ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
กงจักร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 ต.ค.2005, 9:44 pm |
  |
ยุคสมัยนี้ มีภัยสังคมเกิดขึ้นใหม่มากมายหลายรูปแบบ โดยเฉพาะกับเหยื่อที่เป็นผู้หญิง ทำให้เกิดปัญหาคาใจว่า เมื่อเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมาแต่ละครั้ง เราจะต้องคิดเสมอว่า มันเป็นกรรมเก่าของเหยื่อทุกครั้งไป อย่างนั้นเลยใช่หรือไม่ หรือว่าจริงๆแล้ว มันอาจจะเป็นกรรมใหม่ของผู้กระทำความผิดนั้นเองก็ได้
แล้วเราจะหาวิธีป้องกันภัยเหล่านี้ ให้แก่ตนเองและคนที่เรารักได้อย่างไร ในเมื่อผู้ที่ประพฤติตนดี ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง ก็ยังต้องตกเป็นเหยื่อมาแล้วนับไม่ถ้วน ส่วนคนที่เป็นเหยื่อเข้าแล้ว ควรจะมีวิธีคิดอย่างไร เพื่อไม่ให้ตนเองต้องเป็นทุกข์ทรมาน
ขอท่านทั้งหลาย ช่วยๆกันแสดงความคิดเห็น เพื่อจะได้เป็นประโยชน์แก่คนทั่วไปด้วย
-----------------------------------------------
ภัยทางอินเตอร์เนต คำสารภาพจากชายคนหนึ่ง
ตอนนี้ผมเพิ่งได้ลูกสาวมันทำให้ผมรู้สึกสำนึกบาปที่เคยทำกับน้องผู้หญิงคนหนึ่ง
ผมหวังว่าเรื่องที่ผมจะเล่านี้จะเป็นประโยชน์กับน้องๆ
ผู้หญิงนักแชตนะครับ
อย่างน้อยก็จะได้รู้จักธาตุแท้ของผู้ชายบางประเภทก่อนแต่งงาน
ผมกับแฟน (คนที่ผมแต่งงานด้วย) คบกันมานาน
เธอเป็นกุลสตรี ผมให้เกียรติเธอ
ไม่คิดจะล่วงเกินอะไรเธอจนถึงวันแต่งเพื่อรักษาความรู้สึกดีๆ
ที่มีให้กัน แต่ธรรมชาติของผู้ชายมันมีความต้องการ
ผมก็เลยหาเอาในเน็ตนี่แหละ
ผมรู้จักน้องนักศึกษาคนนึงในเน็ต คุยกันถูกคอมาก
และผมก็รู้สึกได้ว่าเธอรู้สึกอะไรๆ กับผมเหมือนกัน
จนในที่สุดเราก็นัดพบกัน
หลังจากพบกันก็สนิทกันมากขึ้นเพราะเธอก็รู้ว่าผมไม่ใช่พวกต้มตุ๋น
เพราะฐานะ การศึกษา หน้าที่การงานผมจัดว่าดี
ผมไม่ได้หลอกลวงเธอเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย
ผมบอกเธอด้วยว่าผมมีแฟนแล้วแต่เค้าก็ดูเหมือนไม่แคร์และมั่นใจในตัวเองมาก
ส่วนผมก็โอเคเพราะถึงเธอจะไม่ถึงกับใสซื่อบริสุทธ์แต่ก็ดูไม่ใช่พวกเด็กเที่ยวมั่วเซ็กซ์หรือขายตัวอะไรแบบนั้นเจอกัน
2-3 ครั้งผมก็บรรลุจุดประสงค์โดยความยินยอมของเธอ
มันเร็วกว่าที่คิดด้วยซ้ำ
จากนั้นเราก็มีอะไรกันมาเรื่อย
ผมยอมรับว่านอกจากเพื่อเรื่องอย่างว่าแล้วผมไม่ได้มีความรู้สึกรักชอบแบบแฟนกับน้องเค้าเลย
ทุกครั้งที่คุยกันหรือนัดกันก็เพื่อเรื่องอย่างว่าตลอด
แต่น้องเค้าคงเข้าใจผิดและมั่นใจไปเองว่าซักวันเราจะเป็นแฟนกันได้
เพราะเราเข้ากันได้ดีมากในเรื่องอย่างว่าและอีกอย่างผมมักจะแสดงความห่วงใยน้องเค้าตลอดเรื่องการเรียน
การคบเพื่อน การเที่ยวกลางคืน ซึ่งจริงๆ
แล้วผมถามถึงเพราะผมห่วงเรื่องความสะอาดของเค้า
กลัวเค้าจะไปมั่วกับคนอื่นแล้วเอาอะไรมาติดผม
ก็มีบ้างที่ผมปะเหลาะเค้าไปตามเรื่องเวลาเค้าน้อยใจเพราะกลัวเค้างอนแล้วไม่ยอมมีอะไรกับผม
แต่ผมก็ไม่เคยหลอกลวงเค้าหรือสัญญากับเค้านะว่ารักเค้าจะแต่งงานกับเค้า
ผมเคยบอกเค้าด้วยซ้ำว่าถ้าเจอคนที่ดีก็บอกผมได้
เพราะผมเองก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่ (แต่จริงๆ
แล้วเวลามีคนมาจีบเค้าแล้วเค้ามาปรึกษา
ผมก็จะพยายามถ่วงเวลาเค้าไว้ว่าให้ดูไปก่อน
ตินู่นตินี่ไปเรื่อย
เพราะผมกลัวว่าถ้าเค้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วผมจะอด)
จนในที่สุดผมกับแฟนก็มีแผนจะแต่งงานกันแน่นอน
ผมก็เริ่มตีตัวออกห่างจากน้องเค้า
ช่วงหลังน้องเค้าเคยถามนะว่าถ้าเค้าท้องจะทำยังไง
แต่ผมก็บอกเค้าไปว่าก็คงต้องเอาออกเพราะเค้าน่าจะรู้นะว่าผมไม่พร้อมกับเค้า
และผมก็เตือนเค้าให้ระวังเรื่องนี้มาตลอด
ผมไม่เชื่อว่าเค้าจะปล่อยให้เกิดขึ้น
(แต่ต่อให้จริงผมก็คงยืนยันแบบนี้
เพราะผมถือว่ามันเป็นข้อตกลงที่เราเข้าใจกันตั้งแต่แรก)
ผมก็ยังคงตีตัวออกห่างจนเลิกติดต่อไปในที่สุด
ผมอยากจะบอกน้องๆ นักแชตว่า
ถึงแม้ว่าน้องจะได้เจอกับหนุ่มที่คุยกันทางเน็ตแล้วรู้ว่าเค้าไม่ใช่พวกต้มตุ๋นหรือโรคจิต
มันก็ไม่ได้หมายความว่าน้องจะรอดพ้นจากอันตรายไปได้
ยิ่งเจอคนที่ดีพร้อม ก็อย่าคิดว่าถูกหวยหรือเป็นบุพเพ
น้องอาจกลายเป็นอีหนูปลอดเชื้อที่เค้าเอาไว้แก้ขัดชั่วคราวโดยไม่รู้ตัวก็ได้
---------------------------------------------
เตือนภัย .. เดินห้างระวัง
สืบเนื่องมาจากข่าวที่มีห้างดังแถวพระราม 4 ข่มขู่
ยัดเยียด ตบทรัพย์
รปภ.และแคชเชียร์ แก๊งโฉดในห้างสรรพสินค้า
ผมซึ่งมีโอกาสทำงานในห้าง---สาขามีนบุรี
ขอพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ให้สังคมได้รับรู้
และเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เพราะผมได้เจอะเจออยู่ทุกวัน
จนผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
ถ้าหากวันไหนไม่ได้เห็นการกระทำของห้างนี้จะแปลกมาก ๆ
ใหม่ ๆ ผมก็แปลกใจและสงสาร
แต่เดี๋ยวนี้เราต้องร่วมมือกับเขาด้วย
ไม่งั้นก็อยู่หรือทำงานที่นี่ไม่ได้
กลุ่มคนเหล่านี้จะทำกันเป็นทีม
คือมีคนที่เรียกตัวเองว่าสก็อต
ซึ่งคือพนักงานของทางห้างฯ แต่งกายทั่ว ๆ ไป
ไม่ได้แต่งเครื่องแบบ มีนาย--เป็นผู้จัดการทั่วไป
เป็นผู้ควบคุมดูแลและโต้โผการกระทำ
จะทำทีถือสินค้าชิ้นหรือสองชิ้นเดินไปเดินมา
แต่ตาจะคอยหาเหยื่อ จะมีทั้งผู้ชายและหญิง
ถ้าหากสังเกตดี ๆ
จะมีพวกเครื่องมือสื่อสารที่ตำรวจเขาใช้กัน
ต่อไปก็เป็นยาม พวกนี้จะมีทั้งชายและหญิง
ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ
ซึ่งจะมีบริษัทที่รับเข้ามาทำ จะต้องมีทหารยศสูง ๆ
พอสมควร พฤติกรรมจะเหมือนกัน
จะทำทีถือสินค้าเดินไปเดินมา แต่ตาจะคอยหาเหยื่อ
ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะมีมากเกือบทุกซอยหรือทุกหลืบของห้างด้วยซ้ำไป
และพนักงานแคชเชียร์ก็จะเป็นใจในการร่วมการกระทำครั้งนี้ด้วย
พฤติกรรมของคนเหล่านี้ คือ ถ้าเห็นผู้หญิงหน้าตาดี
จะทำทีเข้าไปขอค้นและเชิญตัวเข้าไปในห้องในสำนักงาน
เมื่อคุณถูกเชิญอย่างนั้น คุณต้องอับอาย
จนต้องเดินตามไปกับพวกเขา ถ้าหากไม่ตั้งสติให้ดี ๆ
คุณคือเหยื่อของพวกมัน เมื่อพาเข้าไปในห้อง จะมีพรรคพวก
3-4 คน หน้าตาxxxมเกรียมคอยขู่กรรโชกคุณตลอดเวลาว่า
คุณจะต้องเสียเงินเท่าไหร่ หากไม่ยอม
คุณจะถูกทำมิดีมิร้ายในห้องนั้นเลย
หรือบางทีทั้งสองอย่าง
และมีการถ่ายรูปไว้แบล็กเมล์คุณภายหลังก็มี
แล้วจะพาคุณออกไปทางข้างหลังห้าง
หรือไม่ก็พาคุณไปส่งที่อื่น ๆ ก็มี
นี่คือกรณีสำหรับผู้หญิง ส่วนผู้ชายหากไม่เห็นว่าผิดจริง
ๆ จะไม่กล้ายุ่งส่วนเด็ก ๆ
ถ้ามาคนเดียวหรือแยกตัวกับพ่อแม่ผู้ปกครองก็จะถูกยัดข้อหา
และเรียกปรับจากผู้ปกครองเป็นมูลค่ากว่า 20
เท่าของสินค้า
ส่วนเรื่องของพนักงานที่นี่
ถ้าหากคุณไม่ทำตามกฏระเบียบที่ตั้งไว้แล้วละก็
คุณจะกลายเป็นคนตกงานทันที
หรือไม่ก็จะกลายเป็นผู้ต้องหาทันทีได้เหมือนกัน
โดยที่ผู้ชายหาไม่ทำตามกฏหรือไม่ทำตามที่นายสั่งไว้แล้ว
จะถูกตั้งข้อหายักยอกทรัพย์หรือขโมยของได้ง่าย ๆ
ทั้งที่พนักงานไม่ได้ทำ
แต่พวกเขาจะแจ้งความและเอาพนักงานคนนี้ติดคุกให้ได้
โดยที่ตำรวจเป็นใจด้วยทุกครั้ง
หากเราจะไปแจ้งความจะถูกซ้อม
ชนิดที่ว่าไม่ต้องพูดอะไรได้
ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มอย่างเดียว
และส่วนผู้หญิงหากคนไหนถูกใจนาย
ก็จะถูกเรียกไปพบที่ห้องส่วนตัวและหลาย ๆ คน
ถูกทำมิดีมิร้าย ซึ่งบางคนก็อายไม่กล้าบอกใคร
บางคนเพิ่งเข้ามาจากต่างจังหวัด
ทำงานเป็นครั้งแรกก็ไม่รู้จะทำไงได้
ได้แต่ยอมให้มันทำมิดีมิร้ายตามใจชอบ
บางคนจะยัดข้อหาให้เหมือนผู้ชาย คือ ยักยอกทรัพย์
หรือขโมยของ ซึ่งพนักงานไม่กล้าปริปากพูด
หากพูดมากจะโดนทำให้ตกงาน ใครทนไม่ได้ก็ต้องลาออก
บางคนยังเรียนอยู่ด้วย อนาคตเขาต้องพังทันที
เพราะพวกมันเสมอ บางทีสงสารเพื่อนพนักงานด้วยกัน
แต่พวกเราต้องกิน ต้องใช้
พวกเราทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองตาปริบ ๆ คือต้องทน
และทำตามที่เขาสั่งทุกอย่าง
-----------------------------------------------
มอมยาสาว...ด้วยโดมิคุ่ม
เค้าว่ากันว่าผู้หญิงน่ะรักแบบโรแมนติก(Romantic)
แต่ผู้ชายกลับมีแบบฉบับเชิงอีโรติก (Erotic)
อันนี้จริงไม่จริงอย่างไรนายแฉไม่ฟันธง
พิจารณากันเอาเองแล้วกันท่านแฟนานุแฟนทั้งหลาย
แต่xxxที่จะมาเตือนกันวันนี้
มันสืบเนื่องจากอารมณ์อีโรติกของคุณผู้ชายทั้งหลายนั่นแล
สมัยนี้อาชญากรรมทางเพศเกิดขึ้นแทบทุกวัน
นี่ยังไม่นับจำนวนสาวๆ
ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศแล้วไม่กล้าแจ้งความเพราะความอาย
กลัวเสียชื่อเสียง
เรายังเห็นกันบนข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ต่างๆ
ทุกวี่ทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นการข่มขืนกระทำชำเรา
และอันว่าการข่มขืนกระทำชำเราก็มีหลายรูปแบบ เช่น
ข่มขืนทั้ง ๆ ที่เหยื่อยังมีสติ
แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่ใช้วิธีการที่นายแฉจะมาแฉวันนี้
นั่นคือการ “มอมยา”
อันนี้ยังไม่พูดถึงบรรดายาใต้ดินจำพวกยาปลุกเซ็กซ์แบบที่แอบขายกันในตลาดมืดนะ
เอาแค่ยาบนดินที่อย.รับรอง
ซึ่งใช้ในวงการแพทย์แบบถูกกฎหมายก็มีไม่หวาดไม่ไหว
ซึ่งหากพวกมิจฉาชีพหื่นกามทั้งหลายนำไปใช้ในทางไม่ดีล่ะส่งผลเสียหนักทีเดียว
แม้ว่ายาพวกนี้จะขายตามใบสั่งของแพทย์เท่านั้น
รวมทั้งมีกฎหมายห้ามร้านขายยาจำหน่ายยาประเภทนี้
แต่ก็ยังมีการลักลอบนำมาขายในราคาสูงเพื่อจุดประสงค์
ในการก่ออาชญากรรมโดยเฉพาะ
แหล่งข่าวที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศของเรากล่าวว่า
ถูกหลอกให้กินยาประเภทนี้
ทั้งในรูปแบบของการผสมกับแอลกอฮอล์และการหลอกให้กินโดยตรง
โดยอ้างว่าเป็นยาแก้หวัด ยาแก้เมา เป็นต้น
และส่วนใหญ่ที่โดน โดนจากการกระทำของคนใกล้ชิด เช่นแฟน
เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมสถาบันการศึกษา เพื่อนแฟน
เจ้านาย ตลอดจนเพื่อนข้างห้อง (กรณีอยู่อพาร์ทเม้นต์
คอนโด หอพัก) เป็นต้น
“กี้” (นามสมมติ) สาวออฟฟิศวัย 25
กล่าวว่าเธอถูกแฟนของเธอเองข่มขืน
หลังจากที่ชายหนุ่มคนนั้นเฝ้าพากเพียรเวียนขอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอมาตลอด
2 ปีเต็มๆ ที่คบกัน แต่กี้มาจากครอบครัวหัวโบราณ
เธอปฏิเสธทุกครั้งที่แฟนขอนอนด้วย
ซึ่งหลายต่อหลายครั้งนำมาซึ่งการทะเลาะเบาะแว้งของทั้งคู่
แต่เธอก็ยอมให้แฟนหนุ่มสัมผัสภายนอกได้บ้าง เช่นการกอด
จูบ แต่ไม่มีการกระทำอื่น
จนสุดท้ายคืนหนึ่งหลังจากที่เธอและแฟนกลับมาจากงานเลี้ยงแต่งงานของเพื่อน
ซึ่งต่างคนก็ต่างดื่มมาจากงานบ้างพอหน้าตึงๆ
แฟนของเธอชวนเธอมาดื่มต่อที่อพาร์ทเมนต์ของเขา
โดยให้เหตุผลว่า พรุ่งนี้เป็นวันหยุดขอดื่มซักวัน
ซึ่งเธอก็ไม่คิดว่ามันจะเสียหายอะไร
แฟนเธอซื้อเบียร์ขึ้นไปอีก 4 ขวด
แล้วก็ชวนเธอดื่มด้วยกัน
แต่ก่อนที่จะดื่มเขาได้ส่งยาเม็ดสีฟ้าเล็กๆ
ให้เธอหนึ่งเม็ด บอกว่าเป็นยากันแฮงค์
ตอนเช้าจะได้ไม่ปวดหัว
ด้วยความที่เธอไว้ใจเขามากและไม่ได้คิดอะไร
ทำให้กี้ตัดสินใจกินยาเม็ดนั้นเข้าไป ไม่เกิน 5
นาทีหลังจากนั้น
เธอก็ไม่รู้สึกตัวอะไรอีกจนกระทั่งสายของอีกวัน
โดยที่มีแฟนหนุ่มเปลือยกายนอนกอดเธออยู่บนเตียง
ซึ่งตัวเธอก็ไม่ได้ใส่อะไรเช่นกัน
...หลายคนคงอยากรู้ว่าหลังจากที่แฟนหนุ่มของกี้มอมเหล้ากับยา
จนหญิงสาวหลับไม่รู้เรื่อง
และตื่นขึ้นมาพร้อมกับรับรู้ว่าตัวเองได้เสียท่าแฟนหนุ่มตัวแสบไปแล้ว
มันเป็นยังไงต่อไป กี้ก็คงเหมือนผู้หญิงทั่วๆ
ไปที่คิดว่าเสียแล้วก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้
นอกจากปล่อยเลยตามเลยโดยหวังว่าแฟนของเธอจะรับผิดชอบ
แต่หลังจากที่เธอ “เสียท่า”
ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนไปแล้ว
แต่กลับกลายเป็นว่าไม่นานนัก เขาก็ทิ้งเธอไป
โดยไม่สนใจที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นใดๆ ทั้งสิ้น
นายแฉเชื่อว่าคงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงหลายๆ
คน แต่คงจะไม่มีใครกล้าบอกเล่าหรือเอาเรื่อง
สังคมไทยยังเป็นสังคมของผู้ชายแม้ว่าจะเปิดกว้างเพื่อสิทธิของสตรีมากขึ้นก็ตาม
แต่ถ้ากี้ไปแจ้งความ คนที่จะโดนครหา ติฉินนินทา
ก็คือตัวเธอเอง
|
|
|
|
|
 |
sorrow
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
20 ต.ค.2005, 11:29 am |
  |
รู้สึกแย่กับเรื่องเลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม แต่ก็ขอขอบคุณที่นำเรื่องเล่านี้มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อหาทางป้องกันตนเอง โดยเฉพาะคุณผู้หญิง
หากว่าเราทุกคนเชื่อในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เชื่อในกฏแห่งกรรม ดำรงตนในศีล 5 ก็จะไม่เกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้ในสังคม แต่คนในยุดล่วงเลยกึ่งพุทธกาลมาแล้ว ศีลธรรมก็ย่อมเสื่อมทรามลง คนจึงกล้าทำชั่วมากขึ้น
"ศีล" แปลว่า ปกติ คนที่ไม่มีศีล หรือสังคมปราศจากศีลธรรมจึงไม่ปกติ ดังที่เราเห็นๆ กันอยู่
"พึงละความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม และรักษาจิตของเราให้บริสุทธิ์"
ธรรมย่อมรักษาผู้รักธรรม
|
|
|
|
|
 |
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
|