Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 จุนเย่อร์ หมาที่บ้านสงสัยจะบรรลุอร อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ศูนย์ฝึกพยศสัตว์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 9:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สังเกตุว่า เมื่อนำไปฝีกพยสมาแล้วมันก็ไม่ค่อยจะกินอะไร ไม่เห่าเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งไม่กัดใครเลยทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันดุมากเลย ขอบคุณท่านพุทธทาสมากค่ะ
 
จุนเยอร์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 9:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตัวนี้ค่ะ
 
จุนเย่อร์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 9:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอนนี้เป็นขี้เรื้อน
 
เกิด
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 9:41 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สัตว์เดรัจฉานไม่บรรลุธรรมหรอกครับท่าน (เป็นได้ก็หมาขี้เรื้อน)
 
จุนเย่อร์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 9:46 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณจะรู้ดีไปกว่าท่านปรมาจารย์พุทธทาสภิกขุหรือ บุคคลดีเด่นของโลกนะคะ



พุทธทาส:-สำหรับสัตว์เดียรฉาน ก็คือสัตว์เดียรฉานที่ไม่มีความร้อน ความร้อนของสัตว์เดียรฉานก็คือความร้ายกาจที่เป็นอันตรายแก่มนุษย์ นี่เรียกว่าความร้อน ถ้าสัตว์เดียรฉานนั้นได้รับการฝึกดี จนเป็นสัตว์ที่ดีไม่มีอันตรายอีกต่อไป หมดพยศร้ายแล้ว เช่น ช้างป่า วัวป่า ที่เอามาฝึกจนหมดพยศร้ายแล้ว ก็เรียกว่ามัน นิพพาน



แหล่งอ้างอิง:-นิพพานในชีวิตประจำวัน พุทธทาสภิกขุ หน้า ๒๒๕ บรรทัดที่ ๑๓



 
เกิด
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 10:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กำลังหาแนวร่วมต้านคำพูดของพุทธทาสฮะป่าว

หนังสือเล่มนี้ไม่เคยอ่านสักกะที

ถ้าเป็นอย่างนี้ก็น่าคิดหมักๆ
 
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 10:45 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





ผู้ตั้งกระทู้คงไม่คิดต่อต้านหรอก แต่มีเหตุผลส่วนตัว ฉะนั้นกระทู้นี้จึงต้องใช้วิจารณญานในการอ่านให้มาก



คำว่านิพพาน ในครั้งสมัยพุทธกาล หรือสมัยที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระชนชีพอยู่ คำว่า "นิพพาน" แปลว่า "เย็น" คนอินเดียจะใช้คำว่านิพพานที่สื่อความหมายในสิ่งของที่เย็น เช่น "อาหารนิพพานแล้ว" ก็คือ "อาหารเย็นแล้ว" "อาหารอุ่นแล้ว" "อาหารไม่ร้อนแล้ว"



"นิพพานในชีวิตประจำวัน" เมื่อไรที่จิตใจเย็นสบายไม่ทุกข์ร้อน เมื่อนั้นเราก็เข้าสู่นิพพาน แต่ยังไม่ได้หมายความว่านิพพานดังกล่าวนั้น เป็นเช่นเดียวกันนิพพานของพระอริยเจ้า ยังห่างไกลอีกมาก เพียงแค่ได้สัมผัสกับไอเย็นเท่านั้น เช่นบ้านเราได้รับอิทธิอากาศหนาวจากประเทศจีน สมมติว่าประเทศจีนเป็นศูนย์กลางของนิพพานคือจุดเยือกเย็น เมืองไทยก็สามารถสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นนั้นได้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่จุดศูนย์กลางของอากาศหนาวเย็นนั้น



เรื่องนิพพานของคนและสัตว์ธรรรดา ที่มิใช่พระอริยเจ้าก็เช่นนั้นเหมือนกัน นิพพานคือความเย็นปุถุชนหรือสัตว์ดิรัจฉานสามารถสัมผัสหรือเข้าถึงได้ แต่มิใช่เต็มบริบูรณ์และมั่นคงถาวรเหมือนกับที่พระอริยเจ้าได้ทรงสัมผัสและเข้าถึง



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 10:53 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้อควรระวังในนำข้อความของท่านพุทธทาส ไปโพสหรือสนทนาในที่ต่างๆ

คนที่จะนำไปโพสนั้นควรมั่นใจว่าสามารถพอจะเข้าใจสิ่งที่ท่านพุทธทาสสื่อออกมา

เพื่อว่าเมื่อมีคนแย้งจะสามารถอธิบายเหตุและผลให้เค้านั้นๆ เข้าใจได้

ยิ่งถ้าคนโพสไม่เข้าใจและมีอารมณ์ต่อคำพูดที่ค้านออกมานั้น ก็ยิ่งทำให้มีการถกเถียงเกิดขึ้น



อีกอย่างการที่จะข้อความของท่านพุทธทาสไปโพสนั้น ควรโพสให้ครบอ่านแล้วเข้าใจ

และความแยกว่านี่ของท่านพุทธทาส และนี่คือความคิดเห็นส่วนตัว



ผมในฐานะเป็นคนกลาง ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางของท่านพุทธทาส แต่เคยอ่านเคยศึกษาแนวทางของท่านมาก่อน ก็พอจะทราบแนวทางการสอนของท่าน ส่วนใหญ่ที่ถกเถียงกันนั้นเกิดจากความเข้าใจเพราะตีความหมายกันไม่ค่อยถูก และที่สำคัญมีอคติซึ่งเป็นตัวปิดกั้นเหตุผล



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
จุนเย่อร์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 11:19 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอนนี้มันกินเก่งขึ้นค่ะ แต่แปลกเกิดชอบกินโค๊กขึ้นมาเฉยเลย
 
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 11:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก็สัตว์มันยังไม่ถึงนิพพานที่พระอริยเจ้าท่านถึงสิ เป็นเพียงนิพพานที่ยังขึ้นๆ ลงๆ วาสนาของสัตว์ดิรัจฉานนั้นไม่สามารถบรรลุนิพพานเหมือนดังพระอริยเจ้า แต่มนุษย์อย่างเราๆ ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ มีอะไรที่เหนือว่าสัตว์ทั้งร่างกายและสติปัญญา สามาถบรรลุถึงพระนิพพานเหมือนดังที่พระพุทธเจ้าและพระอริยเจ้าทรงถึงแล้ว (แต่ถ้าทำอะไรที่เหมือนสัตว์ดิรัจฉาน แม้กายเป็นคน แต่ใจเหมือนสัตว์)



ฉะนั้นเราจึงสัตว์ดิรัจฉานทั้งหลาย สิ่งใดดีเราก็นำมาเป็นครูสอน สิ่งใดไม่ดีเราก็ไม่ทำตาม เพราะถ้าเราทำตามสัตว์ เราจะแย่กว่าสัตว์ตัวนั้นหลายๆ เท่าๆ น่ะ



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
จุนเย่อร์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 11:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วันก่อนมีโขมยเข้าบ้าน แม้โจรมันยังไม่กัดเลยค่ะ
 
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 12:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าเป็นเช่นั้น ก็ชั่งเป็นสัตว์ดิรัจฉานที่ประเสริฐจริงๆ



สัตว์ดิรัจฉาน ไม่สามารถแยกออกว่าอะไรดีไม่ดี ควรไม่ควร เมื่อแยกไม่ออกสัตว์ดิรัจฉานจึงทำความดีอย่างที่มนุษย์ทำไม่ได้ ทำได้ก็เพียงบางอย่าง แต่ต้องอาศัยคนฝึก เมื่อตอนเที่ยงดูข่าวเที่ยงวันช่อง 3 มีหมาตัวหนึ่ง เจ้าของเป็นแม้ค้าขายของอยู่ที่น้ำตกแห่งหนึ่ง หมาตัวนี้มีนิสัยแปลกจากตัวอื่นๆ คือเมื่อมีนักท่องเที่ยวที่มักง่ายทิ้งขยะพวกถุง กล่องโฟมลงไปในแม่น้ำ หมาตัวนี้ก็จะวิ่งลงไปเก็บขึ้นวางไว้บนบกทันที ที่หมาตัวนั้นทำเช่นนั้นได้เพราะเจ้าของเป็นคนรักความสะดวกและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ได้เลี้ยงหมาตัวนี้และฝึกให้มันเก็บขยะตั้งแต่เล็กๆ จึงทำให้หมาตัวนี้มีนิสัยเช่นนั้น



มนุษย์เรามีจิตสำนึกดีกว่าหมา และสัตว์ดิรัจฉานอื่นๆ สามารถคิดนึกว่าสิ่งใดดีไม่ดี ควรไม่ควร ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง เบียดเบียนคนอื่นสัตว์อื่นหรือไม่ มนุษย์มีจิตสำนึกอย่างนี้ และสามารถฝึกฝนตัวของตัวเองได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรอให้คนอื่นตักเตือนหรือแนะนำสั่งสอน แต่ถ้ามนุษย์ใดไม่มีจิตสำนึกว่าอะไรควรไม่ควร และทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ บุคคลเหล่านั้นก็ต้องดูสัตว์ดิรัจฉานที่ได้รับฝึกฝนให้ดีแล้ว เป็นตัวอย่าง เป็นครู ว่าแม้แต่สัตว์ดิรัจฉานที่ไม่จิตสำนึกชั่วดี ยังสามารถฝึกให้กลายเป็นสัตว์ดีที่มีประโยชน์ต่อสังคมได้



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
เกิด
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 2:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นหมาไม่ทำหน้าที่หมา ก็เปนหมาที่ใช้ไม่ได้ เหมือน ๆ คนไม่ทำหน้าที่คน ก็เป็นคนที่ใช้ไม่ได้....เช่น พ่อไม่ทำหน้าที่พ่อ ก็เปนพ่อที่ใช้ไม่ได้ แม่ไม่ทำหน้าที่แม่ ก็เปนแม่ได้แค่อุ้มท้อง ลูกไม่ทำหน้าที่ลูก ก็เปนลูกที่ไม่สมบูรณ์เป็นต้น



 
จุนเย่อร์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 4:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แสดงว่าคุณสายลม เล่นเน็ทไปดูโทรทัศน์ไปแน่เลย พอดีดูอยู่พอดีเหมือนกันค่ะ ขอบคุรค่ะที่กรุณาให้โพสต์................... ไปเรื่อย
 
ทิคัมพร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 ม.ค. 2006, 1:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พึ่งฝึกได้ตัวเดียวอย่าพึ่งตีขลุมว่าเป็นเพราะอะไร อาจฟรุคก็ได้

หรือหมามันเดินไปเจอเทวดาที่ผ่านมาแล้วได้ฟังธรรมก็ได้

พอฟังธรรมจากเทวดาแล้ว มันสำนึกได้เพราะธรรมนั้น

แถวบ้านผมมีหมาเถื่อนอยู่60ตัว ลองเอาไปทดลองดูไหมครับ

ผมเอาไปส่งให้ถึงที่........ช่วยแบ่งไปดูแลหน่อย
 
บัวเบลอ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 ม.ค. 2006, 1:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



........
 
เฉยๆก็ดีอยู่แล้ว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 ม.ค. 2006, 10:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

"หมดพยศร้ายแล้ว เช่น ช้างป่า วัวป่า ที่เอามาฝึกจนหมดพยศร้ายแล้ว ก็เรียกว่ามัน นิพพาน"



นิพพาน ความหมายที่ตรงตัวที่สุดในพระพุทธศาสนานั้น มีความหมายเดียวกับส่วนของ.... โลกุตตรภูมิ ซึ่งเป็นโลกุตตรธรรม

โลกุตตรภูมิ ไปถึงได้ด้วย ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เท่านั้น จำแนกใหม่ ป็นอริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏ,ฐิ...สัมมาสติ สัมมาสมาธิ

นิพพาน จึง ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา โดยเฉพาะในส่วนของปัญญา ต้องละสังโยชน์ ๑๐ ได้

หมาตัวนั้น หากละสังโยชน์ ๑๐ ได้ และนิพพานแล้ว ผมก็ยินดีกราบไหว้ครับ

ว่าแต่ว่า ท่านผู้สอนทราบไหมว่า สังโยชน์ ๑๐ มีอะไรบ้างครับ

...

เฉลยเลยก็แล้วกัน ครับ

สังโยชน์ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ มี ๑๐ อย่าง คือ ก.โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ ได้แก่ ๑.สักกายทิฏฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน ๒.วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ๓.สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลพรต ๔.กามราคะ ความติดใจในกามคุณ ๕.ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งในใจ ข.อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง ๕ ได้แก่ ๖.รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต ๗.อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม ๘.มานะ ความถือว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่ ๙.อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน ๑๐.อวิชชา ความไม่รู้จริง; พระโสดาบัน ละสังโยชน์ ๓ ข้อต้นได้, พระสกิทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ ๔ และ ๕ ให้เบาบางลงด้วย, พระอนาคามี ละสังโยชน์ ๕ ข้อต้นได้หมด, พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ข้อ; ในพระอภิธรรมท่านแสดงสังโยชน์อีกหมวดหนึ่ง คือ ๑.กามราคะ ๒.ปฏิฆะ ๓.มานะ ๔.ทิฏฐิ (ความเห็นผิด) ๕.วิจิกิจฉา ๖.สีลัพพตปรามาส ๗.ภวราคะ (ความติดใจในภพ) ๘.อิสสา (ความริษยา) ๙.มัจฉริยะ (ความตระหนี่) ๑๐.อวิชชา



วิธีการทดสอบการนิพพานของ หมาตัวนี้

หนึ่ง ลองเอาไม้ ไปตี หรือ เหยียบหางเหยียบขา หากมันสู้และกัดตอบ แสดงว่า ยังมีสักกายทิฏฐิ อยู่ ลองแย่งอาหารของมันดู ก็ได้ ฯลฯ

สอง ลองดูว่ามันมีศีลกี่ข้อ ลักขโมยทรัพย์ผู้อื่นไหม ฆ่าสัตว์อื่นๆอีกไหม ฯลฯ

สาม มีไตรสรณคมไหม?

สี่ ติดใจในรูป หรืออรูปไหม?

ห้า มันรู้ในอริยสัจ กรรม และวิบากกรรม?

...

ไว้เดือน ๑๐ เดือน ๑๑ หากหมาตัวนี้ ไม่ติดสัตว์ ไม่ผสมพันธุ์ (แม้ขี้เรื้อนไม่หายก็เถอะ) แล้วค่อยมาดูต่อกันว่า มันนิพพาน หรือยัง

...

คำถามมีว่า ผู้สอนรู้จัก นิพพาน จริงๆ?

เพราะคำว่า "วิทยาศาสตร์" กับ "ปรัชญา" ก็อาจยังไม่รู้จักจริงๆก็เป็นได้

แล้วจะรู้จัก "นิพพาน" ที่สูงกว่า วิทยาศาสตร์และปรัชญาได้?
 
มาม่าซัง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 ม.ค. 2006, 10:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ร้อน เป็นอย่างไร เย็นเป็นอย่างไร คำบางคำ เป็นนามธรรมอธิบายให้เข้าใจได้ยาก



อย่างคำว่าร้อน จะอธิบายอย่างไรให้รู้ว่าคือร้อน??



แต่ถ้าเอานิ้วจุ้ม น้ำร้อน รู้เลย ไม่ต้องอธิบาย



แต่ร้อนของแต่ละคนก็รู้สึกไม่เท่ากัน



นิพพานก็คงเหมือนกัน จริงๆก็มีตั้งหลายอย่างนี่ นิพพานชิมลาง ท่านพุทธทาสก็ได้กล่าวไว้



แต่ถ้าจะหมายถึงสภาวะธรรมจริงๆ ว่าหลุกพ้นกิเลส คงเป็นอีกอย่าง



เพราะนิพพานแปลว่าเย็น ทุกคนๆก็นิพพานชิมลางได้ แต่ไม่ได้ตลอดเวลาอะ เรามองแบบนี้นะ



ต้องแยกคำว่า นิพพานให้ออกก่อน
 
ก่อนจะแยกและตีความ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.พ.2006, 10:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนสิ่งใด และพุทธทาส สอนอะไร

จึงจะแยกได้?
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง