Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 นิทานชาดก...บรมจักรพรรดิผู้ทรยศ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 10:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



733733.jpg


เอื้อเฟื้อข้อมูลโดย



ชมรมพัฒนาจริยธรรมและคุณธรรม พระจอมเกล้าลาดกระบัง


http://patji.net/patji-club/index.php?option=com_wrapper&Itemid=40









แนะนำหนังสือโดย Webmaster



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 10:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรุงศรีอยุธยาหรือที่เราเรียกกันว่า “กรุงเก่า” เมืองแห่งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ในอดีต ทั้งด้านพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรม การค้าพาณิชย์ และการเมืองการปกครอง ซากปรักหักพังของโบราณสถาน วัดอาราม และสิ่งก่อสร้าง ครั้งที่ถูกพม่าเผาทำลายทิ้งอย่างไร้ความปรานี แม้นพระพุทธรูปอันเป็นตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมา-สัมพุทธเจ้าก็ถูกเผาทำลายสิ้น ร่องรอยแห่งความสูญเสียเอกราชของกรุงศรีอยุธยายังปรากฏให้อนุชนรุ่นหลัง ได้ระลึกถึงประวัติศาสตร์อันเกิดจากความอ่อนแอของกษัตริย์ผู้ครองราชย์ และความแตกแยกไร้สามัคคีในหมู่เสนาบดี ข้าราชบริพารของกรุงศรีอยุธยาครั้งนั้น หลายครั้งที่ผู้เขียนได้เดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้เขียนมักหวนคิดถึง “เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา” ซึ่งมีข้อความตอนท้ายบอกไว้ว่า “พระนารายณ์เป็นเจ้านพบุรีทำนายกรุง” เพลงยาวเรื่องนี้นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดพิสดารอย่างมาก เนื่องด้วยเป็นบทพระราชนิพนธ์เพลงยาวที่พยากรณ์อนาคตบ้านเมืองไปในทางวิบัติ และถือได้ว่าเป็นเพลงยาวการเมืองฉบับแรกของประวัติศาสตร์ไทยด้วย เริ่มต้นของ บทพระราชนิพนธ์กล่าวถึงกรุงศรีอยุธยา เมืองแห่งพระพุทธศาสนาอันรุ่งเรืองและสงบสุข ทุกประเทศใกล้ไกลล้วนพากันสรรเสริญร่ำลือในความสุขสบายอันมีอยู่ทั่วแผ่นดิน แต่เกิดอาเพศภัยพิบัติวินาศฉิบหายเพราะกษัตริย์มิได้ทรงทศพิธราชธรรม...



กรุงศรีอยุธยานั้นสมบูรณ์

เพิ่มพูนด้วยพระเกียรติขจรจบ

อุดมบรมสุขทั้งแผ่นพิภพ

จนครบศักราชได้สองพัน



คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย

จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น

ด้วยพระมหากษัตริย์มิได้ทรงทศพิธราชธรรม์

จึงเกิดเข็ญเป็นมหัศจรรย์สิบหกประการ



เพลงยาวพยากรณ์นี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงวิเคราะห์วิจารณ์ว่า พระนารายณ์มิใช่เป็นผู้พยากรณ์ หากแต่อ้างตามคำพยากรณ์ ที่มีอยู่แล้วในมหาสุบินชาดก ซึ่งกล่าวถึงพระสุบินนิมิตประหลาด ๑๖ ประการ ของพระเจ้าปเสนทิโกศล เมื่อครั้งที่ได้ไปเฝ้าและทูลถามพระพุทธเจ้า และพระพุทธองค์ก็ตรัสว่า เหตุร้ายเหล่านั้นจะเกิดขึ้นจริง แต่จะยังมิได้เกิดขึ้นเวลานี้ แต่จะเกิดเมื่อกษัตริย์มิได้อยู่ในทศพิธราชธรรม พร้อมกับได้พระ-ราชทานพุทธพยากรณ์ทีละข้อจนครบ ๑๖ ข้อ



