Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
  "สันติ" ที่เกิดขึ้นในบางครั้ง ใครรู้วิธีทำให้มันเ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
งง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2006, 1:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่รู้เรียกว่า สันติ หรือเปล่า ใครเข้าใจเหมือนกันช่วยแนะนำด้วย
 
เบ๊ท่าน ฯ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2006, 2:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าใช่ สันติ ความสงบเย็น ที่มันหยุดไปคงเป็นเพราะ ความสงสัยแปลกใจ ในสังโยชน์ 10นะครับ ผมว่านะ (ไม่รู้อันเดียวกันหรือเปล่า)
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2006, 3:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดีคุณ งง



ในพระโอวาทปาฏิโมกข์ คราวจาตุรงคสันนิบาตในวันมาฆฤกษ์ พระพุทธเจ้าทรงย่นย่อคำสั่งสอน ของพระองค์ลงเหลือเพียง ๓ ประโยค คือ ละบาป บำเพ็ญบุญ และชำระจิตให้ผ่องใส การละบาปก็คือการละอกุศลธรรมนั่นเอง กล่าวคือเพียรระวังไม่ให้บาปอกุศลเกิดขึ้นในสันดาน และเพียรละบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไป ส่วนการบำเพ็ญบุญนั้นก็คือการประกอบหรือ ประพฤติปฏิบัติกุศลธรรม น้อมนำกุศลธรรมเข้ามาสู่ตนนั่นเอง กล่าวคือ เพียรให้กุศลเกิดขึ้นในสันดาน และเพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อม คอยประคับประคองให้กุศลเหล่านั้นเจริญเติบโต สมบูรณ์เต็มภาคภูมิ และการชำระจิตให้ผ่องใสก็คือการชำระจิตให้ปราศจากนิวรณ์





เครื่องทำ จิตให้เศร้าหมอง ๕ ประการ คือความใคร่ในกาม ความโกรธเคืองอาฆาต ความหดหู่เคลิบเคลิ้ม ความฟุ้งซ่านตื่นเต้นรำคาญใจ และความสงสัยลังเลใจ เมื่อจิตผ่องใสปราศจากนิวรณ์แล้ว ย่อมเข้มแข็งมีพลังให้รู้ชัดถึงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และความไม่มีตัวตน บังคับไม่ได้ของรูปและนาม และเพ่งตรงต่อสันติ หรือความสงบ เพื่อความสิ้นสุดแห่งรูปนาม เพื่อยุติการเวียนว่ายตายเกิด เพื่อความหลุดพ้น เพื่อนิพพาน การที่จะละบาปบำเพ็ญบุญและชำระจิตให้ผ่องใสได้ผลสมบูรณ์เต็มที่ ต้องอาศัยความเพียร สมดังพุทธภาษิตว่า ผู้ที่จะล่วงทุกข์ได้ก็เพราะความเพียรดังนี้





คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ ๓ คือ ประโยชน์ปัจจุบัน ประโยชน์อนาคต และประโยชน์สูงสุดหรือปรมัตถประโยชน์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวโร เจริญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส เคยกล่าวไว้ว่า ประมาณร้อยละแปดสิบของคำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้า เป็นไปเพื่อปรมัตถประโยชน์






.....สรุป.....ท่านผู้ปฏิบัติท่านย่อมทราบได้ด้วยตนเองว่า อารมณ์ใดกระทบเดี๋ยวนั้น ดับเดี๋ยวนั้น เพราะมันเป็นธรรมชาติของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปอย่างไร้แก่นสารของจิต เจตสิก กับรูป ไม่ต้องมานั่งเจริญเมตตาหรืออโหสิกรรมต่อกันอีก ไม่ต้องข่มอารมณ์ให้เกิดเป็นห่วงโซ่ทั้งกรรมดีและกรรมชั่วอีกต่อไป.....





ธรรมะสวัสดี





มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
อิคิว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2006, 7:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สันติ หรือ สติ ครับ

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ถ้าเป็นสภาพธรรมแล้วมันไม่เที่ยง เกิดแล้วดับรวดเร็วมาก
 
แวะมาอีกครั้ง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 ม.ค. 2006, 1:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พวกเขาหมายถึง อาการที่คล้ายกับมีลมหมุนอยู่ในอก (สันติ) ขณะอ่านหรือท่องหนังสือธรรม มากกว่าครับ
 
เหมือนกันเลย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 ม.ค. 2006, 10:37 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

( ...... ) กับ สันติ ขอจำไว้ก็แล้วกันครับ แต่จะบอกกล่าวสิ่งใดให้ระวังไว้บ้าง แต่ถ้าโพสไว้คงไม่เป็นไรมั้ง ผมว่านะ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง