Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
เพิ่งปฏิบัติอยากทราบว่าเข้าใจถูกต้องไหมคะ
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
เวบอื่น
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 03 ก.พ.2006, 3:55 pm
เนื้อความ : (ภัสสร)
อ้างอิง |
อยากทราบว่าเวลาอารมณ์อกุศลต่างๆเกิดขึ้นอาจารย์ให้กำหนดจนกว่าจะหายแต่นานมากๆไม่หายต้องคิดหาเหตุผลข้อธรรมะต่างๆมาพิจารณาให้หายไปส่วนมากจะหายเพราะการคิดธรรมะไม่หายเพราะกำหนดอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่หรือไม่ต้องคิดแต่กำหนดอย่างเดียวจนกว่าจะหายไปเองคะ
จากคุณ : ภัสสร [ ตอบ: 01 ก.พ. 49 23:10 ] แนะนำตัวล่าสุด 07 พ.ย. 48 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 7 | ฝากข้อความ |
ให้คำแนะนำ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 03 ก.พ.2006, 4:08 pm
ความคิดเห็นที่ 1 : (wit) อ้างอิง |
ใช้การพิจารณาธรรมช่วยด้วยก็ถูกต้องแล้ว เป็นการใช้ปัญญาครับ (ธัมมวิจยะ)
จากคุณ : wit [ ตอบ: 02 ก.พ. 49 06:57 ] แนะนำตัวล่าสุด 30 มิ.ย. 48 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 926 | ฝากข้อความ |
copyma
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 03 ก.พ.2006, 5:11 pm
พุทธภาษิตดังกล่าว คำว่า " ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้ " นี้ ก็มีปัญหาเกิดขึ้นว่า คำว่า " ประพฤติดีแล้ว " นี่ ประพฤติอย่างไรจึงจะเรียกว่า " ประพฤติดีแล้ว " ถึงจะนำความสุขมาให้เรา ตามความเห็นความเข้าใจของผม คำว่า " ประพฤติดีแล้ว " หมายถึงประพฤติธรรมอันสมควรแก่ธรรม คือประพฤติให้ถูกต้องตามธรรมนั้นๆ ไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติด้วยความงมงาย ด้วยการเห็นผิด เพราะธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นมันมีกันอยู่หลายขั้นหลายตอน อย่างเช่น กามาวจรกุศล อันได้แก่บุญกิริยาวัตถุ ๑0 นั้น จะต้องมีการประพฤติปฏิบัติอย่างไร มันถึงจะเป็นการถูกต้องซึ่งเรียกว่าประพฤติธรรมอันสมควรแก่ธรรม หรือรูปาวจรกุศล และอรูปาวจร
กุศล ซึ่งได้แก่การทำสมาธิในสมถกรรมฐาน วัตถุประสงค์ก็เพื่อยังความสงบให้เกิดขึ้นนั้น เราจะต้องประพฤติอย่างไรปฏิบัติอย่างไร ถึงจะเรียกว่าเป็นการปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่ธรรม เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่มีความยุ่งยากสลับซับซ้อน ไม่ใช่เป็นของทำกันได้ง่ายๆ แม้แต่การปฏิบัติธรรมในขั้นโลกุตตรกุศลเพื่อยังกิเลสให้ลดน้อยลงนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ง่ายอย่างที่ว่าคนส่วนใหญเข้าใจกันเช่นนั้น ฉะนั้นการประพฤติธรรมปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่ธรรมนั้น มันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เป็นของง่ายอย่างที่ทุกๆ คนเข้าใจกัน เมื่อเราพูดมากันเช่นนี้แล้วเราควรจะได้พิจารณาต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้น
ละก็องค์ของการประพฤติดีในธรรมะนั้น เพื่อให้สมกับพุทธภาษิตนั้นน่ะ มันควรจะมีอะไรบ้าง คือเมื่อเราจะทำการประพฤติธรรมปฏิบัติธรรมประเภทไหน เราจะต้องดำเนินการอย่างไร เราอย่าลืมนะว่าธรรมะขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
http://www.geocities.com/SouthBeach/Terrace/4587/basicsathi1.htm
เขม
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 03 ก.พ.2006, 9:51 pm
เนื้อความ : (ภัสสร)
อ้างอิง |
คือตอนนี้พยายามฝึกสติปัฏฐานสี่อยู่กำหนดอิริยาบถย่อยบ่อยๆแต่ไม่ต่อเนื่องเพราะเริ่มฝึกก็เผลอเสีย 70% (แหะๆ) แต่มีปัญหาตอนนั่งสมาธิพอกำหนดพองยุบไปได้ระยะหนึ่งร่างกายเริ่มหนักและแข็งๆก็กำหนดว่าหนักหนอแข็งหนอแล้ว จิตมันก็คิดขึ้นมาสงสัยว่าสมาธิมากเกินสติหรือเปล่า ก็เลยพยายามกำหนดใหญ่เลย แต่ก็ยังไม่หายและก็สงสัยแบบนี้สลับไปมา ใจมักจะชอบพะวงว่าอย่าให้สมาธิมากเกินสติ เลยวนเวียนอยู่ แต่เตือนตัวเองแบบนี้ผิดหรือเปล่าคะ ควรจะแก้อย่างไรดี เพราะร่างกายจะแข็งทุกรอบที่นั่งสมาธิน่ะค่ะ ..พอดีอ่านกระทู้ท่านอื่นที่ฝึกอยู่และมีความก้าวหน้าว่า ในระหว่างวันตอนไม่ได้นั่งสมาธิ ท่านจะดึงจิตมาที่พองยุบทุกครั้งที่เผลอ ดิฉันไม่เข้าใจ (โง่จริงๆ) ว่าการกำหนดคือการอยู่กับปัจจุบัน แล้วถ้าปัจจุบันของดิฉันมันมีแต่คิดบ้างทำงานบ้างสุขบ้างทุกข์บ้าง ใจไม่เคยมากำหนดพองยุบเลยในระหว่างวัน ถือว่าทำถูกหรือผิดคะ (สงสัยมากๆ) และจริงๆแล้วระหว่างวัน เมื่อไม่ได้นั่งสมาธิควรจะดึงจิตมาที่พองยุบเพื่อหางานให้จิตทำใช่หรือไม่คะ
จากคุณ : ภัสสร [ ตอบ: 03 ก.พ. 49 12:14 ] แนะนำตัวล่าสุด 07 พ.ย. 48 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 7 | ฝากข้อความ |
..............................................................................................................................................