ตามที่ผู้เขียนได้เคยศึกษาจากพระไตรปิฎก เรื่องการครองแผ่นดินของกษัตริย์ ก็มักจะพบว่าพระพุทธองค์ได้ให้หลักธรรม สำคัญหลายเรื่อง ซึ่งล้วนปรากฏอยู่ในพระสูตรต่างๆ เช่น กูฏทันตสูตร ซึ่งกล่าวถึงการบูชายัญ การประสานสัมพันธ์และการครองใจไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ข้าราชบริพารในระดับต่างๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการบริหารบ้านเมือง หนังสือ “วิปัสสนาทีปนี” ของพระพรหมโมลี(วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) ท่านได้รจนาไว้ถึงลักษณะของกษัตริย์ผู้ไร้ทศพิธราชธรรมว่า ต้องประสบกับความวิบัติสูญสิ้นอำนาจวาสนา ในเรื่อง “พระมันธาตุราชบรมจักรพรรดิ” โดยผู้เขียนได้นำมาคัดย่อเรื่องและคงไว้ซึ่งความไพเราะของภาษาไทยแบบดั้งเดิมมีความดังต่อไปนี้



ในอดีตกาลนานมาแล้ว ยังมีสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง เสด็จมาอุบัติในโลก ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้ามันธาตุราชบรมจักรพรรดิ พระองค์ทรงมีบุญญาภิหารมาก เสด็จไปยังทวีปต่างๆ ได้โดยนภากาศ ด้วยอำนาจจักรแก้วอันเป็นจักรพรรดิสมบัติของท้าวเธอ คราวหนึ่งได้เสด็จไปในทวีปทั้ง ๓ คือ อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีป และอมรโคยานทวีป หมู่มนุษย์ทั้ง ๓ ทวีปนั้น ครั้นได้ทราบว่าชมพูทวีปอันเป็นที่อยู่แห่งสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิผู้มาเยือน เป็นทวีปที่มีความสนุกสนานยิ่งนัก เป็นอุดมมงคลภูมิสถาน คือเป็นที่ทรงอุบัติเกิดขึ้นแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกของพระพุทธเจ้า และสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิ ก็มีความปรารถนาใคร่จะมาเห็นชมพูทวีปนี้ จึงได้พร้อมใจกัน ติดตามพระบรมจักรพรรดิมาโดยนภากาศ ด้วยอำนาจจักรรัตนะของพระองค์ จนกระทั่งถึงชมพูทวีปแล้ว ก็ถูกจัดให้พักอยู่ตามอัธยาศัยในสถานที่ต่างๆ ได้รับความสะดวกสบายทุกประการ โดยยังไม่ได้กำหนดวันกลับทวีปอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตน



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 10:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



695695.jpg


พระเจ้ามันธาตุบรมจักรพรรดินี้ ท้าวเธอเกิดเป็นมนุษย์สมัยมหัศจรรย์ เพราะทรงมากไปด้วยกฤดาภินิหาร ทรงชอบท่องเที่ยวทัศนาจร เมื่อทรงจัดที่พักให้แก่มนุษย์ผู้ติดตามมาจากทวีปทั้ง ๓ แล้ว ก็ทรงทราบข่าวว่า สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา อันเป็นที่อยู่ของเหล่าเทพยดาทั้งหลาย เป็นที่น่ารื่นรมย์ใจ น่าท่องเที่ยวมากกว่าสถานที่ต่างๆ ด้วยพระทัยรักในการท่องเที่ยว พระองค์จึงเสด็จไปยังสรวงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาทันใด



คราที่นั้นท้าวมหาราชทั้ง ๔ ซึ่งเป็นองค์อธิบดีผู้เป็น ใหญ่ในจาตุมหาราชิกาสวรรค์ จึงพากันมาต้อนรับสมเด็จพระบรมจักรพรรดิ แล้วทรงนำไปชมสวรรค์สมบัติในที่ทั้งมวล มิหนำซ้ำกลับทรงชักชวนให้เสวยเทวสมบัติบนสวรรค์นั้นเสียอีก ซึ่งพระองค์ก็มิได้ทรงปฏิเสธ เพราะสมบัตินั้นเป็นสมบัติอันน่าภิรมย์ชมชื่นมากกว่าสมบัติอื่นใดในโลกมนุษย์อย่างเหลือเกิน เป็นที่พอพระราชหฤทัยยิ่งนัก พระองค์ทรงหลงใหลใฝ่ครองเทวสมบัตินั้น จนทรงมีพระทัยฟั่นเฟือนหลงลืมพระนครของตนในชมพูทวีปนี้อยู่นานหนักหนา แล้วชักจะทรงมีพระทัยเบื่อระอาในเทวสมบัตินั้นขึ้น จึงกล่าว อำลาท้าวมหาราชทั้ง ๔ และทรงถามว่า ยังมีสถานที่ที่รื่นรมย์ยิ่งกว่านี้ที่ไหนอีกบ้าง? ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ จึงตอบว่า



“ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงบุญญฤทธิ์!..สถานที่อันดีเลิศน่ารื่นรมย์ที่ไหนเล่า จักเท่าสรวงสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ ก็เทวโลก ชั้นไตรตรึงษ์นั้นงดงามวิจิตรพิสดารเป็นหนักหนา มีรมณีย-สถานที่เที่ยวหลายแห่งประเสริฐกว่าสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาของพวกข้าพเจ้าเป็นอันมาก”



ครั้นเมื่อสดับเช่นนั้น ก็ทรง กล่าวอำลามอบเทวสมบัติคืนให้แก่ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ แล้วก็ทรงจรลีเหาะขึ้นไปด้วยจักรรัตนะ บ่ายพระพักตร์ไปยังสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ เมื่อเสด็จไปถึงเทพนคร ขณะนั้นความก็ทราบถึงสมเด็จพระอมรินทรเทวาธิราช ผู้ทรงเป็นอธิบดีอยู่ใน สรวงสวรรค์ชั้นนั้น พระองค์ก็เสด็จออกมาต้อนรับเชิญชวนพระบรมจักรพรรดิให้เสด็จไปเที่ยวชมทิพยสมบัติอันวิจิตรโอฬารต่างๆ แล้วก็ถวายสมบัติให้ครอบครองกึ่งหนึ่ง ซึ่งพอพระเจ้ามันธาตุราชทรงรับทิพยสมบัติ พระสรีระร่างของพระองค์ก็กลับกลายเป็น เทพบุตรสุดโสภา ทรงมีรูปร่างหน้าตาเหมือนองค์สมเด็จพระสหัสเนตรอมรเทเวศร์ผู้ทรงฤทธิ์ไม่ผิดเพี้ยน เว้นแต่ทรง มีอาการกะพริบเนตรเท่านั้น ครั้นพระองค์กลายเป็นเทพบุตร ได้ครอบครองทิพยสมบัติบนสรวงสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ไปเช่นนั้น ปรินายกรตนะ(ขุนพลแก้ว)ของพระองค์ก็พาเอาจักรรัตนะกลับมายังโลกมนุษย์ในชมพูทวีปตามเดิม



เมื่อพระองค์ครองทิพยสมบัติสิ้นกาลช้านาน มีเทพบริวารคอยรับใช้ มิให้ทรงอนาทรร้อนใจแต่ประการใดเลย ถึงกระนั้นกามตัณหาความทะยานอยากในเบญจกามารมณ์ อันหมักหมมอยู่ในจิตก็แผลงฤทธิ์ให้พระองค์ทรงคิดไปในทางอกุศลว่า



“การที่เราได้เสวยทิพยสมบัติแต่เพียงกึ่งหนึ่งในเทพนครนี้ ยังไม่สมควรแก่บุญบารมีของเรา อย่ากระนั้นเลย เราจักฆ่าท้าวสักกเทวาธิราชให้ตายเสีย แล้วเป็นเทพยเจ้าครอบครองเทวสมบัติบนสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์นี้แต่เพียงผู้เดียว ดีกว่า”



