู่เลย
มันขู่ว่า ถ้าผมอยู่ที่นี่ไม่ได้ พี่ก็อยู่ที่นี่ไม่ได้
แค่ผมโทรทีเดียว พวกผมที่ซอยข้างๆ ก็จะมาเลย
แถมมันก็บอกว่าเคยฆ่าคนมาแล้ว
ไอ้เราก็กลัว ที่กลัวไม่ได้กลัวพวกมันหรอก กลัวว่ามันจะทำอะไรคนในครอบครัวเรา
สรุปแล้วก็คือ แรกๆ จะไปขู่มันให้ทำตัวดีๆหน่อย แต่ก็โดนมันขู่ซะหงอเลย
เลยต้องรีบคุยดีกับมันไปพลางก่อน แต่ก็นึกอุบายได้
แต่ยังไงก็ต้องรอตอนเช้าก่อน
ตื่นมาเลยตะโกนว่า
"ท่านสุวรรณ ผีที่ให้จับจับได้เลย แต่หนีรอดไปตัวหนึ่ง หมามันเห่า แต่คืนนี้จะไปหาท่านพญายม"
ไอ้น้องเราก็ได้ยิน ลืมไปว่าน้องเราอยู่บ้าน ก็คิดอยู่ว่าน้องเราคงคิดว่าเราบ้าไปแล้ว แต่เอาเหอะ
ที่นึกอุบายนี้ออกเพราะคืนก่อนหน้านั้นพวกมันทำหนวกหูมาก
นั่งสมาธิดีๆ พวกมันก็เตะบอลใส่
แต่เรารู้ว่ามันเห็นว่าเรานั่งสมาธิอยู่
ถามพวกมันตอนหลัง พวกมันก็บอกว่าไม่ได้หนวกหูนี่ แตะแค่ 5 ทีเอง
ตอนนั้นคิดว่า ผีสางเทวดาน่าจะช่วยเราอยู่
เลยเอาลูกประคำ ทำท่าเสกใส่ห้องมัน
บังเอิญโชคดี หมาหอน
เลยรู้ว่านับแต่วันนั้นพวกมันเชื่อว่าเรา เรียนวิชามาจากอินเดีย
พอพวกมันคิดแบบนี้ มันก็เลยเงียบฉี่
ถกเถียงปัญหาอย่างประสาทกิน
ไอ้เราก็ขำๆ ช่างมัน แล้วก็รีบรูดม่าน เพราะคิดว่าโอกาสมีเพียงแค่หนเดียวเท่านั้น
เอาละ วกเข้าเรื่องต่อ
พอพวกมันได้ขู่ แต่พวกมันก็ปอดๆ เรื่องท่านพญายม
ต่อมา มันก็เงียบฉี่
ปรากฏว่าระยะหลัง มันก็เริ่มเปิดเสียงดังประชดเลย แล้วก็เบาลง
ได้ยินมันพูดทำนองว่า ก็ไม่เห็นเป็นอะไร
ปรากฏว่า คืนหนึ่งได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ แล้วผู้ชายก็พูดว่า อย่าไปยุ่งกับมัน
เราก็เช้าวันนึงก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนนึง เดาว่าพี่ชายมัน
พิจารณาจากชุดที่แต่งเดาได้ว่าทำงานที่เดียวกัน
ไม่รู้ได้ยินถูกป่าว แต่พอจับใจความได้ว่า
น้องมันตาย ตายที่ผับ
มันไปพูดกับร้านขายกาแฟ ติดกับลุงที่ขายโจ๊ก ฝั่งตรงข้ามบ้านของเรา
ฟังแล้ว เหมือนมันจะโกรธจัด
ไอ้เราก็ไม่รู้จะทำไง เพราะรู้แต่ว่าพวกมันคิดว่าเราเป็นคนทำแน่นอน
ไอ้เราก็จับความรู้สึกข้างห้องมันก็ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่
แต่คนในซอยมองเราแปลกๆ
ไหนๆ มันก็แปลกแล้วก็เลยอยากลองทำเหมือนกับพวกพ่อมดหมอผีดูบ้าง
ลองทำแล้วไม่เห็นมีไรเกิดขึ้นเลย
ผลที่เกิดคือ ทุกคนมองว่าเราเล่นของ บางคนก็มองว่าเราบ้า
สรุปแล้ว ก็คือ ช่างมันเหอะ
เพราะรู้สึกว่าเรื่องราวมันจะวุ่นไปใหญ่เลย
แต่นั่นแหละ เรื่องราวนี้ก็สะท้อนให้เห็น 2 อย่าง คือ
พวกชั่วๆ ก็ต้องได้รับผลกรรม คือว่ามันตายจริง
และ หากเราปลูกอะไรไว้ เราก็ต้องได้ผลที่เราปลูกอย่างนั้น
แปลง่ายๆ คือ ตอนนี้เราต้องเป็นหมอผีที่เล่นคุณไสยไป
ส่วนเรื่องใครจะทำอะไรเรานะหรือ
คิดว่ามันคงไม่กล้า เพราะพวกมันเปิดเผยต่อสาธารณชนออกซะอย่างนั้น
แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้ามันสำนึกในบาป เราก็รอดไป
แต่ถ้าไม่สำนึกในบาป งานนี้เราคงต้องไปนอนเป็นเพื่อนน้องมัน
เพราะตอนนี้พวกมันแอบติดกล้องถ่ายเราตอนกลางคืน
เราก็รู้ เพราะขนาดหยิบหนังสือภาษาเยอรมันเอามาอ่าน
พวกมันก็ยังพูดชัดเจนว่าเป็นหนังสือภาษาเยอรมัน
และรู้แต่ว่า คืนนั้นเราก็พยายามนั่งสมาธิเกือบ 3 ชั่วโมง
พอตอนท้ายๆ เราก็เกิดอยากจะร้องไห้เพราะรู้สึกว่าเหนื่อยเหลือเกิน
พวกที่แอบดูเรามันก็รู้ว่าร้องไห้
แต่ก็แปลก หลังจากร้องไห้แล้วเลิกสมาธิ ฝนก็ตกอย่างหนัก
คิดว่าตอนนี้พวกมันคงจะกลัวๆ
แต่สำหรับเรา เราไม่รู้จะทำอะไรนอกจากแผ่เมตตาให้พวกมัน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th