ผู้นี้ขยันกำหนดอารมณ์พอสมควร เมื่อมีความขยัน (วิริยะ) เพียรกำหนดอย่างนี้ ก็ได้ผลจริง....
-กระทู้แรก วันที่ 1 ก.พ. มีปัญหาอย่างที่เห็น มีผู้ให้คำตอบตามแนวปริยัติไปแล้ว (ธัมมวิจยะ) หลุด คือหายกังวลได้วันหนึ่งคือวันที่ 2 ก.พ. วันที่ 3 ก.พ. มีปัญหาจากการปฏิบัติอีก คือ นั่งสมาธิตัวแข็งแล้วกังวลทำยังไงต่อดี
-ปัญหาซึ่งเกิดจากการปฏิบัติ คือ จากบริกรรมอารมณ์นั้น จะใช้ปริยัติล้วน ๆ แก้ (แนะนำ) ก็จะเป็นแบบนี้แหละ คือมันไม่ลึกไปถึงความรู้สึกของผู้ปฏิบัติซึ่งกำลังประสพอยู่ในขณะนั้นได้ ซึ่งเขาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของตนด้วยตนเองไม่ได้ในขณะปฏิบัติอยู่ หลุดตรงนี้ก็ไปติดตรงโน้น
ที่จริงอาจารย์ที่ให้อารมณ์กรรมฐาน ขาดการติดตามสอบความรู้สึกของโยคี ทิ้งให้ติดขัดขัดข้องในอารมณ์ที่ว่า ฯลฯ อาจารย์ให้กำหนดจนกว่าจะหายแต่นานมาก ๆ ไม่หาย....
(ตรงนี่สอนพลาด) สำหรับผู้เริ่มทำนั้นกำหนดไม่หายได้ง่าย ๆ หรอก
-เพราะอะไร ?
-เพราะสติสมาธิยังไม่แข็งพอ คือมีพลังไม่พอ (ถ้ามีพลังพอแค่รู้สึกก็หายหรือดับลงแล้ว)
แรก ๆ ทำ อ. แนะนำเพียงแค่ว่า เมื่อความคิด คิดฟุ้งออกไปภายนอกอารมณ์ที่กำหนด ให้ไปกำหนดรู้อารมณ์นั้น ๆ 3-4 ครั้ง หายไม่หายก็ปล่อย แล้วกลับไปกำหนดอารมณ์หลักคือพอง-ยุบ ตามเดิม (อารมณ์หลัก)
ฯลฯ ต้องคิดหาเหตุผลข้อธรรมะต่างๆมาพิจารณาให้หายไป ส่วนมากจะหายเพราะการคิดธรรมะ....
เป็นธรรมดา จิตมันคิดอารมณ์ได้ครั้งละเรื่องเดียว เมื่อนั่งขบคิดหาเหตุผลคิดไปคิดมา ความคิดเดิม (อกุศลเป็นต้น) ก็ดับ เพราะได้ความคิดใหม่เป็นอารมณ์แล้ว...มันจึงหายอย่างที่ตนเองเข้าใจ แต่ภาวนามยปัญญาไม่เกิด
วันที่ 3 ก.พ. ก็เกิดปัญหาใหม่มาอีกคือ ฯลฯ แต่มีปัญหาตอนนั่งสมาธิพอกำหนดพองยุบไปได้ระยะหนึ่งร่างกายเริ่มหนักและแข็งๆก็กำหนดว่าหนักหนอแข็งหนอแล้ว....
ตรงนี้ถูกต้อง คือ กำหนดรู้อารมณ์ปัจจุบัน คือกายหนักและรู้สึกแข็งๆ แต่...ไม่ทันปัจจุบันอีก ...จิตมันก็คิดขึ้นมาสงสัยว่าสมาธิมากเกินสติหรือเปล่าก็เลยพยายามกำหนดใหญ่เลยแต่ก็ยังไม่หายและก็สงสัยแบบนี้สลับไปมาใจมักจะชอบพะวงว่าอย่าให้สมาธิมากเกินสติเลยวนเวียนอยู่
ไม่ทันปัจจุบันได้แก่ความสงสัยซึ่งเกิดขึ้น (วิจิกิจฉาซึ่งเป็น 1 ในนิวรณ์ 5) เลยกลายเป็นความฟุ้งซ่านบ้างความสงสัยบ้างเกิดสลับกันไปกันมา....
ที่ถูกคือ เมื่อรู้สึกว่า ร่างกายเริ่มหนักและแข็งๆ กำหนดว่า หนักหนอ ๆ แข็งหนอๆ ถูกต้องแล้วเพราะเป็นอารมณ์ความรู้สึกปัจจุบัน
-แต่ที่ไม่ทันความคิดปัจจุบันคือความสงสัยซึ่งเกิดซ้อนขึ้นมา ซึ่งเราคิดไม่ถึง
-เมื่อรู้สึกสงสัยในการเช่นนั้นให้กำหนดว่า สงสัยหนอๆๆ 3-4 ครั้ง หายไม่หายปล่อยไปไม่สนใจ ดึงความรู้สึกกลับไปกำหนดพองหนอ... ยุบหนอ เท่านี้ก็เป็นอันจบกระบวนการของมัน
-เมื่อรู้สึกตัวอีกว่า ร่างกายเริ่มหนักและแข็ง ๆ อีกแล้ว กำหนดว่า หนักหนอ ๆ แข็งหนอ ๆ เกิดความสงสัยขึ้น กำหนดว่าสงสัยหนอ ๆ คิดวนไปวนมา คิดหนอ ๆ ฟุ้งซ่านหนอ 3-4 ครั้ง หายไปหายปล่อยไป ดึงความรู้สึกตัวไปกำหนด พองหนอ ยุบหนออีก ก็เป็นอันจบกระบวนการของมันอีก...ทำแบบนี้แม้ในประเด็นอื่น ๆ
ฯลฯ ถ้าปัจจุบันของดิฉันมันมีแต่คิดบ้าง ทำงานบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ใจไม่เคยมากำหนดพองยุบเลยในระหว่างวัน ถือว่าทำถูกหรือผิดคะ (สงสัยมากๆ)
ตรงนี้แหละที่ถกเถียงกันจนเว็บ (...) เกือบล่มมาแล้ว
-ในระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน (ผู้เริ่มทำ) มันมีแต่คิดบ้าง ทำงานบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง....ก็ให้มีอารมณ์นี้ ๆ แหละเป็นอารมณ์ระลึกรู้ระหว่างวัน
-แต่ถ้าเมื่อนั่งทำเป็นกิจ ก็ต้องปฏิบัติอย่างที่กล่าวไว้
-ผู้ซึ่งทำการฝึกจิตจนกระทั่งมันเชื่องแล้ว จิตใจก็จะเกาะเกี่ยวกับพอง-ยุบเหมือนกันกับเค้าคนนั้น แม้ผู้นั้นเองก็เถอะนะ ถ้า..ในขณะทำงานประจำ จะหยิบจะฉวยสิ่งนั่นสิ่งนี้ เป็นต้น ก็ต้องมีสิ่งนั้นๆ เป็นอารมณ์ปัจจุบันเหมือนกัน เช่นว่า กำลังเขียนหนังสืออยู่ ดันไพล่ไปกำหนดพองหนอ ยุบหนอ อย่างนี้ถือว่าทิ้งอารมณ์ปัจจุบัน ....
ฯลฯ ท่านจะดึงจิตมาที่พองยุบทุกครั้งที่เผลอ .
อย่างนี้เกิดจากความเคยชิน (จิตเชื่องแล้ว) พอเมื่อสติอ่อนมันก็จะน้อมไป ณ ที่ ที่มันเคยชิน (ไม่เสียหายแต่อย่างใด) ต่อเมื่อใดสติสัมปชัญญะมีกำลังเพิ่มอีก (สติพละ) ก็จะคุมมันอยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน ซึ่งก็แล้วแต่สิ่งที่เราทำจะเป็นอะไร (ดังตัวอย่างผู้กำลังเขียนหนังสือก็อยู่กับเขียนเป็นต้น)
หมายเหตุ สติสัมปชัญญะเกิดจากการกำหนดรู้อารมณ์ต่อเนื่องนั่นเอง เมื่อกำหนดรู้ต่อเนืองยาวนาน กิเลสมีความฟุ้งซ่านเป็นต้น ก็เจาะเข้ามาภายในไม่ได้ เรียกว่า อารมณ์ไม่รั่ว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th