ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
เด็กฝากมาถาม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
01 พ.ย.2005, 5:18 pm |
  |
ถ้าเกิดมาแล้ว ต้องทำใจให้สงบ ละกิเลสทั้งปวง
อะไรจำพวกนี้ ฉะนั้นสีสันของชีวิตอยู่ตรงไหนกัน
แล้วจะมีความรื่นเริงบรรเทิงใจรึไม่
 |
|
|
|
|
 |
ไม้ขีดไฟ ให้แสงสว่าง
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
01 พ.ย.2005, 5:27 pm |
  |
ส่วนมากคนต้องการสีสัน...คงยังไม่ละกิเลสหรอกค่ะ  |
|
|
|
|
 |
ปิงปอง ม.ราม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
01 พ.ย.2005, 9:56 pm |
  |
ใครที่ยังไม่เคยถูกกิเลสครอบงำคงจะไม่รู้ว่ามันน่ากลัวแค่ไหน อย่างเช่นการอิจฉาริษยา มิจฉาทิฏฐิ ความโกรธแค้น ถ้าใครเคยโดนกิเลสจำพวกนี้เล่นงานคงรู้ว่ามันหาความสุขในชีวิตไม่ค่อยได้เลย เพราะจิตของเขาจะโดนเผา โดนบีบคั้น จนเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ระดับจิตของบุคคลทั่วไปจะมี กิเลสประเภทโลภะ โทสะ โมหะอยู่ไม่มากทำให้เขาไม่ค่อยได้รับความทุกข์ทรมาณทางใจเท่าไหร่ แต่หากพวกเขาทำบาปมากขึ้นกิเลสก็จะครอบงำจิตใจได้ง่ายขึ้น ในอดีตผมจะถูกกิเลสบีบคั้นเป็นประจำไม่ค่อยมีความสุขในชีวิตเท่าไหร่ แต่พอเริ่มปฎิบัติธรรมมากขึ้น ทั้งทาน การทำสมาธิ แผ่เมตตา กรุณาให้สรรพสัตว์ จิตใจจึงเริ่มสงบเย็นทำให้เป็นสุขในชีวิตพอสมควร ผมคิดว่ากิเลสที่น้องเขาหมายถึงคงจะเป็นประเภทตัณหา ราคะ ความมัวเมากับอบายมุขซึ่งสิ่งเหล่านี้จะให้ความสุขในเบื้องต้นเท่านั้นหลังจากนั้นก็ฉิบหาย(ขอโทษ)ไปตามๆกัน คนที่เคยมีประสบการจากสมาธิแล้วจะทราบว่าจิตใจจะมีความสุขที่ประณีตกว่าความสุขทางโลก บางคนถึงกับติดในอารมณ์สมาธิชอบนั่งสมาธิเป็นประจำ(ผมก็ติดครับ) สำหรับการหาความสุขจากการดูหนังฟังเพลง นั้นจะทำให้จิตใจประณีตกว่าอารมณ์ปกติของมนุษย์จึงเสพความสุขประเภทนี้ได้ แต่ควรมีสติคอยกำกับเสมอ |
|
|
|
|
 |
ปุ๋ย
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
|
ตอบเมื่อ:
02 พ.ย.2005, 2:28 am |
  |
.....ถ้าเกิดมาแล้ว ต้องทำใจให้สงบ ละกิเลสทั้งปวง.....คนที่จะทำได้ก็ต้องทุกข์มากๆ ทุกข์ปลอมๆทำไม่ได้หรอก ประเภทอาศัยผ้าขาว ผ้าเหลืองห่อหุ้มกิเลสหนาๆเอาไว้อย่างนี้ก็ไม่ได้ ทุกข์มากๆเพราะขี้เกียจทำมาหากิน ก็หลบเข้าบวชใช้ผ้าเหลืองคลุมไว้อย่างนี้ก็ไม่ได้ จิตสงบ ละกิเลสทั้งปวงได้ สีสันของชีวิตมันก็อยู่ตรงที่ไม่ทุกข์ ไม่สุข ...ทุกข์สุขดับไปไม่ปรีดา อยู่ไปธรรมดาๆเท่านั้นเอง...
รื่นเริงบันเทิงใจไปกับการที่ได้ปฏิบัติธรรม สนทนาธรรม ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ ก็ต้องเรียนรู้ทุกข์ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ก็เป็นสีสันอยู่แล้ว ยิ่งปฏิบัติธรรมพิจารณาลงที่กายใน จิตใน เวทนาใน ธรรมในซิ ยิ่งเห็นสีชัดใหญ่ แต่ต้องนั่งตอนกลางวันนะ เพราะกลางคืนมันมืดมองไม่เห็นสี
เจริญในธรรม
มณี ปัทมะ ตารา  |
|
|
|
   |
 |
เฟ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
02 พ.ย.2005, 12:29 pm |
  |
อยากได้สีสันประเภทไหนละคะ สีเลือด สีเนื้อ ก็ดูได้จากสติปัฎฐานสี่ สีแวววาวเลื่อมระยับตา นี่ต้องสายมโนฯ ถ้าสีแดง ก็ต้องสกิณไฟ ฯลฯ
แต่ถ้าสีสันของชีวิตหมายถึงต้องร้อยไห้ ดีใจ เสียใจ สนุกสนาน แล้วละก็ ต้องลองศึกษาธรรมะ มากๆ ได้ลึกซื้งเท่าไรยิ่งดี หมั่นทำบุญ นั่งสมาธิ สวดมนต์ แผ่เมตตา .....อะ! ไม่เชื่อหรอ ลองดูก่อนน่า แล้วจะเห็นสีสันของชิวิตได้ชัดเจนเสียยิ่งกว่าที่อยากจะเห็นเสียอีก |
|
|
|
|
 |
สกล
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
05 พ.ย.2005, 11:26 pm |
  |
คำถามนี้ เป็นคำถาม ของคนที่ยังไม่เข้าใจในธรรมะเลย เมื่อใด ได้สัมผัสกับ ความสุขสงบเย็น และความรื่นเริ่งในธรรมแล้ว จะรู้ว่า มันเทียบกันไม่ได้เลย กับสีสันในชีวิตที่ว่านั้น
...ยังชอบใจอยู่ในของไม่เที่ยง ก็ต้องพบกับของไม่เที่ยงอยู่ร่ำไป....
...ของดี ของถูก ของจริง ต้องละทุกข์ได้....
ความสุข ที่ยังมีความทุกข์รออยู่ นั่นยังไม่ใช่ของจริง...
|
|
|
|
|
 |
พลอย
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
07 พ.ย.2005, 1:16 pm |
  |
สีสัน คงอยู่ที่จะละกิเลส ยังงัยและจริงๆเนี่ยแหละ
เพราะคงทำอยากมาก ๆ
และถ้าละได้คงเป็นสีศิริมงคลมากๆ  |
|
|
|
|
 |
|