ก็เทวศักดิ์ตำแหน่งสมเด็จพระอมรินทราธิราช ซึ่งเป็นอธิบดีเทพยเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ในสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์นี้ เป็นตำแหน่งของผู้มีบุญวาสนาเหมาะสมเท่านั้น จึงมีโอกาสอุบัติครอบครองได้ และเมื่อผู้มีบุญอันตนได้สร้างเอาไว้ผู้ใดมาครองตำแหน่งนี้ไซร้ ย่อมจะดำรงมั่นไปจนกว่าจะหมดผลวิบากแห่งบุญกุศลที่ตนสร้างเอาไว้ จึงจะจุติไปเกิดในภูมิอื่นตามยถากรรม แต่ในระหว่างที่ยังไม่หมด บุญนี้ ท่านที่ดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระอมรินทราธิราช ย่อมจะทรงเสวยเทวสมบัติอันประเสริฐได้อย่างปลอดภัย ได้รับความสุขสำราญ ใครจะมาคิดปฏิวัติทำสงครามสัมประหาร แย่งชิงเอาตำแหน่งไปครองเหมือนอย่างกระทำกันในมนุษยโลกนี้ไม่ได้ เพราะเป็นตำแหน่งเกี่ยวกับบุญกุศลของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ ฉะนั้นสมเด็จพระอมรินทราธิราชจึงไม่มีเทพยดาองค์ไหนบังอาจคิดฆ่า ถึงจะฆ่าก็หาทรงตายไม่ หากว่าพระองค์ยังไม่หมดบุญ! แต่ถ้าทรงหมดบุญแล้ว ถึงแม้ไม่มีใครคิดฆ่าก็ต้องทรงจุติตายไปตาม ยถากรรมธรรมดาของเทวโลกเป็นอยู่อย่างนี้



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 10:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



81778177.jpg


แต่ที่สมเด็จพระเจ้ามันธาตุราชบรมจักรพรรดิผู้ทรงฤทธิ์ ทรงเผลอจิตคิดไปเช่นนั้น ก็เพราะกามตัณหาบันดาลพาให้หลงผิด ฤทธิ์กามตัณหาความทะยานอยากในเบญจพิธกามารมณ์นี้ ย่อมทำให้ประชาสัตว์ได้รับความวิบัติวุ่นวายนานาประการ ดังนั้น เมื่อองค์พระบรมจักรพรรดิทรง เกิดอกุศลจิตคิดฆ่าสมเด็จพระอมรินทราธิราชผู้มีพระคุณด้วยอำนาจกามตัณหาแล้ว ก็ย่อมทรงไม่แคล้วจากความวิบัติ นั่นคือ อายุสังขารอันยืนนานของพระองค์จำนวนอสงไขยหนึ่งได้ถึงซึ่งความเสื่อมลงในปัจจุบันทันด่วน ขณะที่ทรงคิดอกุศลจิตนั่นเอง พระองค์ได้ทรงกลับกลายร่างจากเทพบุตรสุดโสภาเป็นชายชราภาพแก่หง่อมนักหนา จวนที่จะถึงแก่มรณาอยู่เต็มที่ ก็ธรรมดาว่าสรีระร่างแห่งมนุษย์ย่อมไม่สิ้นสุด ตายลงในสรวงสวรรค์ ซึ่งก่อให้เกิดทุคันธชาติกลิ่นเหม็นแก่เทวดาทั้งปวง ฉะนั้นสมเด็จพระบรมจักรพรรดิผู้ชราภาพ จึงต้องทรงวาบหวามลอยละลิ่วลงจากไตรตรึงษ์สวรรค์ บังเอิญตกลงตรงพระราชอุทยานในพระนครของพระองค์พอดี แต่ว่ายังไม่ทรงถึงแก่ชีพิตักษัย ขณะนั้นนายอุทยานผ่านมาพบเข้าและจำองค์ขัตติยบดีจอมเจ้าแห่งตนได้ จึงได้รีบจัดแจงให้พระองค์บรรทมเหนือพระแท่นที่ในพระราชอุทยาน นั่นเอง แล้วรีบเข้าไปในพระราชวังแจ้งความแก่อำมาตย์ผู้ใหญ่ อำมาตย์ทั้งหลายได้ทราบความแล้ว ก็ดีใจ รีบพากันเข้าไปเฝ้าเจ้าเหนือหัวแห่งตน ซึ่งใกล้จะสิ้นพระชนม์เต็มที แล้วก็มีวาจากราบบังคมทูลด้วยใจภักดีว่า



“ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ! บัดนี้มีภารกิจ สิ่งใดบ้าง ที่ปวงข้าพระบาทจักรับใช้ สนองพระเดชพระคุณแห่งพระองค์ ขอจงได้ทรงพระกรุณารับสั่งมาเถิดพระเจ้าข้า”



“อย่างเดียวเท่านั้น” พระราชาผู้ใกล้สวรรคตตรัสขึ้น อย่างลำบากยากเย็น คือว่าเจ้าทั้งหลายจงโฆษณาประกาศไปให้ทั่วทุกแห่งหนมีใจความว่า



“พระเจ้ามันธาตุมหาราช ผู้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเสวยราชสมบัติเป็นใหญ่ในมหาทวีปทั้งมนุษยโลกนี้แล้ว ยังได้มีโอกาสขึ้นไปเสวยเทวสมบัติ เป็นใหญ่ในเทวโลกชั้น จาตุมหาราชิกาอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วยังได้มีโอกาสขึ้นไป เสวยเทวสมบัติกึ่งหนึ่ง เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ ถึงกระนั้นก็ยังไม่ทรงสามารถที่จะยังตัณหานทีแม่น้ำคือตัณหาอันมีอยู่ในสันดานให้เต็มได้ มีพระทัยเป็นอกุศลคิดจะปล้นเทวสมบัติแห่งสมเด็จท้าวอมรินทราธิราชผู้มีพระคุณ จึงต้องสิ้นบุญตกลงมาถึงแก่ชีพิตักษัยในพระราชอุทยานนี้ นี่แหละเจ้าทั้งหลาย! เป็นคำขอครั้งสุดท้ายของข้า พวกเจ้าอย่าลืมเป็นอันขาด”



สมเด็จพระเจ้ามันธาตุบรมกษัตริย์ ครั้นดำรัสสั่งเป็น ครั้งสุดท้ายดังนี้แล้ว ก็ทรงถึงแก่ชีพิตักษัยทิ้งความอาลัย วิปโยคโศกสลดอันปรากฏในดวงใจแห่งอำมาตย์ราชบริพารของพระองค์ไว้เบื้องหลัง



กามตัณหาในอคติสี่อันได้แก่ ความรัก โลภ โกรธ หลง ล้วนเป็นที่มาแห่งความวิบัติฉิบหายสิ้น แม้เรื่องราวของ กรุงศรีอยุธยาจะผ่านมากว่า ๒๐๐ ปีแล้วก็ตาม แต่ประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นจารึกไว้ด้วยความขมขื่นของประชาชนชาวไทยถ้วนหน้า ผู้เขียนหวังว่าข้อเขียนนี้จักเป็นอุทาหรณ์แก่อนุชนรุ่นหลังให้รู้จักรักสามัคคีแลรู้จักการตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมจริยธรรมอันดีงาม มีหลักคิดแห่งชีวิตด้วยพระธรรม คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมา-สัมพุทธเจ้า เพื่ออนาคตในวันหน้าจักได้ไม่เกิดความวิบัติสูญสิ้นแผ่นดิน ที่อยู่อาศัย เป็นทาสเศรษฐกิจแก่คนต่างชาติเหมือนประวัติศาสตร์ชาติไทยในกาลก่อน ที่พม่าเผาทำลายกรุงไม่เว้นแม้นกระทั่งพระพุทธรูปและวัดวาอาราม เหมือนบทประพันธ์ของ สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ในรัชกาลที่ ๑ ว่า



...คิดว่าก็เป็นอนิจจัง

ด้วยกรุงเป็นที่ตั้งพระศาสนา

ทั้งอารามเจดีย์ที่บูชา

ปฏิมาฉลององค์พระทรงญาณ

ก็ทลายยับยุ่ยเป็นผุยผง

เหมือนพระองค์เสด็จดับสังขาร

ยังไม่สิ้นศาสนามาอันตรธาน

ทั้งเจดีย์วิหารก็สูญไป...



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
รักนะ...เด็กโง่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 พ.ย.2005, 8:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

 
นิดหน่อย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2005, 1:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

 
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 09 มิ.ย.2008, 4:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทโธ เป็นบทความที่ดีครับ
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง