Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สรุปๆ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ดำจังแก
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 08 ธ.ค.2005, 9:05 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





มีสติดูจิตคิดอะไรจิตจะมาจะไปก็ให้เห็น



จิตจะขึ้นจะลงปลงให้เป็น ให้ตามเห็นตามดูอยู่ทุกวัน



แล้วมาดูสติซิของใคร ประเดี๋ยวมีประเดี๋ยวหายใครจัดสรร



ดูกันมาดูกันไปของใครกัน ไม่ใช่ของใครทั้งนั้นก็หยุดดู



ดูอะไรๆก็ไม่มี ที่มีอยู่เดี๋ยวนี้มีแต่รู้



ถ้าปล่อยให้มันว่างต่างไม่ดู ทั้งตัวรู้ตัวดูก็หายไป



 
ดำจังแก
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 08 ธ.ค.2005, 9:20 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สิ่งทั้งหลายมีอยู่เพราะว่ามีตัวรับรู้ จิตมีอยู่ก็เพราะว่าสิ่งทั้งหลายมีอยู่

ขอจงได้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งทั้งสองนี้ และความจริงพื้นฐาน

นั่นคือความเป็นหนึ่งแห่งความว่าง

ชั่วขณะแห่งความเห็นแจ้ง เราเป็นอิสระจากเครื่องจองจำ ไม่มีสิ่งใดมายึดเกาะเรา

และเราก็ไม่ยึดเกาะต่อสิ่งใด ทุกสิ่งว่าง ชัดเจน และแจ่มแจ้งในตัวของมันเอง

โดยที่จิตไม่ต้องใช้พลกำลังแต่อย่างใด

ณ ที่นี้ ความคิด ความรู้สึก ความรู้และจินตนาการ ไร้คุณค่าโดยสิ้นเชิง

เมื่อเธอพยายามหยุดการกระทำ เพื่อจะได้ถึงความหยุดนิ่ง

ความพยายามของเธอนั่นแหละ ที่ทำให้เธอเต็มไปด้วยการกระทำ

การปฎิเสธความจริงของสรรพสิ่ง เป็นการพลาดไปจากความจริงนั้น

การยืนยันถึงความว่างของสรรพสิ่ง ก็เป็นการพลาดไปจากความจริงนั้น



 
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 08 ธ.ค.2005, 12:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



ฝนตกลงมากระทบหลังคาสังกะสี



เสียงดังหนวกหูรบกวนประชาชี



จะก่นด่าใครดีระหว่างฝนกับหลังคา



สรุปว่า คนฟังเองนี่ที่รบกวน (ธรรมชาติ)





อิอิ ... นางยักษ์กลับใจมาพล่ามเพ้อยามบ่ายเจ้าค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ความกลวง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 08 ธ.ค.2005, 3:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความจริงนั้นคืออะไรล่ะ อิอิอิ
 
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 08 ธ.ค.2005, 6:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





ของจริงคือสิ่งที่เกิดโดยธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการคิดปรุงแต่งจากมนุษย์



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 08 ธ.ค.2005, 8:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



" การคิดปรุงแต่งจากมนุษย์ " ไม่ใช่ธรรมชาติอย่างหนึ่งหรอกหรือ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
new
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532

ตอบตอบเมื่อ: 08 ธ.ค.2005, 8:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สุดยอดครับ เจ๋งมาก ไม่ทราบว่า กลอนข้างบนนั้นของใครครับ อ่านแล้วคิดตาม แจ๋วจริง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 09 ธ.ค.2005, 8:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การคิดปรุงแต่งของมนุษย์ กล่าวทางปรมัตถสัจจะ ก็เป็นความจริงอย่างหนึ่ง เพราะมนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ



แต่ที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้น เพื่อให้รู้ว่าความจริงในส่วนที่เป็นธรรมชาติแท้ ที่ไม่มีความคิดปรุงแต่งของมนุษย์เพิ่มเติม หรือสร้างรูปนั้นๆ ขึ้นมา



ในตัวความคิดของมนุษย์ก็แบ่งออกเป็นสองประเภท

ประเภทแรก เป็นความคิดที่ไม่ก่อให้เกิดกิเลสตัณหา และความทุกข์

ประเภทสอง เป็นความคิดที่ก่อให้เกิดกิเลตัณหา และความทุกข์ คือความนั้นมีอำนาจของกิเลสตัณหาเป็นตัวนำทาง



แม้ว่าความคิดทั้งสองประเภทจะจัดอยู่ในที่เรียกว่าธรรมชาติ แต่ผลกระทบนั้นแตกต่างกัน จึงไม่ควรละเลยในการให้ความสนใจความคิดประเภทที่สองเป็นพิเศษ



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ปูคุง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 ธ.ค.2005, 12:28 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



อาการ คิดได้ คิดเป็น เป็นธรรมดาของมนุษ์อย่างหนึ่ง

การคิดเป็น กับ การคิดผิด และคิดถูก ก็เป็นธรรมดาของมนุษย์อย่างหนึ่ง

การคิดว่าไฟนั้น เย็น จึงจุดเผาตัวเอง

แม้จะเป็นธรรมดาของความคิด...

แต่ก็เป็นความคิดที่ผิด เพราะเหตุว่า ไม่รู้จักธรรมดาของไฟ

...

บาป บุญ กิเลส กรรม วิบาก ฯลฯ ก็เป็นธรรมดาอย่างหนึ่ง

การคิดว่า ไม่มี บาป บุญ ฯลฯ ก็เป็นความคิดอย่างหนึ่ง

การคิดว่า มี บาป บุญ ฯลฯ ก็เป็นความคิดอย่างหนึ่ง

ต่างกันแต่เพียงว่า ความคิดอันหนึ่งมิจฉาทิฎฐิ อันหนึ่ง สัมมาทิฏฐิ

การคิด จึงอาจไม่ใช่การนำไปสู่ความรู้ที่แท้

แต่การรู้ และเข้าใจ ก็ไม่ใช่ "ปัญญา"

เพราะการรู้ และเข้าใจอริยมรรคมีองค์แปด ก็ใช่ว่าจะบรรลุมรรคผลนิพพานได้

เพราะมรรคผลนิพพานนั้น ต้องการปัญญา ปัญญาที่รู้เท่าทันธรรมดาของจิต ที่คิดปรุงแต่ง และเกิดดับ ทุกขณะ

สติ เป็นประตูสู่ปัญญาวิมุติ ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา

"มหาสติปัฏฐานสี่"นี้คือ คำตอบ

ชื่อว่าธรรมดา เพราะเป็นสภาวะธรรม เพราะเป็นเช่นนั้นเอง เพราะตถาคตา

สาธุๆๆ

 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง