Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
กรรมฐานคือเทียนส่องนำทางให้พ้นทุกข์ (สุกัญญา รัตนบูรณะ)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 22 ต.ค.2005, 5:13 pm
ดิฉันศรัทธาและปฏิบัติตมาแนวทางของพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายรวมถึงคุณพ่อคุณแม่ได้แนะนำและนำให้ปฏิบัติ เริ่มจาการหัดใส่บาตร เข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรม ตอนแรกก็เป็นการถูกบังคับแกมเต็มใจปฏิบัติบ้าง ตามประสาเด็กๆที่ต้องทำเพื่อไม่ให้โดนดุ นานเข้ากลับกลายซึมซับเข้าสู่จิตใจกลายเป็นพฤติกรรมที่ประพฤติปฏิบัติอย่างต่อเนื่องโยมิต้องมีใครมาคอยเคี่ยวเข็ญให้ทำ
ดิฉันเริ่มปฏิบัติธรรมจริงจังมากขึ้นเมื่ออายุประมาณ ๑๕ ปี โดยไปถือศีลและปฏิบัติธรรมที่วัด และแต่ละครั้งก็ชอบที่จะบำเพ็ญบุญอยู่ที่โรงครัวเพราะรู้สึกเป็นสุขอย่างมากที่จะทำให้ผู้มาถือศีลปฏิบัติธรรมได้เกิดความสะดวกสบายในการกินอยู่ เห็นชุดขาวก็จะเป็นสุขเหลือเกิน ได้ยินเสียงสวดมนต์ก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้น ดิฉันไม่เคยทิ้งการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเลย บางช่วงตั้งใจว่าจะให้ตัวเองได้เห็นทุกข์อย่างชัดเจน และถือเป็นการทดสอบฝึกความอดทนของกายและใจด้วย ดังนั้นหากมีเวลาไม่ว่าเป็นการไปปฏิบัติธรรมตามวัดต่างจังหวัดที่ทุรกันดาร ไปทอดกฐินหรือผ้าป่าตามจังหวัดต่างๆ หรือแนวปฏิบัติใดที่เป็นแนวของพระพุทธองค์ดิฉันปฏิบัติหมด โดยไม่ได้ยึดติดแนวใดเลย แต่จะนำหลักของแต่ละแนวมาปฏิบัติและยึดถือเพื่อมุ่งควบคุพฤติกรรมของตัวเองให้อยู่ในกรอบธรรมให้มากที่สุดเท่านั้น
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับครอบครัวดิฉันส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงินและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในการตัดสินใจของผู้เป็นพ่อและแม่ในการลงทุนเพื่ประกอบอาชีพ ผลที่ได้รับก็คือกลายเป็นภาระหนี้ผูกพันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการเป็นหนี้ ๑ รายก็เพิ่มเป็น ๒ ราย ๓ ราย และต่อๆ ไปมากขึ้นทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย จิตใจเกิดความหวาดระแวงเมื่อถูกทววงเงิน เกิดความทุกข์ใจเศร้าใจอย่างหนัก ส่งผลให้สุขภาพย่ำแย่ลง ครอบครัวขาดความอบอุ่น มีแต่ความเครียดอยู่ตลอดเวลา ทะเลาะกันเป็นระยะๆ บ้านมิต่างอะไรกับไฟเลย และไหนจะปัญหาภาระการผ่อนชำระธนาคารที่มีค่างวดสูงจนธนาคารกำลังจะยึดบ้าน ผนวกกับภาระเรื่องการเรียนของน้องชายซึ่งอยู่ระหว่างหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะกำลังจะจบปริญญาตรีซึ่งต้องใช้เงินเพิ่มในการทำวิทยานิพนธ์
ช่วงเวลานี้พี่สาวและน้องชายต่างออกจากบ้านไปอาศัยอยู่กับเพื่อนเพื่อไปให้พ้นจากปัญหา เหลือดิฉันคนเดียวที่ต้องรับรู้และแก้ไขปัญหาทุกเรื่อง นอกจากนั้นดิฉันยังถูกหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานไม่เข้าใจ พยายามที่จะสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นตลอดเวลา โดยกดดันดิฉันทุกเรื่องที่จะทำได้ ไหนจะปัญหาสุขภาพอีกที่ป่วยโดยไม่มีสาเหตุอยู่หลายครั้ง ซึ่งอาจเกิดจากความเครียดที่ดิฉันประสบอยู่ก็เป็นได้ ทุกปัญหาวิ่งเข้ามาในเวลาเดียวกันหมดเลย ทำให้สงสัยว่าคนทำดีต้องประสบอะไรเช่นนี้ด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งท้อทั้งทางโลกและทางธรรม
ดิฉันต้องทำงาน ๗ วัน ไม่มีวันหยุดเลย เพื่อหาเงินมาผ่อนหนี้สินให้พ่อและแม่ ส่งธนาคารและส่งน้องเรียน จนกระทั่งมันทุกข์ที่สุด นั่นคือหาทางออกไม่ได้แล้ว แก้ปัญหาไม่ได้แล้ว ปลงตกแล้ว คิดอยู่ในใจว่าบ้านจะถูกยึดก็ให้ยึดไปพ่อแม่จะถูกเจ้าหนี้แจ้งตำรวจจับหรือน้องจะเรียนไม่จบหรือตนเองจะถูกให้ออกจากงาน ก็ต้องปล่อยไป จะป่วยจนตายไปเลยก็ต้องปล่อยตามนั้น เมื่อคิดได้เช่นนั้นทำให้ดิฉันกลายเป็นคนนิ่งสงบ ความเงียบเข้ามมาแทนที่ความสบสันและน้ำตา จนงงกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อจิตนิ่งอยู่ได้สักพักก็ทำให้ดิฉันได้ข้อคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งว่าเมื่อทุกข์จนถึงที่สุดจนชินกับความทุกข์นั้นแล้ว จิตก็สงบนิ่งไปเองอาจเป็นเพราะทุกข์จนเกิดการปล่อยวางไปโดยไม่ตั้งใจกระมัง จึงพิจารณาได้ว่าการปล่อยวางนี่เองที่นำมาซึ่งความสงบของจิต ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าในช่วงที่ทุกข์หนักนั้นกลับทำให้ดิฉันสุขใจมากกว่าทุกข์ใจ เมื่อเทียบกับทุกข์ครั้งที่ผ่านมาทำให้เกิดกำลังใจที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหาใหญ่อีกครั้งค่อยๆแก้ไขปัญหาไปเรื่อยๆ เท่าที่จะทำได้
ดิฉันศรัทธาและปฏิบัติตมาแนวทางของพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายรวมถึงคุณพ่อคุณแม่ได้แนะนำและนำให้ปฏิบัติ เริ่มจาการหัดใส่บาตร เข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรม ตอนแรกก็เป็นการถูกบังคับแกมเต็มใจปฏิบัติบ้าง ตามประสาเด็กๆที่ต้องทำเพื่อไม่ให้โดนดุ นานเข้ากลับกลายซึมซับเข้าสู่จิตใจกลายเป็นพฤติกรรมที่ประพฤติปฏิบัติอย่างต่อเนื่องโยมิต้องมีใครมาคอยเคี่ยวเข็ญให้ทำ
ประมาณปลายปี ๒๕๔๔ ดิฉันมีโอกาสได้ไปถือบวชที่วัดอัมพวันตามคำชักชวนของเพื่อน ซึ่งได้อ่านประวัติของหลวงพ่อและวัดอัมพวันทางอินเตอร์เน็ท แล้วเกิดความศรัทธาอยากไปกราบหลวงพ่อและอยากได้ถือบวช เมื่อได้ไปถึงวัดดิฉันได้มีโอกาสได้พบหลวงพ่อจรัญ ได้ฟังธรรมจากท่าน ซึ่งได้ข้อคืดทางธรรมเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมากทีเดียว ดิฉันได้ถือบวชอยู่ที่นั่น ๓ วัน รู้สึกศรัทธาหลวงพ่อและแนวปฏิบัติกรรมฐานอย่างมาก หลังจากเสร็จสิ้นการบวชดิฉันได้นำแนวกรรมฐานมาปฏิบัติต่อที่บ้านอย่างต่อเนื่องมากบ้างน้อยบ้างตามความสามารถของสภาพกายและใจในขณะนั้น ด้วยคิดว่าเราย่อมช่วยเหลือตัวเราเองก่อนไม่ว่าจะทางธรรมหรือทางโลก หลายครั้งรู้สึกท้อต่อการปฏิบัติแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะหยุดปฏิบัติ ไม่ว่าจะเหนื่อยงานหรือท้อแท้กับปัญหาขนาดไหนก็จะปฏิบัติกรรมฐานอย่างต่อเนื่องทุกวัน ทำให้ดิฉันเริ่มมีสติมากขึ้นในการใช้ชีวิตประจำวัน มีทางออกในการแก้ไขปัญหาให้กับตัวเองมากขึ้น เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะรู้จักเรียงลำดับปัญหาที่สำคัญมากไปจนถึงสำคัญน้อยจาก นั้นก็จะนำเอาทุกปัญหามาคิดหาทางออก ซึ่งบางปัญหาจะมีทางออกให้เลือกมากกว่า ๑ ทาง เมื่อได้ทางออกแล้วก็จะใจเย็นมากข้นในการแก้ไขโดยไม่คาดหวังมากนัก นั่นคือหากแก้ไขได้ก็ดีไป หากแก้ไขไม่ได้ก็จะไม่ฟูมฟาย จะค่อยๆหาทางออกไปเรื่อยๆจนกว่าจะแก้ไขได้
ทุกวันนี้ดิฉันไม่ละทิ้งการปฏิบัติกรรมฐานเลย ในช่วงนี้จะเน้นที่การปฏิบัติในชีวิตประจำวันควบคู่ไปด้วย นั่นคือการนำสติเข้ามาควบคุม กาย วาจา ใจ คือตามดูตามรู้เพื่อให้จิตละเอียดมากขึ้น และเพื่อไม่ให้เกิดการสร้างอกุศลกรรมขึ้นอีก รู้สึกใจเย็นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปล่อยวางสุขและทุกข์ได้มากขึ้น รู้จักบริจาคทานมากขึ้น มีความรักความเมตตาให้กับคนรอบข้าง รู้จักให้อภัยมากขึ้น และทำให้รู้จักมีความเกรงใจทุกคนมากขึ้น
ทุกวันนี้ดิฉันไม่ละทิ้งการปฏิบัติกรรมฐานเลย ในช่วงนี้จะเน้นที่การปฏิบัติในชีวิตประจำวันควบคู่ไปด้วย นั่นคือการนำสติเข้ามาควบคุม กาย วาจา ใจ คือตามดูตามรู้เพื่อให้จิตละเอียดมากขึ้น และเพื่อไม่ให้เกิดการสร้างอกุศลกรรมขึ้นอีก รู้สึกใจเย็นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปล่อยวางสุขและทุกข์ได้มากขึ้น รู้จักบริจาคทานมากขึ้น มีความรักความเมตตาให้กับคนรอบข้าง รู้จักให้อภัยมากขึ้น และทำให้รู้จักมีความเกรงใจทุกคนมากขึ้น
ยังมีอืกเรื่องที่ทำให้ดิฉันมุ่งมั้นมากขึ้นที่จะสร้างแต่คุณงามความดี เพื่อชดใช้บาปที่ได้สร้างไว้ นั่นคือในงานเผาศพของยายที่ดิฉันรักมาก ดิฉันโกรธพระรูปหนึ่งที่เคลื่อนศพคุณยายขึ้นเมรุโดยไม่รอดิฉัน ดิรู้สึกโกรธเสียใจที่สุด นั่งจ้องหน้าพระรูปนั้นแบบโกรธจัด นั่งจ้องอยู่นานพอสมควร จนกระทั่งญาติคนหนึ่งได้เดินมาดึงตัวดิฉันขึ้นไปที่เมรุเพื่อมองรูปภาพยายหน้าโลง เมื่อเห็นภาพยายจึงได้สติจากเหตุการณ์นั้นทำให้ดิฉันทราบคำตอบที่ว่า ทุกวันนี้ดิฉันไม่ได้ทำร้ายใครเลย ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังแต่ดิฉันต้องประสบเคราะห์กรรมด้วยการถูกรังเกียจจากคนอื่นๆอยู่ตลอดเวลา บางคนไม่ชอบหน้าดิฉันเอามากๆทั้งที่ไม่เคยพูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าดิฉันจะทำอะไรก็จะถูกกลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลาทั้งจากหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน และคนในองค์กร
สองเรื่องที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นกรรมที่ต้องชดใช้เพราะสร้างไว้อย่างหนัก ต้องชดใช้คืนด้วยความเต็มใจ และถือเป็นแบบฝึกหัดให้กับตัวเอง ในการใช้สติเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ไม่คิดโทษโชคชะตาฟ้าดิน จะมองทุกเรื่องให้เป็นแง่บวกที่สำคัญไม่ลืมที่จะเร่งสร้างบุญให้มากขึ้น เพื่อเป็นเส้นใยที่แข็งแกร่งนำพาชีวิตให้ได้ไปเกิดในร่มพระพุทธศาสนาอีกครั้ง คิดเพียงเท่านี้ก็มีกำลังใจที่จะมีชีวิตสร้างความเพียรอย่างถึงพร้อมทั้งทางโลกและทางธรรม
อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นกรรมดีนั่นคือ ความกตัญญูที่มีต่อพ่อและแม่ สำหรับฉันไม่ว่าท่านจะกิ่ปัญหาเรื่องหนี้สินหรือเรื่องใดๆขึ้นมาก็ตาม ดิฉันก็จะหาทางช่วยเหลือท่านอย่างถึงที่สุด ผลบุญที่ดิฉันได้รับในทุกวันนี้ก็คือ ทุกๆปัญหาที่เข้ามาดิฉันก็จะมีทางออกในการแก้ไขทั้งสิ้น บางครั้งอยู่เฉยๆ ก็มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออยู่ตลอด ไม่มีคำว่าตกอับเลยสักครั้ง
ในปัจจุบันก็ยังมีปัญหาและความทุกข์เข้ามาในชีวิตเรื่อยๆ แต่ทว่าไม่ทุกข์ใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะดิฉันรู้จักปล่อยวางเป็น คิดหาทางแก้ไขเป็น และมองทุกอย่างในแง่บวกมากขึ้น ส่งผลให้เรามีกำลังใจที่จะต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคนั้นๆ ได้อย่างแข็งแรง
ความสุขใจที่เกิดขึ้น ความปล่อยวางที่เกิดขึ้น และความเพียรที่เกิดขึ้นนี้เอง ทำให้ดิฉันมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสมแต่ความดีตลอดไป และหากมีโอกาสก็จะแนะนำและนำพาคนรอบข้างได้สร้างสมความดีอย่างต่อเนื่องมากขึ้น
กรรมฐานเปรียบเสมือนแสงเทียนที่จะนำส่องเส้นทางการดำเนินชีวิตของเราให้ก้าวไปสู่ที่ดีที่งามทั้งทางโลกและทางธรรม เพราะการปฏิบัติกรรมฐาน ก็คือการฝึกสร้างสตินั่นเอง คนที่มีสติไม่ว่าจะคิดจะพูดหรือจะทำสิ่งใดก็จะเป็นไปด้วยความถูกความควรไม่เป็นการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ที่สำคัญบุญบารมีที่ได้จากการปฏิบัติกรรมฐานนั้นมีคุณค่าอนันต์ที่จะทำให้เราเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมมากขึ้น
ขอบุญกุศลทั้งหลายทั้งปวง จงได้เป็นพลวบัจจัยน้อมถวายแด่พระคุณหลวงพ่อจรัญด้วยเทอญ
คัดลอกจาก
หนังสือกฎแห่งกรรมเล่มที่ ๑๘
วัดอัมพวัน อ. พรหมบุรี จ. สิงห์บุรี
สายลม
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
ตอบเมื่อ: 25 ต.ค.2005, 12:00 am
สาธุด้วยครับ
kunying
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 13 ก.พ. 2006
ตอบ: 13
ตอบเมื่อ: 15 ก.พ.2006, 5:17 am
พยายามทำอยู่เช่นเดียวกันแต่คงยังไม่ถึงขั้น
_________________
ทำดีเพื่อดีแก่โลก
แมวขาวมณี
บัวบาน
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2006, 10:22 pm
อยากไปกราบหลวงพ่อบ้างจะทำอย่างไรดีหนอ
ไม้อ่อน
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2007
ตอบ: 62
ตอบเมื่อ: 04 พ.ค.2007, 5:30 pm
อนุโมทนา
_________________
tussanee
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 30 ก.ค. 2007
ตอบ: 12
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2007, 11:34 am
ขอแสดงความดีใจด้วยคะ ดิฉันก็เจอแบบเดียวกันกันเรื่องที่เขียนดิฉันจะทำตามแบบที่ท่านกล่าวไว้ เพื่อชีวิตความเป็นอยู่จะได้ดีขึ้น
_________________
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
พิทรายา
บัวใต้น้ำ
เข้าร่วม: 12 ส.ค. 2007
ตอบ: 103
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี
ตอบเมื่อ: 25 พ.ย.2007, 10:14 am
_________________
ความยึดมั่นถือมั่นทำให้เป็นทุกข์
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th